ตอนนี่ 1075 สกุลเซียววางแผนจะกระทำสิ่งใด
มีบางคนมิได้ปัญญาทึบ ยกตัวอย่างเช่นบัณฑิตเซี่ย
หลังจากบัณฑิตเซี่ยได้ยินคำพูดของเซียวเก๋อเหล่าจึงขมวดคิ้ว หลังจากผ่านไปพักหนึ่งเขาเอ่ยถามประโยคเช่นนี้ออกมา
“บ่าวข้างพระวรกายของซูเฟยเหนียงเหนียงสามารถเป็นพยานได้!” ใครจะรู้ว่าว่าหลังจากที่เซียวเก๋อเหล่าได้ยิน เขาก็เอ่ยพูดประโยคนี้ออกมาอย่างไม่หวาดหวั่น
ซูหลีได้ยินถึงตรงนี้เริ่มอดทนต่อไปไม่ไหว นางเอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็น
“บ่าวรับใช้รึ ขอถามใต้เท้าเซียวสักหน่อย บ่าวรับใช้คนไหนกัน คนที่กล่าวได้อย่างชัดเจนว่าข้าน้อยเป็นคนทำร้ายซูเฟยเหนียงเหนียงผู้นั้นหรือ หรือจะเป็นบ่าวรับใช้คนอื่นกัน ใต้เท้าเซียวอย่ากล่าวว่าข้าน้อยพูดจามิรื่นหู แต่บ่าวที่อยู่ข้างพระวรกายของซูเฟยเหนียงเหนียงล้วนเป็นคนของเหนียงเหนียง”
“บ่าวที่อยู่ใต้อาณัติพูดอะไรออกมาจะเป็นการยืนยันอะไรได้กัน ไม่ใช่เรื่องที่นายท่านพูดออกมาประโยคเดียวหรอกหรือ”
ใบหน้าของเซียวเก๋อเหล่าชาไม่กระดิกไปบ้าง เขาเตรียมจะพูดอะไรออกมาบ้าง ทว่าบัณฑิตเซี่ยที่ฟังอยู่ด้านข้างพลันเอ่ยขึ้น
“กราบทูลฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าที่ใต้เท้าซูมิผิดนัก บ่าวที่อยู่ข้างพระวรกายซูเฟยเหนียงเหนียง ก่อนหน้านี้ก็เคยเข้าใจใต้เท้าซูผิดแล้ว บัดนี้หากต้องมาเป็นพยานยืนยันอีก คำให้การนี้คงเชื่อถือมิได้!”
ในท้องพระโรงแห่งนี้ บัณฑิตเซี่ยนั้นถือว่าเป็นคนที่ยุติธรรมมากทีเดียว โดยปกติมิเคยเข้าร่วมกันฟาดฟันเช่นนี้มาก่อน การเปิดปากพูดของเขาในครานี้กลับทำให้คนจำนวนมากพยักหน้าเห็นด้วย
มิผิด แม้เรื่องบางเรื่องจะพูดอย่างชัดเจนได้ยาก ทว่าท่าทีของสกุลเซียวที่อยากจะจัดการซูหลีนั้น ในใจของทุกคนล้วนเข้าใจอย่างชัดเจนดี บัดนี้กลับใช้คนข้างกายเซียวซูเฟยมาคาดโทษผู้อื่นเช่นนี้ เกรงว่าจะพูดต่อไปไม่ได้!
“กระหม่อมยังพูดไม่จบ ใต้เท้าเซี่ยก็กระวีกระวาดโผล่ขึ้นมาช่วยใต้เท้าซูพูดอย่างร้อนใจเสียแล้ว ไม่รู้ว่าหัวใจที่อยู่ในร่างกายของใต้เท้าเซี่ยทำด้วยอะไร!” แม้จะเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้เซียวเก๋อเหล่ากลับไม่ร้อนรนเลยแม้แต่น้อย
เขากลับพูดถากถางบัณฑิตเซี่ยด้วยเสียงเยียบเย็น จากนั้นหมุนกายโค้งคำนับแล้วเอ่ย
“กราบทูลฝ่าบาท นอกจากบ่าวข้างพระวรกายของซูเฟยเหนียงเหนียงแล้ว กระหม่อมขอร้องให้ฝ่าบาททรงให้คนค้นตัวใต้เท้าซูด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ บนร่างของใต้เท้าซูยังมีขวดกระเบื้องใบเล็กเช่นนี้อยู่ เพียงแค่หาสิ่งนี้เจอและนำมาเปรียบเทียบ ฝ่าบาทจะทรงทราบแล้วว่า ใครที่พูดโกหกกันแน่พ่ะย่ะค่ะ!”
คำพูดที่เซียวเก๋อเหล่าพูดออกมาทำให้ทั้งตำหนักตกอยู่ในความเงียบ ซูหลีหรี่ตาลงเล็กน้อย
วิธีของสกุลเซียวนี้พูดไม่ได้ว่าเหนือชั้นเท่าไร ทว่า…พวกเขาทราบได้อย่างไรว่านางพกยาช่วยชีวิตติดตัวไว้ด้วย
อีกทั้งบังเอิญขนาดไหนที่ ขวดที่ใช้ใส่ยาพิษนั้นเหมือนกับขวดยาที่นางพกติดตัวอย่างกับแกะ!
ยาช่วยชีวิตเป็นยาที่ซูหลีพกติดตัวเสมอ ในใจนางล้วนทราบดีว่า ยานี่ไม่สามารถกลายเป็นยาพิษได้
ทว่าในเวลานี้เซียวเก๋อเหล่าต้องการให้นางนำของสิ่งนี้ออกมาเพื่ออะไรกัน
สีหน้าของนางเปลี่ยนสลับไปมา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในใจถึงได้รู้สึกไม่สงบอย่างประหลาดๆ
“ซูหลี” หลังจากที่ฉินเย่หานได้ยินคำพูดของเซียวเก๋อเหล่า จึงเหลือบตาตวัดมองมาที่ซูหลีปราดหนึ่ง
กลับเขาเห็นสีหน้าแปลกประหลาดเกินจะเปรียบของนาง และไม่รู้ว่านางกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
ซูหลีไม่รู้ว่าสกุลเซียวต้องการวางแผนอะไร ทว่านางมั่นใจว่ายาที่พกติดตัวนางนั้นคือยาช่วยชีวิต ไม่มีพิษอย่างแน่นอน หลังจากนางชะงักไปครู่หนึ่งถึงควักหยิบขวดกระเบื้องใบเล็กที่เหมือนกับของเซียวเก๋อเหล่าออกมาจากภายในแขนเสื้อ
เมื่อของสิ่งนี้ปรากฏขึ้นในมือของนาง สายตาของคนโดยรอบจึงเปลี่ยนไปในทันทีในทันใด
เหตุผลมิใช่สิ่งอื่นใด ขวดกระเบื้องใบเล็กทั้งสองนี้เหมือนกันอย่างกับแกะ!
ซูหลีไม่อยากหยิบของสิ่งนี้ออกเช่นกัน ทว่าในเมื่อเซียวเก๋อเหล่าทราบแม้แต่เรื่องที่นางพกยาช่วยชีวิตติดตัวไว้แล้ว อย่างไรก็ต้องให้คนค้นตัวนางอย่างแน่นอน!
แม้นางจะขัดขืนของสิ่งนี้ก็ถูกคลำหาจนเจออยู่ดี สู้ให้นางหยิบออกมาให้ดูตั้งแต่แรกเสียดีกว่า
นางก็อยากรู้เหมือนกันว่า สกุลเซียวกำลังวางแผนการอะไรไว้อีก!
ตอนที่ 1076 ยานี้เป็นยาพิษร้ายแรง!
“กราบทูลฝ่าบาท พระองค์ทรงดู เป็นของสิ่งนี้!” เซียวเก๋อเหล่าชำเลืองเห็นซูหลีหยิบขวดกระเบื้องสีขาวใบเล็กออกมาจริงๆ จึงเริ่มแสดงอาการดีใจออกมาและพูดตะโกนออกมาประโยคหนึ่ง
ซูหลีเห็นท่าทีของเขาแล้ว ใบหน้าจึงมีรอยยิ้มเสมือนไม่ยิ้ม นางเอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็น “ใต้เท้าเซียวอย่าเพิ่งดีใจไป ข้าน้อยพกขวดกระเบื้องติดตัวเช่นนี้มิผิด”
“ขวดใบนี้เหมือนกับขวดในมือของใต้เท้าเซียว สิ่งเหล่านี้ข้าน้อยมิคิดจะแก้ตัว ทว่ายาของข้าน้อยนี้ไม่เหมือนกับยาที่อยู่ในมือใต้เท้าเซียว ขวดใบนี้ของข้าน้อยคือยาช่วยชีวิตที่ใช้รักษาโรคช่วยชีวิต!”
คำพูดของซูหลีนั้นสุขุมเยือกเย็น หลังจากที่พูดประโยคนี้ออกมา จึงพลิกสถานการณ์กลับมาเล็กน้อย
หากตัวยาที่นางพกติดตัวกับยาพิษในมือเซียวเก๋อเหล่าไม่เหมือนกัน นั่นก็สามารถยืนยันได้ว่ายาทั้งสองเพียงใช้ขวดบรรจุเหมือนกันเฉยๆ ไม่สามารถกล่าวว่าซูหลีเป็นคนที่ลอบทำร้ายซูเฟยเหนียงเหนียง
แม้ขวดทั้งสองจะเหมือนกันอย่างกับแกะจะสามารถทำให้คนนึกฉงนสงสัย ทว่าก็ไม่สามารถมาเป็นหลักฐานยืนยันทางตรงได้
“ยาที่บรรจุอยู่ภายในขวดจะเหมือนกันหรือไม่ มิต้องให้ทางใต้เท้าซูแก้ตัว ในวังหลวงมีหมอหลวงจำนวนมิน้อย เพียงส่งขวดทั้งสองให้แก่หมอหลวงตรวจสอบครู่หนึ่งก็ทราบแล้ว!”
เซียวเก๋อเหล่าร้องเสียงต่ำออกมาเสียงหนึ่ง อีกทั้งยังให้น้ำเสียงมั่นใจเกินจะเปรียบเอ่ยประโยคนี้ออกมา
ซูหลีเห็นเช่นนี้ถึงอดที่จะขมวดคิ้วมิได้
เซียวเก๋อเหล่าไปเอาความมั่นใจนี้มาจากที่ใดว่ายาพิษของเขานี้จะสามารถเหมือนยาช่วยชีวิตของนางได้ ของที่นางพกติดตัวตนจะตรวจสอบวันละครั้งเสมอ ไม่มีทางที่จะมีช่องโหว่งแน่ๆ
นอกจาก…เซียวเก๋อเหล่าจะซื้อตัวคนของสำนักหมอหลวง
ไม่! ไม่มีทางเป็นไปได้!
สำนักหมอหลวงมีหมอหลวงมากเสียขนาดนั้น อำนาจของสกุลเซียวในเวลานี้ยังสู้สกุลป๋ายมิได้ สกุลป๋ายยังไม่สามารถซื้อตัวหมอหลวงทั้งหมดได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสกุลเซียวแล้ว!
เช่นนั้นมีที่ใดที่ไม่ผิดพลาด ถึงทำให้เซียวเก๋อเหล่ายืนยันเช่นนี้ได้
“เรียกหมอหลวงมา” ฉินเย่หานมองซูหลีที่อยู่เบื้องล่างปราดหนึ่ง ครั้นเห็นใบหน้าที่กำลังครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งแต่มิได้ตื่นตระหนกของนาง จึงหยุดชะงักไปครูหนึ่ง จากนั้นสั่งหวงเผยซานที่อยู่ด้านข้างด้วยเสียงแผ่วเบา
“พ่ะย่ะค่ะ” หวงเผยซานขานรับ จากนั้นถึงรีบสั่งขันทีผู้น้อยที่อยู่ในอาณัติให้ไปเรียกหมอหลวงมา
สำนักหมอหลวงอยู่ไม่ไกลจากตำหนักอวิ๋นซิน เป็นประจวบเหมาะที่ใต้เท้าจาง จางย่วนพั่นที่เซียวเก๋อเหล่าพูดถึงอยู่พอดี ขันทีผู้น้อยที่ถูกเรียกไปส่งข่าวจึงถือโอกาสนำจางย่วนพั่นมาด้วย
“กระหม่อมและคณะ ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” หมอหลวงจำนวนไม่กี่คนแบก**บยารีบสาวเท้าเดินเข้ามา คุกเข่าคำนับลงด้านข้างของซูหลี
“ลุกขึ้นเถิด” น้ำเสียงของฉินเย่หานยังคงเรียบเฉย สายตาของตัวตวัดมองไปที่ร่างหมอหลวงเหล่านี้รอบหนึ่ง ในเวลานี้จึงเอ่ยขึ้น “นำของสิ่งนั้นให้พวกเขา”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เซียวเก๋อเหล่าขานรับก่อนและยื่นขวดใบเล็กในมือตนส่งให้กับหมอหลวงที่อยู่ด้านข้าง ซูหลีช้ากว่าเขาไปก้าวหนึ่ง แต่ก็ยื่นของในมือส่งไปให้หมอหลวงเช่นกัน
“พ่ะย่ะค่ะ!” หมอหลวงเหล่านั้นขานรับ
“ใต้เท้าระวังด้วย ยานี่มีพิษร้ายแรงมาก อีกทั้งยังมีอากาศประหลาดอีก แม้พิษจะสลายไปครึ่งหนึ่งแล้ว ทว่าหลังจากสูดดมเข้าไปก็ยังสามารถเกิดผลร้ายต่อคนได้!”
ก่อนที่หมอหลวงเหล่านี้จะยื่นมือเปิดขวดกระเบื้องใบเล็ก เซียวเก๋อเหล่าจึงเอ่ยเตือนสติประโยคหนึ่งก่อน
หลังจากหมอหลวงเหล่านั้นชะงักไปครู่หนึ่ง ต่างพากันขอบคุณเขา จากนั้นถึงเปลี่ยนเป็นใช้ผ้าเช็ดหน้าคลุมที่จมูกและปากของตน จากนั้นถึงได้เปิดขวดยาที่เซียวเก๋อเหล่ายื่นให้
ขยับจุกขวดขึ้นมาเล็กน้อย หมอหลวงเหล่านี้ต่างพากันขมวดคิ้ว
จากนั้นนำจุกขวดยัดกลับลงไป
“กราบทูลฝ่าบาท ยานี้เป็นยาพิษร้ายแรงพ่ะย่ะค่ะ!” มีหมอหลวงคนหนึ่งเอ่ยขึ้น