วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1076 อดีตของเขา

บทที่ 1076 อดีตของเขา

ก่อนหน้านั้นเขาหวาดกลัวมาโดยตลอดว่าจิ่งหนิงจะเป็นเพราะว่าเรื่องที่ปกปิดเธอและเอาใจออกห่างเขา ตอนนี้ดูแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นอย่างนี้

ในที่สุดลู่จิ่งเซินก็วางใจได้

แต่วางใจส่วนวางใจ สิ่งที่ควรอธิบายยังคงต้องอธิบาย

ด้วยเหตุนี้ตอนกลางคืนที่ดึกสงัดเงียบสงบ เขาก็เลยดึงจิ่งหนิงมาเล่าเรื่องในปีนั้นทั้งหมดให้เธอฟัง

ที่แท้ตั้งแต่แรกลู่จิ่งเซินก็ไม่ใช่พ่อค้าที่ธรรมดาคนหนึ่ง

เมื่อนานมาแล้วเขาได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่คนข้างนอกยังรู้ว่าสิ่งที่เขาเรียนเป็นวิชาบริหารธุรกิจ ตามความจริงเขายังแอบเรียนโรงเรียนทหารอีก

ก็เป็นเพราะว่าอยู่ในโรงเรียนทหารนั่นเองจึงถูกแม่ทัพอาวุโสคนหนึ่งตาดีมองเห็น เลือกเขาเป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองขององค์กรX

เขาถือว่าเป็นสายตรงของแม่ทัพอาวุโส เนื่องเพราะการแสดงออกมายอดเยี่ยม หลังจากตอนที่แม่ทัพอาวุโสปลดเกษียณ ก็เลยมอบตำแหน่งผู้นำให้กับเขาเลย

ทั้งยังมอบภารกิจในการจับกุมหนานกงจิ่นให้เขาอีก

ตั้งแต่เวลานั้นสงครามระหว่างลู่จิ่งเซินกับหนานกงจิ่นก็เริ่มแล้ว

จิ่งหนิงคิดอย่างละเอียดหน่อย ถึงขนาดอยู่ก่อนที่ตนเองพบเจอกับลู่จิ่งเซินครั้งแรกอีก

แต่ดูแล้วก็ใช่ สาเหตุที่พวกเขาได้พบเจอในตอนนั้น ก็ไม่ใช่เนื่องเพราะระหว่างทางที่เขาสะกดรอยหนานกงจิ่นจึงพบเจอกับเธอเลยเหรอ?

เพราะว่าเรื่องนี้เกี่ยวเนื่องไปกว้างมาก ยังมีองค์ประกอบทางวิทยาศาสตร์บ้างเล็กน้อยที่อธิบายชัดเจนไม่ได้อยู่ข้างใน ด้วยเหตุนี้เรื่องนี้จะต้องเก็บไว้เป็นความลับอย่างเด็ดขาด

และเรื่องเป็นเพราะว่าต้องเก็บไว้เป็นความลับนั่นเอง สถานะของลู่จิ่งเซินก็ต้องกลายเป็นความลับเช่นกัน

รวมกับองค์กรXที่รับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย ล้วนไม่สามารถให้คนภายนอกรู้

แค่คิดก็รู้ว่า อยู่ในวันเวลาที่อ้างว้างเดียวดายเหล่านั้นลู่จิ่งเซินแบกรับหน้าที่รับผิดชอบอันใหญ่หลวงนี้ตัวคนเดียวได้ยังไงล่ะ

ไม่มีใครเข้าใจ ทั้งไม่มีคนบอกเล่าได้

ไม่ว่าพบเจอกับเรื่องอะไรล้วนต้องแบกรับคนเดียว เหน็ดเหนื่อยขนาดไหนทุกข์ขนาดไหนล้วนไม่สามารถพูดสักคำ

อยู่ดีๆจิ่งหนิงก็ไม่โกรธเขาเลยสักนิด อยู่ดีๆเธอก็รู้สึกรักสงสารลู่จิ่งเซินมาก

เธอรู้ว่าอยู่ในวันเวลาเหล่านั้น วันเวลาของลู่จิ่งเซินต้องผ่านอย่างลำบากแน่นอน แต่เพื่อความปลอดภัยของพวกประชาชน เขายังคงแข็งใจไว้

ได้ใช้เวลายาวนานเกือบสิบปี ในที่สุดก็ยังจับกุมหนานกงจิ่นไว้ได้

เขาลำบากขนาดนี้ หากตนเองยังโทษเขาอีก งั้นตนเองยังคู่ควรเป็นภรรยาเขาได้อีกเหรอ?

จิ่งหนิงใจร้ายไม่ลงฟังต่อไปอีก กอดลู่จิ่งเซินไว้ทันที

“พอแล้ว อย่าพูดอีกเลย”

แขนของลู่จิ่งเซินเกาะไหล่ของเธอไว้ กอดเธอไว้ในอ้อมอกเบาๆ

เขาถอนหายใจหนึ่งที พูดเสียงต่ำว่า “ขอโทษ หนิงหนิง ผมไม่ควรมีเจตนาปกปิดคุณ”

จิ่งหนิงกลับแค่ส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก สักพักจึงพูดว่า “ฉันไม่โทษคุณ ฉันรู้ว่าคุณมีความลำบากใจของคุณ เพียงแค่ตอนนี้หนานกงจิ่นตายแล้ว งั้นก็แสดงว่าอันตรายขจัดไปแล้วใช่หรือไม่ล่ะ?”

เธอเงยหน้านิดๆจ้องมองใบหน้าของเขาอยู่ ลู่จิ่งเซินอมยิ้มหนึ่งที ยื่นมือขูดจมูกของเธอเบาๆขูดแล้วขูดอีก

“ที่ไหนจะง่ายขนาดนั้น อันตรายคงอยู่ในโลกนี้ตลอดกาล อันตรายอย่างหนึ่งขจัดแล้ว ยังมีอีกอย่างหนึ่ง เป็นไปได้ยังไงจะบอกว่าไม่มีก็ไม่มีแล้วล่ะ?”

ไม่นานเขาก็สัมผัสถึงความกังวลที่อยู่นัยน์ตาของจิ่งหนิง ถึงยังไงก็มีความอดไม่ได้เล็กน้อยที่จะเห็นเธอกังวล

และปลอบใจพูดอีกว่า “แต่คุณวางใจเถอะ ผมจะทุ่มสุดแรงทั้งหมดรับรองถึงความปลอดภัยของตนเอง อย่าลืมพวกเรายังจะอยู่ร่วมกันจนถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรล่ะ”

จิ่งหนิง “พู่” เสียงหนึ่งหัวเราะออกมา มีความรู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อยและมีความเจ็บปวดใจอีกเล็กน้อย

เธอจับมือของลู่จิ่งเซินไว้ พูดเสียงต่ำว่า “คุณต้องอยู่ดีๆนะ ถ้าหากคุณเกิดอะไรขึ้น ฉันก็……”

“ถ้าหากผมเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณต้องเข้มแข็งอยู่ต่อไป ห้ามคิดเหลวไหล ยิ่งห้ามทำเรื่องโง่เขลา เข้าใจไหม?”

อยู่ดีๆน้ำเสียงของลู่จิ่งเซินกลายเป็นเอาจริงเอาจังขึ้นมา จิ่งหนิงคัดจมูกทันที น้ำตาไหลลงพรั่กๆ

อยู่ดีๆเพราะเธอรู้สึกถึงว่าลู่จิ่งเซินไม่ได้พูดเล่น แต่พูดจริง

เห็นเธอร้องไห้แล้ว ลู่จิ่งเซินก็มีความร้อนรนเล็กน้อยเช่นกัน

เขารีบกล่อมว่า “เอาล่ะ เอาล่ะ คุณอย่าร้องไห้ ผมผิดไปแล้ว คุณร้องไห้อย่างนี้ต่อไปอีก ใจผมล้วนจะแตกสลายแล้ว”

แต่ว่าที่ไหนจิ่งหนิงจะอดทนไว้ได้ล่ะ?

เดิมทีเธอก็ตั้งครรภ์อยู่แล้ว อารมณ์ขึ้นลงง่าย

พอลู่จิ่งเซินพูดเช่นนี้ เพียงรู้สึกความเศร้าโศกทะลักออกจากใจ เหมือนเช่นดั่งทั้งสองคนล้วนจะแยกออกจากกันในทุกเวลา อารมณ์ควบคุมไม่ไหวเลยสักนิด

ลู่จิ่งเซินเห็นสภาพการณ์อย่างนี้ ก็รู้ว่าตนเองพูดผิดแล้ว

เพื่อที่จะปลอบให้เธอไม่ร้องไห้อีก รีบเปลี่ยนคำพูดว่า “ได้ได้ได้ ผมรับปากคุณ ผมจะต้องมีชีวิตอยู่ให้ดีๆอย่างแน่นอน ย่อมจะไม่ไปก่อนคุณอย่างเด็ดขาดดีหรือไม่ล่ะ?

คุณอย่าร้องไห้อีกเลย คุณร้องไห้เช่นนี้ต่ออีก ผมยังไม่ได้พบเจอกับอันตราย เจ็บป่วยใจจนตายก่อนแล้วล่ะ”

ผู้ชายทั้งพูดอยู่ทั้งเอามือเช็ดน้ำตาให้เธอ

อารมณ์ของจิ่งหนิงไม่สามารถควบคุมได้ในขณะนี้ กอดเขาไว้ยิ่งร้องไห้เสียงดังออกมา

กำลังร้องไห้อยู่ อยู่ดีๆข้างนอกส่งเสียงเคาะประตู ปั้งๆๆ เข้ามา

ลู่จิ่งเซินอึ้งชะงักไปหนึ่งที ถามว่า “ใครเหรอ?”

ข้างนอกส่งเสียงที่ชัดเจนไพเราะของอานอานกับจิ้งเจ๋อน้อยเข้ามา

“แด๊ดดี้ หม่ามี๊ พวกท่านทำอะไรอยู่เหรอ? แด๊ดดี้ท่านรังแกหม่ามี๊อีกแล้วใช่หรือไม่? พวกเราล้วนได้ยินเสียงร้องไห้ของหม่ามี๊แล้ว”

ทั้งสองคนล้วนแข็งทื่อทันที ลู่จิ่งเซินทั้งจะโมโหทั้งรู้สึกน่าขำ ร้องตะโกนพูดกับข้างนอกว่า “อย่าพูดเหลวไหล พวกแกไปนอนเถอะไป! หม่ามี๊ของพวกแกอยู่ ดีมาก ไม่ได้ถูกรังแก!”

จิ่งหนิงก็รู้สึกมีความอึดอัดเล็กน้อยเช่นกัน เธอหน้าแดงอยู่ รีบเช็ดน้ำตาเช็ดแล้วเช็ดอีก ผลักลู่จิ่งเซินออกเดินไปยังข้างนอก

เปิดประตูห้องออก เป็นอย่างที่คิดไว้เห็นซาลาเปาน้อยทั้งสองจริงจังเต็มใบหน้า ยืนอยู่นอกประตูจริงๆ

เห็นเธอออกมาแล้ว อานอานดึงจิ่งหนิงเข้าไปทันที

เป็นห่วงพินิจพิเคราะห์เธอขึ้นลงก่อนหนึ่งที สังเกตเห็นตาของเธอแดงอยู่ รีบเอาใจใส่พูดว่า “หม่ามี๊ ท่านร้องไห้แล้วจริงๆใช่หรือไม่? แด๊ดดี้รังแกท่านเหรอ? ฮึ ถ้าหากแด๊ดดี้รังแกท่าน ท่านบอกกับพวกเรา พวกเราจะไปแก้แค้นให้ท่าน!”

พูดอยู่ ก็จะพุ่งเข้าไปในห้องนอน

จิ่งหนิงรีบดึงพวกเขาไว้ เพียงรู้สึกน่าขำเหลือเกิน

ความเศร้าโศกเสียใจเต็มอกในเมื่อกี้รวดเดียวก็ถูกคนให้เจือจางแล้ว

เธอยิ้มพูดว่า “อย่าพูดเหลวไหล แด๊ดดี้ของพวกแกไม่ได้รังแกฉัน! พวกเราทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ล่ะ ตอนนี้เวลาดึกแล้ว พวกแกยังอยู่ข้างนอกได้ยังไงล่ะ? ไม่ต้องนอนเหรอ?”

เธอตั้งใจหน้าบึ้ง แกล้งทำจริงจัง

ใครจะรู้ว่าซาลาเปาน้อยทั้งสองรู้จักนิสัยของเธอมานานแล้ว ไม่กลัวเธอเลยสักนิด

อานอานพูดว่า “พรุ่งนี้ฉันไม่ต้องไปโรงเรียน ตามกฎเกณฑ์ฉันสามารถนอนดึกหน่อยได้”

จิ่งหนิงคิดดู ดูเหมือนก็ใช่

พรุ่งนี้เป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ตอนที่ไม่ต้องไปโรงเรียนสามารถนอนดึกหน่อยได้

จากนั้นเอาสายตาจ้องไปยังจิ้งเจ๋อน้อยที่อยู่ข้างๆอีก

อย่าเห็นว่าจิ้งเจ๋อน้อยปีนี้เพิ่งอายุสี่ขวบกว่า แต่เจ้าเล่ห์ฉลาดเฉียบแหลมแล้วนะ

เขาหมุนลูกตาหมุนแล้วหมุนอีกพูดว่า “พี่สาวไม่ต้องไปโรงเรียน สามารถนอนดึกได้ จิ้งเจ๋อน้อยฉลาดมาก หลักสูตรการศึกษาปฐมวัยผมเรียนจบมานานแล้วล่ะ ผมก็สามารถนอนดึกได้เช่นกัน”

จิ่งหนิงได้ยินเขาพูดเช่นนี้ อดไม่ไหว พู่ หัวเราะออกมาเสียงหนึ่ง

อยู่มานานขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นมีใครชมตนเองฉลาด ชมอย่างมีเหตุผลจนพูดได้เต็มปากเต็มคำขนาดนี้มาก่อน

แต่สิ่งที่ซาลาเปาน้อยทั้งสองพูดก็เป็นเรื่องจริง พวกเขาทั้งสองล้วนเป็นเด็กที่ทั้งฉลาดทั้งเอาใจเก่ง ไอคิว อีคิวล้วนสูงมาก ยามปกติไม่ต้องให้จิ่งหนิงเป็นห่วงมากเลยสักนิด

ดังนั้นจิ่งหนิงก็ไม่อยากเข้มงวดกับพวกเขามากเกินไปเช่นกัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท