ในเวลานี้ หยวนชิงหลิงรู้สึกแยกแยะระหว่างความจริงกับความฝันไม่ออกแล้ว นางตัวสั่นขณะผลักกล่องยากลับไปใต้เตียงอีกครั้ง แต่วินาทีที่กล่องยาเลื่อนเข้าไปใต้เตียง มันกลับหายวับไปกับตาทันที
นางถึงกับไม่กล้าหายใจไปสามวิ เอื้อมมือออกไปลูบๆแตะๆใต้เตียง จนยืนยันกับตัวเองได้ว่าไม่มีอะไรอยู่ในนั้นจริงๆ
นางตัวสั่นเทิ้ม ค่อย ๆ คลานกลับไปที่เตียง สูดลมหายใจเข้าออกแรงๆถี่ๆ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ มันเกินขอบเขตความรู้ความเข้าใจของนางไปไกลมาก ความรู้ทางวิชาการ ทั้งในด้านวิชาชีพเฉพาะ กระทั่งความรู้ที่ไม่ใช่ทางเฉพาะในอาชีพทั้งหลายที่มี ต่างก็ไม่สามารถให้คำตอบอะไรกับนางได้เลยสักข้อ มนุษย์เราล้วนหวาดกลัวสิ่งที่ตนไม่รู้จัก และในตอนนี้ นางก็รู้สึกหวาดกลัวมากจริงๆ
ประตูถูกผลักเปิดออกเสียงดัง “ปัง” หยวนชิงหลิงยังไม่ทันเงยหน้าขึ้นไปดู ก็รู้สึกถึงไอเย็นยะเยือกสายหนึ่งแผ่เข้าปกคลุมทั้งสี่ด้าน รู้สึกเจ็บที่หนังศีรษะแปลบ จากนั้นร่างทั้งร่างก็ถูกโยนลงจากเตียงไปกองอยู่กับพื้น
“ เจ้าคิดจะแกล้งตายใส่ข้าอย่างนั้นหรือ? เจ้าจะตายเสียตอนนี้ หรือจะไสหัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้าวังไปกับข้า?” น้ำเสียงเย็นเยือกแผดลั่นอยู่เหนือศีรษะของนาง ร่างถูกพลิกอย่างรุนแรงป่าเถื่อน แรงนั้นเหวี่ยงจนนางล้มกลิ้งไปกับพื้น เจ็บปวดจนนางตัวสั่นสะท้าน ยังไม่ทันที่นางจะหายใจหายคอเอาอากาศเข้าไป คางของนางถูกบีบด้วยมือที่แข็งดังคีมเหล็ก ด้วยแรงที่ใช้นั้น มันแทบจะบดขยี้คางของนางจนแหลกอยู่แล้ว
ดวงตาที่เจ็บปวดของนาง สบเข้ากับดวงตาที่โกรธเกรี้ยวของเขา ใบหน้าอันเย็นชาห่างเหินเจือแววดูถูก รวมถึงความเกลียดชังที่ไม่คิดจะปิดบังเลยแม้แต่น้อย “ข้าขอเตือนเจ้านะ ไม่ต้องคิดจะเล่นลูกไม้ตื้นๆอะไรของเจ้าอีก ต่อให้องค์ไทเฮาอยู่ตรงหน้า แล้วเจ้าพูดจาเลื่อนเปื้อนไร้สาระอะไรอีกล่ะก็ ข้าก็จะฆ่าเจ้าให้ตาย ”
หยวนชิงหลิงโกรธสุดขีด ในสายตาของพวกเขา ชีวิตคนมันไร้ค่าขนาดนี้เลยเชียวเหรอ? นางได้รับบาดเจ็บหนักถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะไม่ยอมปล่อยนางไปอีก
นางฝืนเค้นเอาเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี คว้าจับปอยผมของเขาขยุ้มหนึ่ง แล้วดึงลงมา ใช้เข่าทรงตัวแล้วกระแทกศีรษะเข้าใส่หน้าของเขาจัง ๆ แบบเต็มแรง การเคลื่อนไหวครั้งนี้ นางตัดสินใจจะเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือแล้ว นางยอมใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มี เพื่อให้ได้โจมตีคืนสักครั้งเลยทีเดียว
อ๋องฉู่หยู่เหวินเห้า ไม่คาดคิดมาก่อนว่านางจะกล้าสู้กลับ อีกทั้งยังเป็นการใช้หัวตัวเองโขกใส่หน้าเขาอีกด้วย จึงไม่ได้หลบใดๆทั้งสิ้น ส่งผลให้เขาถูกโขกเข้าใส่เต็มๆจนถึงกับหน้ามืด มึนหัวไปชั่วขณะหนึ่ง
หยวนชิงหลิงเองเดิมทีก็แทบจะหมดสติอยู่แล้ว แต่ก็ยังฝืนกัดฟันใช้ลมหายใจที่เหลืออีกเฮือก อาศัยจังหวะที่เขายังไม่ฟื้นคืนสติดี คุกเข่าลงทับเข้าบนหลังมือเขาอีกหนึ่งที เลือดสดๆที่ไหลกบปากหยดลงบนหน้าเขาไม่หยุด ผมยาวแผ่สยาย กระเซอะกระเซิงราวคนบ้าที่เกิดคลุ้มคลั่งจนเกินการควบคุมก็ไม่ปาน “เกิดมาเป็นคนทั้งที มันจะต้องบีบคั้นกันให้เหลือแค่ทางตายเลยหรือไร ทำไมต้องรังแกกันขนาดนี้ด้วยหา!? ”
ฝ่ามือหนึ่งตบเข้าที่ใบหน้าของนางเต็มๆ
หน้านางสะบัดวูบ ภาพตรงหน้าพลันมืดสนิท ในห้วงภวังค์อันสับสนคลุมเครือ นางได้ยินเพียงเสียงของแม่นมฉีที่เร่งฝีเท้าเข้ามาหาเร็วรี่ “ท่านอ๋อง โปรดเมตตาด้วย!”
อ๋องฉู่ไม่ได้แสดงความเมตตาใดๆทั้งสิ้น เงื้ออีกฝ่ามือตบซ้ำลงไปอีก หลังจากระบายความโกรธออกไป ก็เหลือบเห็นรอยเลือดบนแผ่นหลังของหยวนชิงหลิง จึงสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “จัดการกับบาดแผลของนางซะ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย พันปิดบาดแผลให้แน่น กรอกน้ำจื่อจินไปชามหนึ่งให้นางอยู่ได้สักครึ่งวัน ”
หยวนชิงหลิงเห็นเพียงปลายรองเท้าผ้าสีดำ ซึ่งปักด้วยด้ายสีทอง ก้าวเดินห่างออกไปทีละก้าวๆจากลานสายตาของนาง ค่อยๆคลายความตึงเครียด ฝืนสูดลมหายใจต่อไปจนสุดชีวิต
แม่นมฉีกับลู่หยารีบก้าวมาข้างหน้าเพื่อช่วยพยุงนาง พวกนางไม่ได้พูดอะไรออกมา แค่ช่วยพยุงนางไปที่เตียงให้นอนลง เมื่อพวกนางตัดเสื้อผ้าของนางออก ทั้งคู่ก็ถึงกับต้องผวาอ้าปากค้าง
ลู่หยาพูดด้วยน้ำเสียงติดสะอื้น “ทัณฑ์โบยสามสิบไม้ พวกเขาช่างไร้ความปรานีเหลือเกินแล้ว พวกเขาโบยเต็มแรงจริงๆ”
“รีบไปเอาน้ำร้อนมาเร็วเข้า ยาผง แล้วก็เคี่ยวน้ำจื่อจินมาด้วย !” แม่นมฉีร้องสั่งด้วยน้ำสั่งเครียดเขม็ง
หยวนชิงหลิงเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งร่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอนที่ต้องตัดเสื้อผ้าที่มันติดแน่นเป็นเนื้อเดียวกับนาง ร่างของนางสั่นเทิ้มไม่หยุด แต่ทว่า นางกลับไม่ได้ส่งเสียงร้องใดๆออกมาสักแอะ ในลำคอของนางร้อนผ่าวราวกับมีไฟลุกไหม้ กระทั่งอยากจะพูดอะไรบ้าง ก็ยังไม่สามารถพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียว
ทั้งการล้างแผล ขูดซับรอยเลือด ทายาผง นางล้วนกัดฟันอดทนกับกระบวนการทั้งหมดนี้อย่างเงียบ ๆ ราวกับว่านางกำลังอยู่ในฝันร้ายสักฉากหนึ่ง รอเวลาที่นางตื่นขึ้นมาจากฝันนั้น นางก็จะไม่เป็นไรแล้ว
นางได้ยินลู่หยาถามขึ้นว่า “แม่นม ต้องกรอกน้ำจื่อจินจริงๆหรือเจ้าคะ?”
“ เอาเข้ามาเถอะ หากไม่แล้ว น่ากลัวว่าคงจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้เป็นแน่” พูดจบ แม่นมฉีก็ถอนหายใจดังเฮือก
“ แต่น้ำจื่อจินมัน….. ”
“อย่ามัวพูดจาเหลวไหล รีบไปช่วยพยุงพระชายาเร็วเข้า”
หยวนชิงหลิงถูกยกขึ้นในสภาพดั่งก้อนสำลียุ่ยๆกองหนึ่งก็ไม่ปาน มีของเหลวอุ่น ๆบางอย่างถูกเทไหลเข้าไปในปากของนาง เป็นบางอย่างที่ขมมาก ทำเอานางแทบจะสูญเสียความสามารถในการลิ้มรสชาติได้เลยทีเดียว
“ดื่มเถอะเพคะ พระชายา ดื่มแล้วก็จะไม่เป็นไรแล้ว” แม่นมฉีกระซิบที่ข้างหูของนาง
หยวนชิงหลิงหวังจะกำจัดความเจ็บปวดนี้ไปให้พ้นโดยเร็วที่สุด จึงสูดหายใจเฮือกใหญ่ แล้วดื่มมันลงไปอย่างไม่ลังเล