วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1085 อุ้มคุณไปเอง

บทที่ 1085 อุ้มคุณไปเอง

หลังจากที่เข้าไปนั่งแล้ว ผู้หญิงทั้งสองคนก็กุมมือกันไว้อย่างดีใจและเริ่มพูดคุยกันขึ้นมา

หัวข้อเรื่องที่สนทนาก็ไม่แคล้วเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูกและครอบครัวอะไรพวกนั้น

โม่ไฉ่เวยก็เป็นเหมือนกับจิ่งหนิง เธอเป็นแม่บ้านคนหนึ่งที่ไม่มีความคิดเห็นอะไร

นิสัยอ่อนโยน ความคิดก็หัวโบราณ ทุกสิ่งในชีวิต ล้วนยึดถือตามหลักการที่ผู้ชายคือช้างเท้าหน้า

ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ ตอนนั้นก็คงจะไม่โดนจิ่งเซี่ยวเต๋อและหวังเสว่เหมยเจ้าเดนมนุษย์สองคนนั้นเอาจนอยู่หมัดหรอก

เมื่อก่อนจิ่งหนิงไม่เข้าใจเธอจริง ๆ

เธอไม่เข้าใจว่า ทำไมพ่อก็ชั่วช้าถึงขั้นนี้แล้ว แต่แม่กลับยังไม่ขัดขืนมาตลอด

แต่ว่าต่อมาเธอมีลูกของตัวเองแล้ว ก็เหมือนกับว่าจะเริ่มค่อย ๆ เข้าใจความในใจของแม่ในตอนนั้นแล้ว

เธอโชคดีมาก ที่เจอกับผู้ชายที่ดีแบบนี้อย่างลู่จิ่งเซิน

และด้วยเหตุนี้ตั้งแต่ที่แต่งงานกันแล้ว ก็แทบจะไม่เคยเจอกับความน้อยเนื้อต่ำใจอะไรเลย

แต่ว่าบนโลกใบนี้ ไม่ใช่ว่าคนทุกคนจะสามารถมีโชคที่ดีแบบนี้ได้

มีคนมากมาย กลับเหมือนกับคนธรรมดาคนหนึ่งจนไม่รู้จะธรรมดาแค่ไหนแล้ว มีความน้อยอกน้อยใจ และมีความสุข

ถึงแม้ว่าบางครั้ง รสชาติขมอาจจะมากกว่าหน่อยหนึ่ง แต่เพื่อที่จะสามารถมีครอบครัวที่สมบูรณ์ครอบครัวหนึ่งให้ลูกได้ ทุกคนต่างก็อดทนหน่อยแล้วมันก็ผ่านไปแล้ว

ขอแค่สิ่งที่อีกฝ่ายทำไม่มากเกินไป เพื่อลูกแล้ว ทุกอย่างก็สามารถที่จะไม่ถือสาได้

ถึงแม้ว่าจนถึงตอนนี้ จิ่งหนิงก็ไม่มีทางที่จะเห็นด้วยกันความคิดแบบนี้ง่าย ๆ

แต่ว่าไม่เห็นด้วย ก็ไม่ได้เท่ากับว่าจะไม่สามารถเข้าใจได้

เพราะว่ามีบางครั้งเธอลองถามใจตัวเองดูแล้ว ถ้าหากว่าเธอยืนอยู่ในจุดของโม่ไฉ่เวย เธอก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ดีกว่าโม่ไฉ่เวยหรอก

จนมาวันนี้ คนของตระกูลจิ่งต่างก็ไม่อยู่แล้ว ตัวโม่ไฉ่เวยเองก็มีชีวิตใหม่ที่เป็นของตัวเองแล้ว

ที่จริงเป็นแบบนี้ก็ดีนะ

ในใจของจิ่งหนิงคิดทบทวนไปรอบหนึ่ง โม่ไฉ่เวยกลับไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่

โม่ไฉ่เวยยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “พูดคุยกันไปครู่หนึ่งนี่ ฉันก็ลืมเรื่องสำคัญไปเลย”

เธอพูดแล้ว ก็ตบหัวตัวเองอย่างรู้สึกผิดทีหนึ่ง แล้วลุกขึ้นเดินไปอีกข้างหนึ่ง แล้วก็เอากระติกรักษาอุณหภูมิที่อยู่บนตู้ลงมา

“หนิงหนิง นี่คือซุปที่ฉันตุ๋นเองกับมือเลยนะ ข้างในนี้ใส่ของเยอะแยะที่เหมาะกับผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูกเสร็จดื่ม ล้วนเป็นยาสมุนไพรชุดที่คุณอาเชวของแกจัดเองทั้งนั้น แกต้องดื่มเยอะ ๆ นะ จะได้บำรุงเลือดลมให้มันดี ๆ สักหน่อย”

จิ่งหนิงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “แม่คะ แม่บำรุงหนูซะขนาดนี้ ไม่กลัวว่าจะบำรุงหนูจนกลายเป็นยัยอ้วนไปเหรอคะ”

ที่จริงเธอค่อนข้างเป็นกังวลว่ารูปร่างจะเปลี่ยนไปหลังคลอดนะ

และคิดไม่ถึง โม่ไฉ่เวยกลับถลึงตาใส่เธอทีหนึ่ง

“ฉันของเตือนแกนะ ตอนนี้แกเพิ่งคลอดลูกเสร็จ และครั้งนี้ก็เป็นการผ่าคลอดด้วย ร่างกายกำลังอ่อนแออยู่ อย่ามาอะไรนิดอะไรหน่อยก็คิดว่าจะลดน้ำหนัก ผอมกับสวยมันสำคัญกว่าร่างกายแข็งแรงเหรอ? ถ้าไม่มีร่างกายที่แข็งแรง แกจะไปทำอะไรได้?”

จิ่งหนิงยังไม่ทันได้ทำอะไรก็โดนสั่งสอนไปรอบหนึ่ง จึงอดไม่ได้ที่จะแตะจมูกเล็กน้อย

แล้วก็พูดขึ้นอย่างรู้สึกเหนื่อยหน่ายและรู้สึกขำเล็กน้อยว่า “ได้ ได้ ได้ หนูจะฟังแม่ทุกอย่าง หนูดื่มแล้วโอเคไหมคะ?”

พอโม่ไฉ่เวยเห็นเธอตอบตกลงแล้ว ถึงได้ยื่นซุปที่เทเสร็จแล้วไปให้อย่างพึงพอใจ

จิ่งหนิงถือถ้วยไว้ แล้วก็ค่อย ๆ ดื่มไป

จะไม่พูดก็ไม่ได้ ว่าฝีมือของโม่ไฉ่เวยนั้นดีไม่เคยตกเลยจริง ๆ

ทั้ง ๆ ที่เป็นยาบำรุงพิเศษ แต่กลับไม่ได้ทำให้คนรู้สึกมันเลี่ยนกลิ่นฉุน ดมแล้วกีมีแต่กลิ่นหอมจาง ๆ กลิ่นหนึ่ง

ในตอนที่ดื่มเข้าไปในปากนั้น ยังสามารถรู้สึกได้ถึงความหวานได้เสี้ยวหนึ่ง

คนที่รู้ก็คือกำลังดื่มซุปอยู่ แต่ถ้าคนไม่รู้อาจจะนึกว่ากำลังดื่มเครื่องดื่มอะไรอยู่ก็ได้

น้ำซุปแบบนี้ ได้เปลี่ยนความคิดก่อนหน้านี้ของจิ่งหนิงที่เกี่ยวกับของที่กินในช่วงอยู่ไฟว่าต้องเลี่ยนและบำรุงมากไป

เพราะว่ารสชาติของน้ำซุปนั้นไม่เลวจริง ๆ จิ่งหนิงก็เลยดื่มรวดเดียวไปสามถ้วยไม่หยุด

เพียงแต่ว่าที่น่าเขินอายคือ อาจจะเป็นเพราะว่าดื่มซุปมากเกินไป พอวางถ้วยลง เธอก็รู้สึกถึงความรู้สึกปวดฉี่ขึ้นมาระลอกหนึ่ง

อู้ว์……อยากเข้าห้องน้ำ

โม่ไฉ่เวยกลับไม่รู้ว่าเธออยากจะไปเข้าห้องน้ำ พอเห็นว่าเธอดื่มซุปไปมากขนาดนั้น ยังดีอกดีใจมากและพูดพร่ำเรื่องทั่วไปกับเธออยู่ข้าง ๆ อีก

จนกระทั่งหมุนตัวมาอย่างไม่ตั้งใจ ก็เห็นจิ่งหนิงกุมท้องไว้ด้วยสีหน้าเจ็บปวดเล็กน้อย เธอถึงได้ตกใจจนหน้าเสีย แล้วรีบวิ่งมาดู

“หนิงหนิง แกเป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

โม่ไฉ่เวยตื่นเต้นจนแทบไม่ไหวแล้ว

ในเมื่อเมื่อกี้เพิ่งจะดื่มน้ำซุปของเธอไป แล้วตอนนี้ก็มากุมท้องไว้ นี่มันยากมากจริง ๆ ที่จะไม่ให้คนคิดไปทางอื่น

จิ่งหนิงยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อยขึ้น

“แม่คะ หนูไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูก็แค่……ปวดฉี่นิดหน่อย หนูอยากเข้าห้องน้ำค่ะ”

พอโม่ไฉ่เวยได้ยินก็อึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง

“ที่แท้อยากจะเข้าห้องน้ำหรอกเหรอ แกรอเดี๋ยวนะ เดี๋ยวฉันจะรีบไปตามพยาบาลมาให้นะ”

จิ่งหนิงนั้นผ่าคลอด จึงต้องลำบากกว่าคลอดธรรมชาติหน่อย บาดแผลก็ฟื้นตัวได้ช้ากว่าเล็กน้อยด้วย

เพราะเหตุนี้ ตอนนี้ยังเป็นช่วงที่นอนพักรักษาบาดแผลอยู่ เรื่องเข้าห้องน้ำอะไรพวกนั้น จึงต้องการพยาบาลเฉพาะทางมาประคองเธอไปเข้าถึงจะได้

ถึงแม้โม่ไฉ่เวยเองก็สามารถประคองหล่อนไปได้ แต่เธอก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญ เรี่ยวแรงก็ไม่มากพอ ยังไงก็กลัวว่าจะทำให้จิ่งหนิงเจ็บตัวได้

โม่ไฉ่เวยลุกยืนขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก

คิดไม่ถึงว่าพอเดินมาถึงประตู ก็ปะทะเข้ากับลู่จิ่งเซินที่เพิ่งเดินเข้ามาจากข้างนอก

เมื่อกี้เห็นโม่ไฉ่เวยและจิ่งหนิงพูดคุยกันได้อย่างมีความสุข ลู่จิ่งเซินจึงไม่อยากรบกวนพวกเธอแม่ลูกคุยกัน ก็เลยเดินออกไปข้างนอกเลย

พอนี่เพิ่งกลับมา ก็เห็นโม่ไฉ่เวยที่มีท่าทีตื่นเต้นและจะเดินออกไปข้างนอก จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “แม่ครับ มีอะไรเหรอครับ?”

โม่ไฉ่เวยพูดขึ้น “หนิงหนิงอยากจะเข้าห้องน้ำ ฉันจะไปตามพยาบาลมาให้เธอ”

ลู่จิ่งเซินอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วก็ยิ้มขึ้นมาเลย

“ในห้องมีกริ่ง จะเรียกพยาบาลแค่กดกริ่งก็พอแล้วครับ ไม่ต้องออกไปตามเป็นพิเศษหรอกครับ”

พอเขาพูดแบบนี้ โม่ไฉ่เวยถึงได้เพิ่งตั้งสติกลับมาได้

ใช่ซิ เมื่อกี้พอเธอร้อนใจขึ้นมา ก็เลยลืมไปว่ามีกริ่งอยู่

ชั่วขณะหนึ่งโม่ไฉ่เวยรู้สึกเขินอายเล็กน้อย แล้วก็รู้สึกว่าน่าขำด้วย

ลู่จิ่งเซินกลับไม่ได้หยุดรออีก แล้วก็ก้าวเท้าใหญ่ ๆ เดินเข้าไปข้างใน

แล้วเอาของที่อยู่ในมือวางลง แล้วเดินไปถึงข้างเตียง แล้วก็อุ้มตัวจิ่งหนิงขึ้นมา

จิ่งหนิงโดนการกระทำของเขาทำให้ตกใจสะดุ้งเฮือกใหญ่ แล้วถามขึ้นว่า “คุณจะทำอะไรคะ?”

ในขณะเดียวกัน มือก็จับคอเสื้อของเขาไว้อย่างแน่นอัตโนมัติ

การกระทำของลู่จิ่งเซินนั้นระมัดระวังเป็นอย่างมาก แถมยังหลบหลีกบาดแผลของเธอออกไปได้อย่างสมบูรณ์ ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “อยากเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ? ผมอุ้มคุณเอง”

พอเขาพูดแบบนี้ ใบหน้าของจิ่งหนิงก็แดงก่ำขึ้นมาทันที

“ไม่ ไม่ต้องหรอก ฉันไปเองได้”

ลู่จิ่งเซินยักคิ้วเล็กน้อย

“คุณไปเองได้เหรอ?”

จิ่งหนิง “……”

ผู้ชายคนนี้นี่ เห็นได้ชัดเลยว่ารังแกเธอที่ไปไม่ไหวในตอนนี้!

“เดี๋ยวฉันรอพยาบาลมาก็ได้ค่ะ”

“เรื่องแบบนี้ไม่ต้องลำบากพยาบาลหรอก ต่อไปผมอุ้มคุณไปก็พอแล้ว”

ถึงแม้ว่าพยาบาลก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่ลู่จิ่งเซินก็ไม่ค่อยชอบให้คนอื่นมาเห็นท่าทางตอนเข้าห้องน้ำของจิ่งหนิง

ทำไมจิ่งหนิงจะไม่รู้ว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่ จึงอับอายจนแทบจะเอาหน้าทั้งหน้าซุกเข้าไปในอกแล้ว

และที่หน้าประตู โม่ไฉ่เวยที่เตรียมกำลังจะเดินกลับมานั้น ก็ได้ยินคำพูดของลู่จิ่งเซินเข้า บนใบหน้าก็เกิดรอยยิ้มที่มีความสุขขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง

และก็ไม่อยากจะให้จิ่งหนิงรู้สึกเขินอายอยู่ที่นี่ ก็เลยออกไปก่อนเลย

ลู่จิ่งเซินอุ้มจิ่งหนิงมาถึงห้องน้ำ แล้วก็วางตัวเธอลงบนชักโครกอย่างระมัดระวัง

จิ่งหนิงโดนเขาจ้องมองตรง ๆ อยู่ ยังจะไปฉี่ออกได้ยังไงกัน?

อดกลั้นจนใบหน้าแดงก่ำไปทั้งหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “คุณออกไปก่อนซิ”

ลู่จิ่งเซินยักคิ้วเล็กน้อย ที่จริงก็ไม่ค่อยวางใจเท่าไหร่

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท