วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1079 รักแท้หรือไม่

บทที่ 1079 รักแท้หรือไม่

จิ่งหนิงอึ้งชะงักไปหนึ่งที ดูเหมือนไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเธอ

เธออยู่ในความรักความผูกพันแม้นับไม่ได้ว่าจะราบรื่นมาก แต่ก่อนเคยประสบเจอมู่ยั่นเจ๋อผู้ชายเหี้ยๆคนนั้นมาก่อน

แต่โดยรวมมากล่าว หลังจากตั้งแต่อยู่ด้วยกันกับลู่จิ่งเซิน ความรักความผูกพันของคนทั้งสองก็ราบรื่นเป็นอย่างยิ่ง แทบจะไม่ได้พบเจอกับอุปสรรคอะไร

ด้วยเหตุนี้จากที่เธอดูมา เรื่องของความรักความผูกพันดูเหมือนโดยพื้นฐานล้วนเป็นลักษณะแบบนี้

ในเมื่อหนานกงจิ่นสามารถทำเพื่อเฉียนเฉียนถึงระดับนี้ ยึดมั่นถือมั่นเป็นหนึ่งพันปีเต็มๆก็ไม่ได้ละทิ้งอีก

แม้ฟังดูแล้วเหมือนน่ากลัวมาก ทั้งบ้าคลั่งมากเช่นกัน

แต่ยังไงยังเป็นเนื่องเพราะความรักที่เขามีต่อเฉียนเฉียน จึงจะ ประคองเขาเดินมานานขนาดนี้ได้

ถ้าหากเขาไม่รักเฉียนเฉียนจริงๆ อย่างนั้นหนึ่งพันปีเต็มๆนี้จะยืนหยัดไว้ได้ยังไงอีกล่ะ?

หัวเหยาเห็นลักษณะท่าทีของเธองุนงงเต็มใบหน้า ก็รู้ว่าเธอยังไม่เข้าใจอีก

อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจหนึ่งที

เธอพูดอย่างช้าๆว่า “แท้ที่จริงหลักการนี้แกไม่เข้าใจดีที่สุดแล้ว แกไม่เข้าใจก็แสดงว่าแกอยู่ในความสุขมาโดยตลอด ถ้าหากวันไหนเข้าใจแล้ว ฉันกลับจะรักสงสารแก”

จิ่งหนิงอึ้งชะงักไปอีกหนึ่งที แต่ครั้งนี้เธอดูเหมือนเข้าใจอะไรได้แล้ว

และเงียบลงไปด้วย

“ดังนั้นความหมายของแก หนานกงจิ่นไม่ได้เนื่องเพราะรักเฉียนเฉียนจริงๆ แต่คือเนื่องเพราะยึดมั่นถือมั่นในความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจเล็กน้อยนั้นที่เขามีต่อเฉียนเฉียนเหรอ?”

หัวเหยายิ้มเย็นชาหนึ่งที “ก็ไม่ใช่ว่าล้วนไม่มีความรักทั้งหมด เขาอาจจะเคยรักเฉียนเฉียนมาก่อน เพียงแค่รักนี้มีมากน้อยเท่าไหร่ก็ไม่แน่แล้วล่ะ

เขายึดมั่นถือมั่นมาเป็นพันปี แต่ลองดูสิพันปีนี้เขาล้วนทำอะไรอยู่ล่ะ?

เขาไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่ย้ำอยู่กับที่ย้อนหวนคิดถึงทั้งหมดที่เขาเคยประสบพบเจอกับเฉียนเฉียน

ทั้งเสาะหาแผ่นหยกคัมภีร์สวรรค์ อยากจะทำให้เฉียนเฉียนฟื้นคืนชีพ ทั้งมัวแต่หลงใหลอยู่ในดินแดนแห่งความเพ้อฝันที่ตัวเองรักเขามากนี้อยู่

แต่พูดตามตรง เขารักเฉียนเฉียนจริงเหรอ เข้าใจเฉียนเฉียนจริงเหรอ?

เขาเคยคิดมาก่อนไหมทำไมถึงสุดท้ายเฉียนเฉียนจะยอมตาย ก็ไม่ยอมกลายเป็นราชินีของเขาล่ะ?

เขาเคยเล่ารายละเอียดที่เขารักเฉียนเฉียนมากมายให้กับแกมาก่อนใช่ไหม แต่เขาย่อมไม่เคยพูดถึงความคิดที่แท้จริงอยู่ในใจของเขาให้แกฟังมาก่อนแน่นอน

จนถึงวันนี้ ตกลงเขารู้ไหมว่าตนเองผิดอยู่ที่ไหนล่ะ? ทั้งรู้หรือไม่ว่าในตอนต้นเฉียนเฉียนทำไมต้องออกจากเขาล่ะ?”

จิ่งหนิงอึ้งชะงักไปหนึ่งที “เขา……”

เธอย้อนคิดอย่างละเอียด ตอนที่ตนเองอยู่กับหนานกงจิ่น เขาเล่าเรื่องอดีตของเขามากมายให้กับตนเองฟังจริงๆ

แต่ดูเหมือนไม่เคยเล่าความคิดที่แท้จริงอยู่ในใจลึกๆของตัวเขาเองมาก่อนจริงๆ

ดังนั้นจุดนี้จิ่งหนิงไม่แน่ใจนะ

หัวเหยาพูดอย่างเย็นชาว่า “เขาน่าจะไม่เคยนึกถึงคำถามนี้มาก่อนล่ะ เนื่องเพราะอยู่ในจิตลึกๆของเขา คำถามนี้ไม่ต้องไปคิดกระทั่งไม่จำเป็นต้องไปเสาะหาคำตอบเลยสักนิด

เนื่องเพราะเขายอมรับโดยปริยายว่าเฉียนเฉียนก็คือเกิดมาเพื่อเขา ตายเพื่อเขามานานแล้ว

และเฉียนเฉียนตายแล้วเรื่องนี้หลุดพ้นจากการจับกุมของเขา ในเวลาเดียวกันอาจจะเป็นไปได้ว่ามีความรู้สึกผิดเล็กน้อย ดังนั้นเขาก็จะสู้สุดชีวิตอยากทำให้เฉียนเฉียนฟื้นคืนชีพ

ถึงแม้แผนการนี้ฟังแล้วจะบ้าคลั่งขนาดนั้นจะเสียสละคนมากมาย จะยิ่งทำยิ่งห่างไกลกับความคิดที่ยืนหยัดไว้ของเฉียนเฉียนก็ไม่เสียดายเช่นกัน

แต่ถ้าหากว่าฉันเป็นเฉียนเฉียน ตอนที่ฉันเห็นลักษณะท่าทีอย่างนี้ของเขา จะไม่ดีใจแน่นอน

เนื่องเพราะความตายของฉันก็คือเพื่อที่จะให้เขาเข้าใจถึงคุณค่าของชีวิตกับความหมายของชีวิต ถ้าหากเขาไม่ทะนุถนอมชีวิตของคนอื่นกับตนเองอย่างนี้เหมือนเดิม งั้นความตายของฉันจะมีความหมายอะไรอีกล่ะ?

ถึงแม้ว่าฉันฟื้นคืนชีพแล้ว ดังนั้นสภาพการณ์ระหว่างพวกเราทั้งสองกับระหว่างพวกเราทั้งสองในหนึ่งพันปีก่อน จะมีความแตกต่างกันอะไรอีกล่ะ?

สิ่งที่ฉันทำทั้งหมดล้วนไม่มีความหมายแล้ว และเขากระทั่งไม่เคยนึกถึงความคิดที่แท้จริงอยู่ในใจฉันคืออะไรมาก่อนเลย? ผู้ชายแบบนี้ แกสามารถพูดได้ว่าเขารักฉันจริงๆเหรอ?”

จิ่งหนิงมึนๆอึ้งชะงักอยู่ที่นั่น เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเรื่องนี้ยังสามารถเจาะลึกขนาดนี้ได้อีก

ผ่านไปสักพัก เธออดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยตนเองยิ้มแล้วยิ้มอีก

“ดูจากด้านความรักความผูกพันนี้ ฉันไม่ได้ดูอย่างละเอียดลึกซึ้งเท่าแกจริงๆ พอถูกแกอธิบายเช่นนี้ ฉันก็เข้าใจแล้ว ดูแล้วความจริงจะเป็นเช่นนี้จริงๆ”

พอเธอพูดเช่นนี้ หัวเหยากลับรู้สึกเขิน

เธอก็ยิ้มแล้วยิ้มอีกอย่างเย็นชา “ฉันก็แค่พูดเหลวไหลตามนั้นสักหน่อย แกไม่ต้องเอาจริง ยังไงเขาก็ตายแล้ว ตกลงความจริงเป็นยังไงล้วนไม่สำคัญแล้ว”

จิ่งหนิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก

ทั้งสองคนทำspaเสร็จ เห็นกับตาว่าเวลาค่ำแล้ว เวลานี้อานอานกับจิ้งเจ๋อน้อยน่าจะเลิกเรียนแล้ว

ดังนั้นก็เลยบอกลากับหัวเหยา ต่างกลับบ้าน

หลังจากกลับถึงบ้านอานอานกับจิ้งเจ๋อน้อยเป็นอย่างที่คิดไว้กลับมาแล้วจริงๆ

ลูกทั้งสองล้วนฉลาดมาก ด้านการบ้านล้วนไม่ต้องให้เธอกังวล

ไม่นานตนเองก็ทำเสร็จแล้ว

หลังจากทำการบ้านเสร็จ อานอานกับจิ้งเจ๋อน้อยวิ่งเข้ามาพัวพันกับเธออยู่ จะให้เธอเล่นเกมเป็นเพื่อนกับพวกเขาด้วยกัน

ตอนนี้จิ่งหนิงยังตั้งครรภ์ ร่างกายหนักอึ้ง เล่นเป็นเพื่อนพวกเขาสักพักก็เหนื่อยจนไม่ไหวแล้ว

ในเวลานี้ ลู่จิ่งเซินก็กลับมาจากข้างนอกเช่นกัน

เห็นลูกทั้งสองพัวพันกับจิ่งหนิงอยู่ตลอด ทำหน้าขึงลับลง ก็ดุให้ลูกทั้งสองออกไปเลย

“พอแล้ว ไม่เห็นหม่ามี๊ของพวกแกเหนื่อยแล้วเหรอ? ยังไม่รีบไปเล่นเองไป!”

อานอานกับจิ้งเจ๋อน้อยแลบลิ้นแล้วแลบลิ้นอีกกับเขา ก็ไม่ได้พัวพันกับจิ่งหนิงต่อไปอีก มือจูงมือก็มัวแต่วิ่งออกไปเลย

จิ่งหนิงยิ้มแล้วยิ้มอีก พูดว่า “คุณมักจะดุขนาดนั้น ระมัดระวังลูกล้วนจะไม่สนิทกันกับคุณแล้ว”

ลู่จิ่งเซิน ฮึ เย็นชาเสียงหนึ่ง เดินถึงข้างกายเธอ หลังจากนั่งลงเอามือข้างหนึ่งวางอยู่บนท้องของเธอ

เอาใจใส่พูดว่า “เป็นยังไงบ้างล่ะ? วันนี้เหน็ดเหนื่อยหรือไม่? เจ้าตัวเล็กทั้งสองนี้ได้ก่อกวนคุณหรือไม่?”

จิ่งหนิงยิ้มอยู่ส่ายหัวแล้วส่ายหัวอีก “พวกเขาเชื่อฟังมาก ไม่ได้ก่อกวนฉัน”

เพิ่งพูดจบ บนหนังท้องก็นูนขึ้นนิดๆหนึ่งที

มือของลู่จิ่งเซินเนื่องเพราะวางอยู่บนท้องของเธอพอดี ดังนั้นรู้สึกได้ชัดเจนมาก อดไม่ได้ที่จะเบิกตาโพลงอย่างตื่นตะลึง

แม้ว่าเขาไม่ได้เป็นบิดาครั้งแรกแล้ว แต่ได้สัมผัสการขยับตัวของทารกในครรภ์อย่างเห็นได้ชัดแบบนี้จริงๆ ยังเป็นครั้งแรก

จิ่งหนิงก็นึกไม่ถึงการขยับตัวของทารกในครรภ์ในครั้งนี้จะมาได้เร็วขนาดนี้

เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มพูดว่า “ดูสิ พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาเลย ฉันล้วนสงสัยว่าพวกเขาจะได้ยินพวกเราพูดคุยกันใช่หรือไม่ล่ะ?”

เธอไม่พูดก็ยังดี พอเธอพูดแบบนี้ ลู่จิ่งเซินก็เอาจริงเลย

จ้องมองท้องของเธอ ก็เหมือนเช่นดั่งลูกที่อยู่ข้างในสามารถได้ยินเขาพูดจริงๆ

จริงจังกำชับพูดว่า “พวกแกทั้งสองต้องเป็นเด็กดี อย่าก่อกวนหม่ามี๊ของพวกแก มิฉะนั้นรอพวกแกออกมา ผมก็จะตีก้นน้อยๆของพวกแก รู้หรือไม่?”

จิ่งหนิงถูกเขาหยอกเล่นจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

ในเวลานี้ อานอานกับจิ้งเจ๋อน้อยก็ได้ยินเสียงวิ่งเข้ามาแล้วเช่นกัน

พวกเขาอยากรู้อยากเห็นถามว่า “หม่ามี๊ แด๊ดดี้! น้องชายน้อยกับน้องสาวน้อยจะออกมาแล้วเหรอ?”

จิ่งหนิงถูกพวกเขาหยอกเล่นจนหัวเราะแล้ว พูดว่า “ที่ไหนจะเร็วขนาดนั้น? ตอนนี้เพิ่งห้าเดือนกว่าล่ะ!”

อานอานโตกว่าหน่อยแล้ว ต่อความรู้ทั่วไปเหล่านี้ก็รู้ได้บ้างแล้วเช่นกัน

เธอ “โอ๊ะ” เสียงดังเสียงหนึ่ง

“งั้นยังมีหลายเดือนล่ะ น้องชาย อย่าร้อนใจ พวกน้องชายน้อยกับน้องสาวน้อยไม่ช้าก็เร็วล้วนจะออกมาล่ะ!”

จิ้งเจ๋อน้อยได้ยินคำพูดก็พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกอย่างจริงจัง

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน