หยู่เหวินเห้าขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พลางลูกหน้าอกตัวเอง พร้อมกับสัญญากับตัวเอง รอให้เรื่องทุกอย่างคลี่คลายลง จะต้องจับหยวนชิงหลิงเข้าห้องมืด แล้วปล่อยให้หมาบ้ากัดสักร้อยครั้ง ถึงจะสาสมกับแค้นในวันนี้
หยวนชิงหลิงได้ระบายออกมา ก็รู้สึกปลอดโปร่งขึ้นไม่น้อย เรื่องกลัดกลุ้มในใจนางก็รู้สึกสบายใจขึ้น
แต่ว่า พอเห็นสีหน้ามืดดำของเขา ก็รู้สึกว่าเมื่อครู่นางกัดแรงไปหน่อย จึงสำนึกแล้วพูดขึ้น “ข้าขอโทษ ข้าไม่ควรกัดท่าน”
หยู่เหวินเห้าจ้องหน้าที่ดูสำนึกของนาง ในใจก็พลันตบหน้าตัวเองว่าห้ามใจอ่อน หญิงผู้นี้ไม่มีทางขอโทษด้วยใจจริง นางกำลังเล่นละคร
“โธ่ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไป ถึงได้บ้าคลั่งขนาดนี้ ข้าขอโทษจริงๆ นะ” หยวนชิงหลิงยังคงพูดขอโทษต่อ และท่าทางก็ดูเหมือนจะอารมณ์เสียตัวเองพอสมควร “ข้ารู้ว่าท่านทำเพื่อข้าจริงๆ อีกทั้งยังช่วยแสดงละครต่อหน้าคนในตระกูลข้า แล้วยังจำเรื่องที่ข้าอยากกลับบ้านตอนเมาด้วย ที่จริงท่านดีมากเลย แต่เป็นเพราะข้าที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร มักจะหาเรื่องทะเลาะกับท่าน ”
หยู่เหวินเห้าทำหน้าเย็นชา “ช่างเถอะ ข้าเองก็ขี้เกียจเถียงกับเจ้า”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างดีใจ “ข้ารู้ว่าท่านอ๋องเป็นผู้มีเมตตาต่อคนอื่น งั้นตอนที่อยู่ต่อหน้าไทเฮา ต้องขอร้องให้ท่านอ๋องช่วยพูดหน่อยนะ”
“เรื่องที่ข้ารับปากเจ้าแล้ว ยังไงก็ไม่มีทางผิดสัญญา” หยู่เหวินเห้าส่ายมือไปมา
หยวนชิงหลิงยิ้มหน้าบานทันที “ขอบพระทัยท่านอ๋อง”
ที่จริงผู้ชายก็ไม่ได้โอ๋ยาก แค่พูดชมหน่อยก็ได้แล้ว
ที่จริงหยู่เหวินเห้าเองก็รู้ว่าตัวเองหลงกลแล้ว แต่ก็ช่างเถอะ เขาไม่ชอบหาเรื่องผู้หญิง โดยเฉพาะคนขี่เหร่อย่างนาง
พอเกิดเรื่องนี้ขึ้น กลับทำให้รู้สึกว่าการเข้าวังครั้งนี้ไม่ได้น่ากังวลมากแล้ว
ตั้งแต่อภิเษกกับหยวนชิงหลิงมาหนึ่งปี ทุกครั้งที่เข้าวังมาก็จะรู้สึกไม่ค่อยดี คนในวังที่เขาสนใจ ต่างก็มองเข้าด้วยสายตาผิดหวัง
แต่พอนานเข้า ตอนที่เขาเดินอยู่บนทางนี้ ความรู้สึกภายในใจกลับไม่ได้แย่
ความทุกข์ทรมานตลอดหนึ่งปี ที่เกิดจากหยวนชิงหลิง และก็หายไปเพราะหยวนชิงหลิง
เรื่องที่เกิดขึ้ของมนุษย์นั้นยากที่จะอธิบายจริงๆ
หลังจากเข้ามาในวัง พวกเขาก็ตรงไปที่ตำหนักฉินคุนทันที
หยวนชิงหลิงเข้าไปรับโทษอย่างซื่อสัตย์ พอเข้ามาในตำหนักก็ไม่มองอะไรเลย พลางคุกเข่าลงพร้อมกันก้มหน้าเพื่อรับผิด “เสด็จปู่ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว วันนั้นหม่อมฉันไม่ควรดื่มหนักจนเมาแล้วเสียมารยาท ทำให้พระองค์ต้องตกใจ จนไม่สบายขึ้นมา โปรดทรงอภัยให้หม่อมฉันสักครั้งนะเพคะ”
“เมาแล้วเสียมารยาท?” เสียงของคนข้างที่ฟังดูคุ้นหูดังขึ้น
หยวนชิงหลิงค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา พลันตกใจจนคิ้วจะเป็นสีขาว ทำไมฝ่าบาทถึงอยู่ที่นี่?
“เสด็จ……..เสด็จพ่อ พระองค์ก็อยู่ด้วย!” นางพูดขึ้นด้วยเสียงติดขัด
ไท่ซ่างหวงและหยู่เหวินเห้าหันไปมองนางพร้อมหันทันที ถ้าวันหนึ่งนางจะต้องตาย ก็คงเป็นเพราะความโง่เขาของนางเอง
“ดื่มหนักจนเมาแล้วเสียมารยาทจนทำให้ไท่ซ่างหวงไม่สบายงั้นหรือ?พระชายาฉู่ลองเล่าให้ข้าฟังหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดขึ้นเสียงเรียบ
หยวนชิงหลิงอยากจะเอาหัวมุดลงพื้น หยวนชิงหลิงจึงพึมพำ “วันนั้นหม่อมฉันดื่มหนักไปหน่อย จึงขาดสติ แล้วล่วงเกินไท่ซ่างหวง ขอฝ่าบาทโปรดลงโทษเพคะ”
“บังอาจ!” ฮ่องเต้หมิงหยวนตบเก้าอี้ทันที จนคนทั้งตำหนักต่างคุกเข่าลง รวมถึงมู่หรูกงกงเองก็รีบคุกเข่าลงไปพลางพูดขึ้น “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ!”
ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่สนใจ พร้อมกับพูดขึ้นอย่างโมโห “เป็นถึงพระชายา การกระทำต้องรู้จักสำรวม การดื่มเหล้านั้นก็ถือว่าผิดแล้ว แต่ยังบังอาจกระทำต่อหน้าไท่ซ่างหวงด้วย จนทำให้ไท่ซ่างหวงล้มป่วย แล้วยังไม่สนใจ ผ่านไปนานถึงสามวันถึงมาขอรับโทษ ในสายตาเจ้ายังมีขนมธรรมเนียมในวังหรือไม่?และยังจำว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไรหรือไม่?ถ้าหากวันนี้ข้าไม่ลงโทษเจ้า เกรงว่าต่อไปเจ้าก็จะทำผิดต่อไป”
“กระหม่อมน้อมรับโทษเพคะ” หยวนชิงหลิงรู้สึกหมดเรี่ยวแรง ตาของนางไปอยู่ข้างหลังหรือยังไง?ถึงไม่เห็นว่าฝ่าบาทนั่งอยู่ตรงนี้ นางหันไปมองไท่ซ่างหวงอย่างร้องขอชีวิต หวังว่าพระองค์จะช่วยนางพูดสองสาวความ เพื่อให้นางได้รับโทษเบาหน่อย
ไท่ซ่างหวงกลับไม่สนใจ เขาจะสนใจทำไม เรื่องความผิดตัวเองจะเอาไปพูดกับคนอื่นทำไม?
ฮ่องเต้หมิงหยวนจึงพูดต่อ “เห็นว่าเจ้าทำผิดครั้งแรก และโชคดีที่ตอนนี้ไท่ซ่างหวงไม่เป็นอะไรมาก ข้าขอลงโทษเจ้าด้วยการทำความสะอาดตำหนักฉินคุนและห้องทรงพระอักษร ทำเสร็จค่อยกินข้าว ลูกห้า เจ้าก็รับโทษด้วยกัน”
หยู่เหวินเห้าเบิกตากว้างทันที เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเขา?
“เป็นอะไรไป?ไม่พอใจหรือ?” ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดเสียงแข็ง
“ลูกยินดีพ่ะย่ะค่ะ!” หยู่เหวินเห้ารีบพูด
ฮ่องเต้หมิงหยวนสบถออกมา “ดูพวกเจ้าสองคนไม่เอาเรื่องกันเลย ข้าโมโหยิ่งนัก สงสัยจะว่างกันมาก ถ้าหากว่าเจ้าอาการดีขึ้นแล้ว ก็ให้ไปทำงานที่กรมพระนคร ถ้าไม่ให้ทำงานบ้าง ก็คงจะไม่ทำการทำงาน”
ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดจบ พลันหันไปคำนับไท่ซ่างหวง “เสด็จพ่อ ท่านพักผ่อนเถอะ อย่าสนใจคนไร้ประโยชน์พวกนี้เลย กับคนพวกนี้ห้ามใจอ่อนและสงสารเด็ดขาด ยิ่งท่านเอ็นดูพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก ลูกขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปเถอะ!” ไท่ซ่างหวงเงยหน้าขึ้น เหมือนจะพอใจอะไรบางอย่าง
ฮ่องเต้หมิงหยวนเดินออกไปพร้อมกับมู่หรูกงกงด้วยท่าทางฉุนเฉียว
พอออกมา ฮ่องเต้ก็พลันแสยะยิ้ม ถือว่าได้พูดต่อว่าบ้าง เรื่องที่หยวนชิงหลิงดื่มเหล้าเมาแล้วอาละวาด คิดหรือว่าจะปิดเขาได้?ทำไมนางถึงดื่มจนเมาน่ะหรือ?ก็คงเพราะให้นางแบกหม้อ นางจึงรู้สึกไม่พอใจ ถึงได้ใช้โอกาสนี้ระบายความทุกข์ออกมา
และเป็นเพราะไท่ซ่างหวงคอยปกป้อง เขาจึงไม่มีโอกาสจะจัดการนาง คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้กลับมีโอกาสได้จัดการเอง มันช่างมีความสุขจริงๆ เลย
หยู่เหวินเห้ายังไม่ทันได้สติ และคิดว่าตัวเองฟังผิดไป ที่ฝ่าบาทรับสั่งให้เขาไปทำงานที่กรมพระนครอย่างนั้นหรือ?การไปรับตำแหน่งที่พระนครนี้ ถือว่าเป็นหน้าที่สำคัญอีกอย่างหนึ่ง เสด็จพ่อเชื่อใจเข้าขนาดนั้นเลยหรือ?
“ยังจะคุกเข่าอยู่อีกหรือ?ไปทำความสะอาด!” ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นด้วยนำเสียงแข็ง
ทั้งสองคนพยุงกันขึ้น อีกด้าน ฉางกงกงเองก็ได้สั่งให้คนเตรียมอุปกรณ์ปัดฝุ่นไว้ที่หน้าประตูเรียบร้อย
ทั้งสองคนถอนหายใจออกมาพร้อมกัน พร้อมทั้งมองหน้ากันอย่างเคียดแค้น แล้วแยกกันไปหยิบอุปกรณ์พลันออกไปทันที
ในฤดูใบไม้ร่วงมีใบไม้ร่วงหล่นลงมา ทั้งภายในตำหนัก รวมถึงระเบียงทางเดิน ทุกที่ล้วนแต่เป็นสีเหลืองอร่าม
“ต้องโทษเจ้า ตาของเจ้าอยู่ที่ตาตุ่มหรือ?ถึงมองไม่เห็นว่าฝ่าบาทอยู่ด้วย?” หยู่เหวินเห้ารู้สึกโมโหมาก ตนเป็นถึงอ๋อง กลับต้องมาทำความสะอาด ล้วนแต่เป็นเพราะนาง
หยวนชิงหลิงทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้ “ท่านมองเห็นเสด็จพ่อแล้วทำไมถึงไม่คารวะล่ะ?ถ้าท่านพูดออกมาข้าเองก็คงรู้แล้ว”
“เสด็จปู่อยู่ด้วย ข้าจำเป็นต้องคารวะเสด็จปู่ก่อน แต่เจ้ายังไม่ทันได้คารวะเลย กลับพูดออกไปแล้ว เจ้ามีสมองหรือไม่?” หยู่เหวินเห้าพูดด้วยความโมโห
“พูดอะไรออกมาตอนนี้มันก็สายไปแล้ว โชคดีที่แค่ให้ทำความสะอาด ถ้าหากว่าโดนฟาดคงอนาถแน่ ทำต่อเถอะ” หยวนชิงหลิงพูดออกมาอย่างพอใจ ที่จริงนางได้เตรียมใจในการลงทัณฑ์ด้วยการโบยไว้แล้ว
“ข้ายอมโดนโบย เพราะข้าเป็นชายที่จับดาบมาตลอด ไม่เคยจับไม่ปัดฝุ่นเลย” หยู่เหวินเห้าพูดด้วยความไม่พอใจ ถ้าหากว่าอ๋องคนอื่นมาเห็นเข้าละก็ ต่อไปเขายังจะมีหน้ามองใครได้อีกหรือ?
“พล่ามอยู่นั่นแหละ ท่านไปทำความสะอาดหออักษร ข้าจะทำที่นี่ แบ่งหน้าที่กัน” ที่จริงหยวนชิงหลิงไม่อยากฟังคำพูดพึมพำของเขา
“ไสหัวไป!” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นอย่างฉุนเฉียว
นางยกไม้ปัดฝุ่นขึ้นแล้วเดินออกไปทันที เขาจึงเหลือบมองนางพลันพูดขึ้น “ฝ่าบาทรับสั่งให้ข้าทำงาน”
หยวนชิงหลิงมองเขาอย่างเบื่อหน่าย ดูแล้วก่อนหน้านี้คงไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อน
“เพียงแค่ให้ทำความสะอาดไม่ใช่หรือ?” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ ยังต้องเข้าไปปัดฝุ่นด้วย” มหาดเล็กพูดขึ้น
ในหออักษรหรือ?หยวนชิงหลิงตาโตขึ้นมาทันที ที่แห่งนี้คนเข้าออกมากมาย พลางมองเห็นพระชายากำลังทำความสะอาดอยู่ ช่างน่าอับอายนัก