วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน – บทที่ 1087 ตอนอวสาน

บทที่ 1087 ตอนอวสาน

“นี่ พวกเขาออกไปคุยเรื่องอะไรกันน่ะ?”

หัวเหยามองเธอทีหนึ่ง แล้วก็มองไปที่นอกประตูทีหนึ่ง

จากนั้นก็ลงเสียงต่ำลงแล้วพูดขึ้นว่า “จี้หลินยวนจะย้ายสำนักงานใหญ่กลับมาพัฒนาต่อในประเทศ ช่วงนี้กำลังต่อสู้กับพวกตาแก่ตระกูลจิ้นพวกนั้นอยู่ ที่มาหาลู่จิ่งเซินก็คงจะมาขอคำแนะนำนะแหละ”

ทุกคนต่างก็รู้ดี ว่าเมื่อก่อนลู่ซื่อกรุ๊ปอยู่ในมือท่านปู่นั้น ไม่ได้พัฒนาขึ้นมาอย่างจริงจัง

ในเมื่อ ท่านปู่เป็นชายชาติทหาร ให้นำทัพออกรบยังพอว่า แต่ทำธุรกิจนั้นไม่มีพรสวรรค์อะไรจริง ๆ

ท่านเป็นคนสบาย ๆ ไม่ชอบถือสาอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ในตอนที่ทำธุรกิจนั้น มักจะมีน้ำใจมาก แต่กำไรน้อย

และนี่ก็เป็นเพราะว่ารากฐานของตระกูลลู่แน่นหนาพอ ถึงได้สามารถพัฒนาต่อมาเรื่อย ๆ

แต่ลู่จิ่งเซินนั้นไม่เหมือนกันแล้ว

เขาเป็นนักธุรกิจที่แท้จริงคนหนึ่ง การกระทำเฉียบขาด ฝีมือโหดเหี้ยม มีเรื่องราวมากมายล้วนสามารถหาทางออกได้ในยามคับขัน และพลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะได้ด้วย

ถ้าหากว่าจี้หลินยวนจะกลับมาพัฒนาต่อในประเทศ การขอคำแนะนำจากเขานั้นแน่นอนว่าเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย

พอจิ่งหนิงได้ฟังจบแล้ว ในที่สุดก็วางใจได้สักที

พูดตรง ๆ ตั้งแต่ที่รู้สถานะที่แอบซ่อนอยู่ของลู่จิ่งเซินแล้ว ใจของเธอก็เป็นกังวลมาตลอด

เดี๋ยว ๆ ก็มักจะรู้สึกเป็นกังวลว่าเขาจะมีภารกิจอะไรมาแล้วหรือเปล่า จะเจอกับอันตรายไหม

นี่ก็ไม่มีทางออก ในเมื่อ ตอนนี้ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ก็ต้องร่วมต้าน

เผชิญหน้ากับผู้ชายที่ใจตัวเองรัก จะให้ทำว่าไม่เป็นห่วงอะไรเลยนั้น ไม่มีทางที่จะทำได้เลย

ดีที่ตอนนี้ลู่จิ่งเซินเองก็รู้ถึงความคิดของเธอแล้ว ทุกครั้งที่มีเรื่อง ก็จะบอกเธอล่วงหน้าเสมอ

แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ ยังไงจิ่งหนิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะต้องเป็นกังวลอยู่ดี

ในเมื่อถ้ามีภารกิจอะไรขึ้นมาจริง ๆ ลู่จิ่งเซินก็คงจะต้องไปอยู่ดี

ชายหนุ่มทั้งสองคนไปพูดคุยกันที่ข้างนอกอยู่นาน

หัวเหยาเล่นกับเด็ก ๆ ไปพักหนึ่ง จนกระทั่งเด็ก ๆ ต่างก็เหนื่อยและง่วงนอนแล้ว ถึงได้ยอมเอาพวกเขากลับไปนอนในเปล

แล้วตัวเองก็มานั่งลงข้าง ๆ เตียง และพูดคุยเป็นเพื่อนจิ่งหนิงไป

มาวันนี้ วัฒนธรรมซิงฮุยก็ได้เข้าร่วมกับอานหนิงกั๋วจี้อย่างสมบูรณ์แล้ว

สัญญาของหัวเหยาที่อยู่บริษัทบันเทิงที่คุณพ่อหัวได้ก่อตั้งขึ้นมาให้เธอเมื่อก่อนหน้านี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ตอนนี้เธอคือคุณนายจี้อยู่ ที่จริงไม่ต้องออกมาแสดงละครอีกแล้วก็ได้

แต่ว่าหัวเหยาชอบการแสดง บางครั้งจี้หลินยวนก็จะหึงหวงเล็ก ๆ น้อย ๆ บ้าง โดยเฉพาะตอนที่เห็นฉากที่เธอร่วมแสดงกับนักแสดงชายนั้น

แต่จี้หลินยวนก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก

ในเมื่อ ถ้าใช้คำพูดของหัวเหยามาพูดแล้ว มันคือมืออาชีพ

เป็นคนจะใจแคบมากไม่ได้ ไม่สามารถใช้สายตาที่มีอคติมองอาชีพใดอาชีพหนึ่งได้

แน่นอนว่าจี้หลินยวนจะต้องเถียงเธอไม่ไหวแน่ ด้วยเหตุนี้ จึงได้แต่ออกคำสั่งไปว่า บทละครทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหัวเหยา เขาจะต้องแอบดูส่วนตัวก่อนทั้งนั้น

ไม่ให้มีฉากเลิฟซีน ไม่ให้มีฉากจูบ ฉากบนเตียงยิ่งห้ามมีใหญ่เลย

ถึงแม้ว่าจะมีแนวเลิฟซีน อย่างมากสุดก็แค่ให้ดำเนินไปถึงขั้นจับมือได้เท่านั้น

ที่จริงแม้แต่การจับมือ ในตอนแรกจี้หลินยวนก็ยังไม่อนุญาตด้วยซ้ำ

ในเมื่อ นี่คือผู้หญิงของเขานะ จะมาโดนผู้ชายคนอื่นจับมือถือแขนและมีความรักต่อกัน แค่คิดเขาก็อยากจะฆ่าอีกฝ่ายแล้ว

สุดท้าย ก็ยังเป็นเจ้าของบริษัทบันเทิงที่ลำบากลำบนไปเกลี้ยกล่อมเขา

ในเมื่อละครและภาพยนตร์ล้วนถือเป็นศิลปะ บางครั้ง ฉากบางอย่างนั้นมันก็จำเป็นอยู่

ถ้าหากแม้แต่มือยังจับกันไม่ได้ แบบนั้นก็จะเป็นการควบคุมการแสดงของหัวเหยามากเกินไป เธอก็จะแสดงอะไรไม่ได้แล้ว

จนสุดท้ายแล้วจี้หลินยวนก็ยังคำนึงถึงความรู้สึกของหัวเหยาอยู่ดี ด้วยเหตุนี้ สุดท้ายจึงยอมตอบตกลง

หลังจากที่สัญญาของหัวเหยาสิ้นสุดลงแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นมาเซ็นสัญญาอยู่ใต้สังกัดอานหนิงกั๋วจี้

เธอเป็นคนที่สบาย ๆ คนหนึ่ง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก สำนักงานเก่าของตัวเอง ถึงแม้ว่าจะมีพวกผู้ช่วยและผู้จัดการที่มีความสามารถมากมายคอยช่วยแก้ปัญหาให้เธออยู่

แต่ว่าเจ้านายอย่างเธอคนนี้ ก็ยังต้องตัดสินใจเรื่องราวอีกมากมายเช่นกัน

หัวเหยามักจะรู้สึกปวดหัวกับเรื่องพวกนี้เป็นอย่างมากเลย ตอนนี้ดีแล้ว พอมาเซ็นสัญญากับอานหนิงกั๋วจี้แล้ว เรื่องทุกอย่างก็จะมีคนอื่นมาเป็นกังวลแทนแล้ว

เธอก็เป็นแค่เจ้านายที่ไม่ต้องทำอะไร แสดงละครที่ตัวเองชอบก็พอแล้ว

และไม่ต้องสนใจเรื่องอะไรอื่นแล้ว

จิ่งหนิงมักจะหัวเราะเยาะเธอว่าคนขี้เกียจก็มีบุญของคนขี้เกียจ หัวเหยาเองก็ไม่ปฏิเสธ

ทั้งสองคนพูดคุยกันไปพักหนึ่งแล้ว ลู่จิ่งเซินกับจี้หลินยวนก็กลับมาแล้ว

พอกลับมาอีกครั้ง ก็เห็นได้ชัดว่าท่าทีของจี้หลินยวนผ่อนคลายลงเยอะมากเลย

จิ่งหนิงมองทีเดียว ก็รู้แล้วว่าเป็นเพราะปัญหาถูกแก้ไขได้แล้ว

เธอจ้องมองลู่จิ่งเซินทีหนึ่ง ลู่จิ่งเซินให้สายตาที่อุ่นใจอันหนึ่งมองตอบกลับไปให้เธอ

พอหัวเหยาเห็นว่าพวกเขาเองก็พูดคุยกันเสร็จแล้ว ก็เลยลุกยืนขึ้น

“หนิงหนิง เวลาก็ไม่เช้าแล้ว พวกเรากลับกันก่อนนะ เธอพักผ่อนดี ๆ ล่ะ ครั้งหน้าฉันค่อยมาเยี่ยมเธออีกนะ”

จิ่งหนิงพยักหน้าให้เล็กน้อย

หลังจากที่หัวเหยากับจี้หลินยวนจากไปแล้ว เธอก็หันหน้ามาถามลู่จิ่งเซิน “จี้หลินยวนจะกลับมาพัฒนาธุรกิจต่อในประเทศเหรอคะ?”

ลู่จิ่งเซินพพยักหน้าเล็กน้อย

“ในเมื่อที่ประเทศFเป็นฐานทัพใหญ่ของตระกูลจิ้น แล้วจี้หลินยวนไม่มีความรู้สึกเป็นเจ้าข้าวเจ้าของต่อทางโน้น และคนมากมายของตระกูลจิ้นก็จ้องจะตะครุบเหยื่ออยู่ เพราะฉะนั้นถึงได้อยากจะย้ายสำนักใหญ่กลับมา”

จิ่งหนิงยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “งั้นต่อไปพวกคุณก็จะกลายเป็นคู่แข่งแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”

ลู่จิ่งเซินเองก็ยิ้มขึ้นมา

“ไม่ขนาดนั้นหรอก เป้าหมายในการต่อสู้ของพวกไม่เหมือนกัน และที่สำคัญถึงจะเป็นคู่แข่ง แต่นั่นก็เป็นคู่แข่งที่ดีนะ”

จิ่งหนิงคิดไปครู่หนึ่ง แล้วก็รู้สึกว่าใช่เหมือนกัน

แต่ถ้าหากต่อไปจี้หลินยวนจะกลับมาอยู่ในประเทศเป็นประจำแล้ว งั้นก็หมายความว่าหัวเหยาเองก็จะอยู่ในประเทศตลอดซิ แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

พอลู่จิ่งเซินอธิบายความสงสัยของเธอหมดแล้ว ก็เดินไปที่ข้าง ๆ เปลนอนไปดูเจ้าเพรชน้อยและเจ้าจันทร์น้อย

เด็กทั้งสองคนกำลังนอนหลับสนิท มือเล็ก ๆ ทั้งสองคู่กำเข้าหากันแน่น เรียวปากมีชมพูก็เม้มเข้าหากันแน่น

คนที่ไม่รู้ ยังจะคิดว่าพวกเขากำลังฝันถึงอะไรอยู่อีก

จิ่งหนิงเห็นท่าทีที่เขาตั้งใจมองลูก ๆ ในใจก็อบอุ่นและอ่อนนุ่มไปผืนหนึ่ง

เธอยิ้มแล้วก็พูดขึ้นว่า “ลู่จิ่งเซิน”

“หึ?”

ลู่จิ่งเซินหันหน้ากลับมา

แววตาของจิ่งหนิงนั้นอ่อนโยนมาก แล้วก็พูดเสียงเบาขึ้นว่า “มีคุณนี่ดีจังเลยค่ะ”

ลู่จิ่งเซินนิ่งอึ้งไปก่อนสองวินาที จากนั้นก็ค่อยตั้งสติกลับมาได้ แล้วก็กลับมาที่ข้างเตียงแล้วก็โอบกอดเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด

“เด็กโง่ คำพูดนี้ผมควรจะเป็นคนพูดถึงจะถูก มีคุณอยู่นี่ดีจริง ๆ หนิงหนิง คุณเป็นนางฟ้าของผมจริง ๆ ที่นำพาความสุขและเรื่องราวดี ๆ มากมายมาให้ผม”

จิ่งหนิงพิงอยู่ในอ้อมกอดของเขา มือทั้งคู่โอบกอดเอวของเขาไว้ แล้วเอาศีรษะพิงอยู่ที่หัวไหล่ของเขาเบา ๆ ในใจนั้นรู้สึกสงบสุขมาก

แล้วก็ในเวลานี้เอง ประตูก็โดนคนผลักออก

“พี่สอง พี่สะใภ้สอง……เอ่อ ขอโทษ ขอโทษ! ผมไม่ได้ตั้งใจมารบกวนพวกคุณนะ เดี๋ยวผมออกไปก่อน พวกคุณเชิญต่อเลย”

เฟิงยี่รีบพาถังลั่วเหยาเดินย้อนออกไป

จิ่งหนิงและลู่จิ่งเซินตั้งสติกลับมาได้ตั้งนานแล้ว จิ่งหนิงใบหน้าแดงระเรื่อแล้วก็ผลักตัวลู่จิ่งเซินออก แล้วร้องเรียกเขาขึ้นว่า “จะออกไปทำไม? ยังไม่รีบเข้ามาอีก?”

แล้วเฟิงยี่ถึงได้หน้าตายิ้มแย้มพาถังลั่วเหยาเดินเข้ามา

เขากับถังลั่วเหยาได้แต่งงานกันแล้ว ตอนนี้ถังลั่วเหยาเองก็ตั้งท้องแล้ว

ตระกูลเฟิงก็ยอมรับถังลั่วเหยาแล้ว ทั้งสองคนยังถือได้ว่ามีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขอยู่

จิ่งหนิงจ้องมองเขา แล้วถามขึ้นว่า “นายมาทำอะไรน่ะ?”

เฟิงยี่ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ผมมาดูหลานชายกับหลานสาวของผม แล้วก็รวดเอาของขวัญมาให้พวกเขาอันหนึ่งด้วย”

เขาพูดแล้ว ก็เดินไปทางเปลนอนเลย

ในตอนที่เห็นว่าเด็ก ๆ กำลังนอนหลับอยู่นั้น ก็เอาของขวัญวางไว้ข้าง ๆ ก่อนเลย

“บังเอิญจริง ๆ ยังนอนหลับอยู่อีก”

“อืม เพิ่งหลับไปเอง”

ถังลั่วเหยาเดินมาถึงข้าง ๆ จิ่งหนิง แล้วก็พูดเป็นห่วงเป็นใยไปรอบหนึ่งก่อน

แล้วเฟิงยี่ก็พูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่ารอให้จิ่งหนิงอยู่ไฟเสร็จแล้ว จะจัดงานเลี้ยงฉลองครบเดือนให้พวกเด็ก ๆ

ในห้องพักผู้ป่วยเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ จิ่งหนิงจ้องมองดูพวกเขา ในใจก็มีความอบอุ่นพาดผ่านไปผืนหนึ่ง

ไม่ว่าเมื่อก่อนจะผ่านอะไรมาบ้าง แต่ตอนนี้อย่างน้อยก็สามารถมองเห็นพวกเขาได้ คนทุกคนต่างก็อยู่สุขสบายดี แค่นี้ก็พอแล้ว

ชีวิตคนเราก็เป็นแบบนี้ ไม่ต้องการอะไรมาก

【จบบริบูรณ์】

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

วิวาห์หวาน นายซาตานที่รักของฉัน

Status: Ongoing

บทที่ 1 จับชู้คาเตียง

“มีถุงยางดูเร็กซ์ ดูอัล เพลย์เชอร์ไซซ์กลางไหม? ”

“มีค่ะ”

“แล้วก็ไวเบรเตอร์กับชุดนางแมวสวาทชุดหนึ่งด้วย”

“ได้ค่ะ จัดส่งที่ไหนคะ? ”

“โรงแรมลี่หัว ห้อง2202”

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

เมื่อจิ่งหนิงมาถึงโรงแรมลี่หัวก็เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว

เวลาดึกดื่นขนาดนี้ สำหรับคนที่ทำธุรกิจสินค้าผู้ใหญ่ แบบนี้ การนำส่งสินค้าด้วยตนเองไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่

นัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงสาวหน้าตาสะสวยอย่างเธอ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทุก สิ่งทุกอย่างต้องแลกมาด้วยเงิน อีกอย่างมู่ยั่นเจ๋อกำลังจะ กลับมาอีกไม่กี่วันนี้

คบกันมาตั้งหกปี แต่เวลากว่าครึ่งเป็นรักระยะไกล เขา ต้องดูแลธุรกิจทั้งในและนอกประเทศ เธอจะทำตัววุ่นวาย ส่งผลต่อการทำงานของเขาไม่ได้

ดีที่ความรักของทั้งสองคนนั้นค่อนข้างหวานชื่นนอกจากงานในแต่ละวันแล้ว เธอยังมีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ด้วย อีกไม่กี่วันเป็นวันเกิดของเขา เธอตั้งใจจะมอบของ ขวัญให้เขาอย่างเซอร์ไพรซ์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จึงหนิงก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

เธอขยับหมวกสีดำที่ใส่มาให้ปิดลงมาบังหน้าไว้ จากนั้น เดินถือกล่องสินค้าเข้าไปด้านใน

โรงแรมลี่หัว เป็นสถานที่ราคาแพงขึ้นชื่อของเมืองจิ้น ผู้คนที่เดินทางมาเข้าพักล้วนเป็นระดับมหาเศรษฐี

ความโอ่อ่างดงามที่ห้องโถงไม่ต้องพูดถึง แม้แต่ลิฟต์ก็ ถูกประดับตกแต่งด้วยเงินและทองคำ คนที่ยืนอยู่ด้านใน ถูกแสงไฟส่องสว่างไสว

จิ่งหนิงเดินถือกล่องเข้าไปแล้วมองหาจุดหมาย

ใบหน้าอันงดงามถูกปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง มองเห็นเพียงดวงตา เป็นประกายคู่นั้น แฝงไปด้วยความมั่นใจ

ลิฟต์ขึ้นสู่ชั้น22 “ตั้ง” ประตูเปิดออก เธอเดินออกไป กระทั่งถึงห้อง2202และกดกริ่งที่ประตู

ประตูยังไม่เปิดออก ก็มีเสียงหนุ่มสาวดังขึ้น

“อาเจ๋อ อุ๊ย? อย่าค่ะ….ของน่าจะมาส่งแล้ว”

“รอผมนะ เดี๋ยวมา”

จึงหนิงยืนยิ้มอยู่ที่ปากประตูอย่างอดไม่ได้ ของยังมาส่งไม่ถึงก็เริ่มกันแล้วเหรอเนี่ย? รีบร้อนกันจริงๆ?

ประตูถูกเปิดออกในไม่ช้า ชายผู้ออกมารับของสวมผ้า ขนหนูเพียงผืนเดียว บนร่างกายของเขายังคงมีไอน้ำอยู่

จิ่งหนิงไม่ได้มองหน้าเขา เธอยื่นกล่องใส่ของออกไป “843หยวนค่ะ? จ่ายเงินสดหรือว่าโอนคะ? ”

ชายผู้อยู่ตรงหน้าไม่ตอบ

ผ่านไปสองวินาที เสียงของชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “.

หนิง?

จิ่งหนิงตกตะลึง เธอเงยหน้าขึ้นมอง

เมื่อเห็นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้า ร่างกายกำยำ ผมเผ้าเปียก ปอน เขามีเพียงผ้าขนหนูสีขาวปิดบังร่างกายไว้ แสงไฟ เหลืองนวลส่องมายังร่างกายของเขา ผิวขาวเนียนและ ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาด

ใจ อีกทั้ง ทำตัวไม่ถูก

สีหน้าของจิงหนิงตกใจเสียจนหน้าซีด

“ปั่นเจ๋อ ใครคะ? ”

“ไม่มีอะไรครับ คนมาส่งของครับ”

มู่ยั่นเจ๋อรีบพูดขึ้นก่อนที่จิ่งหนิงจะเอ่ยอะไรออกมาจาก นั้นรีบหยิบเงินจากกระเป๋ายัดใส่มือเธอและหยิบของไป อย่างรวดเร็ว

เสียงประตูปิดลงดัง “ปัง?

จึงหนิงยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตู มือของเธอเริ่มสั่น สีหน้า

เหนิงซีดเผือดลงทันที

เธอหัวเราะออกมาเบาๆ

และมองไปยังธนบัตรที่เขายัดเข้ามาไว้ในมือ นี่มันเรื่อง ตลกบ้าบออะไรกัน? เธอหัวเราะเยาะในความโง่เขลาของ ตัวเองจริงๆ

เสียงชายหนุ่มและหญิงสาวเล็ดลอดออกมานอกห้อง เธอก็ถอนหายใจยาวๆออกมา และกลั้นน้ำตาที่คลอเบ้าเอา

ไว้

เธอหันหลังกลับและเดินตรงไปยังลิฟต์และหยิบมือถือ

ออกมา

“สวัสดีค่ะ สถานีตำรวจใช่ไหมคะ? ฉันจะขอแจ้งความ ว่ามีชายหญิงค้าประเวณี ห้องพักเลขที่.”

ต่อมา20นาที

รถตำรวจคันหนึ่งจอดลงที่หน้าโรงแรมลี่หัว ข้างๆยังมีนัก ข่าวและช่างกล้องเดินตามมา เมื่อเห็นคนที่ถูกจับตัวออกมา นักข่าวก็พากันแห่เข้าไป

“นายมู่ มีคนแจ้งความว่าคุณเสพยาและซื้อบริการทาง เพศ จริงหรือไม่คะ? ”

“นายมู ในฐานะผู้สืบทอดมู่ชื่อกรุ๊ป คุณคิดว่าการกระทำ เช่นนี้เหมาะสมหรือไม่คะ?

“นายมู่ครับ ผู้หญิงคนที่อยู่กับคุณเป็นใครกันครับ? มี

ข่าวลือว่าเป็นดาราในวงการ จริงหรือไม่ครับ? ” “นายมู..”

มู่ยั่นเจ่อถูกนักข่าวล้อมไว้ แม้แต่ตำรวจก็ห้ามไว้ไม่ได้ เขากัดฟันกรอดๆและตะโกนออกมาว่า “ไปให้พ้น? ” นักข่าวพากันตกอกตกใจและถอยหลังออกไป

มู่ยั่นเจ๋อมองไปยังฝูงชน เขาพบเข้ากับจิ่งหนิง สายตา ของเขาแฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

นี่คือสิ่งที่คุณต้องการใช่ไหม?”

จึ่งหนิงเผยอยิ้ม สายตาแฝงไปด้วยการดูถูก

“คุณทำแบบนี้อย่าหวังว่าจะได้ผมไปครอง”

จิ่งหนิงเดินหน้าขึ้นไปแล้วเงื้อมือขึ้นต่อหน้านักข่าวและ

ตำรวจ

11 เพียะ!”

ฝ่ามือของเธอตบลงไปที่หน้าเขาอย่างจัง มู่ยั่นเจ่อถูกตบ เสียจนหน้าหัน

บรรยากาศรอบด้านเงียบลงทันใด

ทางตำรวจตกตะลึงอ้าปากค้าง ” คุณผู้หญิงคนนี้คือ.

%3D

%3D ขอโทษนะคะ มือลั่นไปเอง!”

เธอยิ้มด้วยแววตาเยือกเย็นแล้วทำท่าทางนวดข้อมือ แล้วมองไปยังมู่ยั่นเจ่อด้วยสายตาอาฆาต จากนั้นพูดด้วย น้ำเสียงเยือกเย็นว่า

กระดาษชำระที่ตกลงไปในชักโครก คุณคิดว่าใครยังจะต้องการอีกกัน?ตบเมื่อสักครู่เป็นแค่ดอกเบี้ยเท่านั้น ทุน ที่เหลือฉันจะให้คุณชดเชยภายในสามวัน!”

แววตาของมู่ยั่นเจ่อตื่นตระหนก อะไร! ทุนอะไร !!” จึ่งหนิงขมวดคิ้วขึ้น ” คุณแน่ใจนะว่าจะให้ฉันกระตุ้น

ความจำคุณ

มู่ยั่นเจ๋อก้มหน้าลงทันที

เธอหัวเราะหีๆ เป็นเสียงหัวเราะที่แฝงไปด้วยความดูถูก เหยียดหยาม

ทางตำรวจเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาโบกมือ เป็นสัญญาณว่าให้คุมตัวขึ้นรถไปได้ เมื่อเขาเดินทางจากไป บรรดานักข่าวก็ไม่ได้รีรอ รีบตาม

ไปทันที

เดิมทีที่จากประตูทางเข้าโรงแรมเต็มไปด้วยผู้คน ตอนนี้ กลับว่างเปล่าไม่เหลือใคร

จึงหนิงยังยืนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งควบคุมอารมณ์ได้ เธอจึง ได้เตรียมตัวจากไป

แต่เธอคาดไม่ถึงว่าเมื่อหันหลังกลับไปจะพบเข้ากับแวว ตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธออยู่

ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ ผมสั้นจัด ทรงเป็นระเบียบ แววตาแหลมคมนั้นทำให้ผู้พบเห็น หลงใหล

ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้แสงยามค่ำคืนแบบนี้ เผยให้เห็นออร่าที่กลมกลืนไปกับบรรยากาศรอบข้าง จิ่งหนิงรู้สึกว่าเธอเคยเห็นชายคนนี้มาก่อน

จากนั้นเธอหันไปเห็นเลขาของเขาที่ยืนอยู่ด้านหลัง อีก ทั้งรถปอร์เช่สีเงินที่อยู่ข้างๆ เธอก็คิดได้ว่าจะไปรู้จักบุคคล ที่โดดเด่นแบบนี้ได้ยังไงกัน?

เธอสลัดความคิดออกจากหัว หันหลังแล้วเดินจากไป จนกระทั่งร่างเล็กๆของเธอเข้าสู่รถยนต์ ลู่จิ่งเซินจึงได้

ละสายตามาจากเธอและถามขึ้นว่า “คนเมื่อกี้นี้คือใคร?

ซูมู่ที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบตอบขึ้นว่า ท่านหมายถึงคนที่ถูก ตำรวจจับไปเมื่อกี้หรือครับ? เหมือนว่าจะเป็นคุณชายขอ งมู่ชื่อกรุ๊ปที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเมื่อหลายวันก่อน”

ลู่จิ่งเซินขมวดคิ้วแล้วบอกว่า “ผมหมายถึงคนผู้หญิงคน เมื่อกี้”

“ครับ? ” ซูมู่งุนงงเล็กน้อย “ผู้หญิงคนไหนกัน? ”

เมื่อเห็นแววตาอันไม่พอใจของลู่จิ่งเซิน ซูมู่ก็รีบพูดขึ้นมา ว่า “ท่านประธานครับ ต้องขออภัยด้วยผมจะไปตรวจสอบ เดี๋ยวนี้”

“ช่างมันเถอะ”

สายตาของเขามองไปตามทางที่ผู้หญิงคนนั้นขับรถออก ไปแล้วยิ้มขึ้น เขาคล้ายกับนึกอะไรออกมาได้

จากนั้นเขารีบก้าวเดินเข้าไปด้านใน ในฐานะผู้แจ้งความ จิ่งหนิงจึงต้องเดินทางไปที่สถานี ตำรวจด้วย

เมื่อทำการบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ผู้คนจากด้านนอกก็ พากันแห่กรูเข้ามา

คนที่เดินเข้ามาเป็นคนแรกก็คือคุณย่าจิ่งหวังเสว่เหมย เมื่อเธอเดินเข้ามาถึงก็ตบเข้าให้ที่หน้าของจิ่งหนิงอย่างจัง

“นังคนทรยศ? ”

หวังเสว่เหมยตัวสั่นสะท้านแล้วพูดว่า “แกรู้อยู่แก่ใจว่านั่น คือน้องสาวแท้ๆของแก ยังกล้าแจ้งตำรวจจับอีกอย่างนั้น เหรอ? แกต้องการจะยั่วให้ฉันโมโหตายยังไง? ”

จิงหนิงเช็ดโชคเลือดที่มุมปาก จากนั้นเงยดูหญิงชราที่ อยู่ตรงหน้า

“น้องสาวอย่างนั้นเหรอ? คุณหมายถึงจิ่งเสี่ยวหย่า? ”

“ไม่ต้องทำมาเป็นเสแสร้ง สื่อต่างๆพากันพูดกันให้แซ่ด บอกว่าคุณหนูจิงรองให้ท่าคู่หมั้นของคนอื่น แกไม่รู้เรื่อง หรือไง? ”

จึงหนิงก้มหน้าลงและยิ้มออกมาเบาๆ

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเธอนั่นเอง….ฉันก็คิดว่ากะหรี่ที่ไหน รีบร้อนจะหาเงินซะอีก ที่แท้ก็เป็นน้องสาวของฉันเอง? “

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท