ปฏิกิริยาแรกของอะซี่ก็คือจะให้นางตายอยู่ที่นี่ไม่ได้
ในขณะที่นางยกมีดสั้นขึ้นนั้น อะซี่พุ่งเข้าไป พร้อมพูดว่า “เจ้าหยุดนะ อย่าทำให้พื้นที่ของคนอื่นมีมลทิน…..ฟัด”
มีดสั้นเล่มนั้นได้เปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ปลายของมีดสั้นเล็งไปที่อะซี่ที่กำลังพุ่งเข้ามา อะซี่พุ่งเข้าไปอย่างแรงเพื่อที่จะรีบแย่งมีดสั้นไว้ แต่ในขณะที่มีดสั้นพุ่งมานั้น มันไม่ทันแล้ว ฉู่หมิงชุ่ยแทงมีดสั้นออกไปอย่างแรง แทงเข้าไปที่ท้องของอะซี่ แล้วจึงรีบถอยออกมา
ยืนห่างออกไปประมาณห้าก้าว มองดูอะซี่ที่ล้มลงไปจมในกองเลือดอย่างเย็นชา อะซี่เอามือจับท้องที่เลือดพุ่งออกมา นางมองไปยังฉู่หมิงชุ่ยด้วยความโกรธ “เจ้า…”
ริมฝีปากของฉู่หมิงชุ่ยยักยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “เมื่อคนที่มันหมดหวังแล้ว ถึงแม้ว่าจะตายก็จะต้องลากคนข้างๆไปด้วย คนที่เจ้ารัก คนที่เจ้าเกลียดชัง ล้วนต้องตายไปเป็นเพื่อนกับเจ้าด้วย มันถึงจะได้ไม่โดดเดี่ยว”
นางหันกลับมาอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เดินไปทางประตูด้านข้าง แล้วเปิดประตู
นางหัวเราะอย่างขมขื่น พร้อมพูดขึ้นว่า “เข้ามาสิ”
มีคนสวมชุดกรรมกรเข้ามาสองสามคน ก้มตัววิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว
หยวนชิงหลิงและคนอื่นๆ ที่กำลังนั่งอยู่ในห้องโถงนั้น นางได้ยินเสียงฝีเท้าจากภายนอกค่อยๆ หายไป จึงคิดในใจว่าอาจเป็นเรื่องที่ตื่นตูมกันเท่านั้น
“ทำไมข้าถึงรู้สึกค่อนข้างเวียนหัว” จู่ๆเจ้าหญิงเหวินจิ้งก็พูดขึ้น
เจ้าหญิงฉินผิงพูดขึ้นด้วยความตกใจ “ข้าก็ด้วย”
หยวนชิงหลิงเงยศีรษะขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังถี่ขึ้นเข้ามาในลานบ้านแล้ว
ดวงตาของนางเยือกเย็น ในขณะเดียวกันสมองก็คิดอะไรออกขึ้นมาในทันใด
จวนอ๋องฉีเกิดไฟไหม้นั้น ที่จริงมันก็คือการหลอกล่อ
ฉู่หมิงชุ่ยอยู่ที่จวนอ๋องหนึ่งปี สาวใช้ที่มาพร้อมกับนางเมื่อตอนแต่งงานล้วนเป็นคนของนาง หากต้องการที่จากวางเพลิงจวนอ๋องฉีก็คงไม่มีใครระวังตัว จึงง่ายที่จะลงมือกระทำ
นางหันหลังกลับไปด้านหลัง หยิบกล่องยาออกมา คิดที่จะหยิบเอามีดผ่าตัดที่แหลมคมออกมาเตรียมไว้ใช้ แต่กลับเจอเข้ากับขวดสเปรย์พริกไทย
ดี สมดั่งปรารถนาที่รุ่นน้องที่อายุน้อยกว่านางร้อยปีได้พูดไว้ กล่องยานี้อยู่ภายใต้การควบคุมของนางจริงๆ
นางนำสเปรย์พริกไทยและมีดผ่าตัดลงในกระเป๋าแขนเสื้อจากนั้นจึงจัดเก็บกล่องยาแล้วหันตัวเดินออกไป
ข้างนอกมีเสียงการต่อสู้ดังขึ้น
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป พระชายาซุนจึงรีบออกไปดู เห็นคนถือมีดสั้นต่อสู้กับคนรับใช้ในจวน
พวกนี้ไม่ใช่ทหารของจวน ต่อสู้กันขึ้นมาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของสองสามคนนั้น ตอนนี้มีสองสามคนที่ล้มลงจมอยู่ในกองเลือดแล้ว
พระชายาซุนแทบเป็นลม ร้องเรียกขึ้นด้วยความตกใจ “ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
หยวนชิงหลิงคอยประคองนางอยู่ด้านหลัง ดวงตาของนางเย็นชา คนเหล่านี้สามารถบุกเข้ามาฆ่าคนในจวนอ๋องซุน ได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกเดนตาย
หากเร่งเร้าบีบบังคับพวกเขา คนที่นี่คงไม่มีใครสามารถหลบหนีไปได้
นางเห็นฉู่หมิงชุ่ย ยืนพิงอยู่ตรงราวบันไดหน้าระเบียง ด้วยท่าทียิ้มเยาะเย้ยที่มุมปาก ดวงตาเยือกเย็นดั่งสายน้ำปรากฏบนใบหน้าของนาง
หยวนชิงหลิงหันกลับมาพูดกับพระชายาซุนว่า “เป้าหมายของนางคือข้า หลังจากที่ข้าไปแล้ว เจ้ารีบสั่งให้คนไปหาอะซี่”
อะซี่ไม่ได้ตามมา จะต้องมีอะไรเกิดขึ้นแล้วแน่ๆ
เมื่อพระชายาซุนเห็นถึงการสูญเสียชีวิตของหลายๆชีวิตในจวน ก็ตกใจจนวิญญาณแทบหลุด ผู้หญิงที่อยู่ในนั้นยิ่งไม่กล้าออกมา
นางมองดูหยวนชิงหลิงที่เดินออกไป แล้วค่อยรู้สึกตัวอีกครั้ง พูดขึ้นอย่างตกใจว่า “ไม่ พระชายาฉู่ รีบกลับมา”
หยู่เหวินหลิงได้ยินดังนั้น จึงรีบพุ่งออกไป แต่กลับถูกชายคนหนึ่งที่สวมชุดกรรมกรมาขวางไว้ที่ประตู แม้ว่าหยู่เหวินหลิงจะมีความกล้าหาญ แต่เมื่อตอนนี้นางเห็นมีดสั้นคมแหลมในมือของเขา นางจึงถอยกลับด้วยความตกใจ
หยวนชิงหลิงเดินไปถึงตรงหน้าฉู่หมิงชุ่ย และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เป้าหมายของเจ้าคือข้า ทำไมต้องกทำให้วุ่นวายขนาดนี้ เจ้าจะฆ่าข้าที่นี่ หรือไม่จะให้ข้าไปกับเจ้า”
นางคาดว่าฉู่หมิงชุ่ย จะไม่ฆ่านางในทันที ไม่เช่นนั้นโอกาสที่จะลงมือจัดการมามากมาย แล้วทำไมต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้?
ฉู่หมิงชุ่ยไม่ยอมให้นางตายง่ายๆแน่
ดวงตาของฉู่หมิงชุ่ยเป็นประกาย นางยิ้มอย่างอ่อนโยน พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาฉู่ เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร? พวกเขาเข้ามาลักขโมย ปล้น ฆ่า ข้าไม่ได้สั่งพวกเขา แต่ว่าตามคำพูดของพระชายาฉู่แล้ว เป้าหมายของพวกเขาก็ขึ้นอยู่กับคำพูดของเจ้า งั้นเจ้าก็ไปกับพวกเขา อย่าทำให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเดือดร้อนไปด้วย”
“อย่าพูดมาก ข้าบอกว่าข้าจะไปกับพวกเจ้า” หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างเย็นชา
ฉู่หมิงชุ่ยโน้มตัวเข้าใกล้ พร้อมกระซิบพูดที่ข้างหูของนางว่า “พระชายาฉู่ เจ้าเป็นคนที่คุ้นเคยกับยาดี น่าจะสามารถดมกลิ่นกระถางธูปภายในได้ว่าข้าได้วางยาไว้ ระหว่างเดินทาง เมื่อเจ้าไปถึงสถานที่นั่นเป็นที่แน่นอนแล้ว ข้าจะให้ยาถอนพิษแก่พวกเขา หากเจ้าไม่เชื่อฟัง งั้นพวกเขาก็คงต้องถูกฝังไปพร้อมกับเจ้า”
ดั่งเปลวไฟลุกโชนขึ้นภายในดวงตาของหยวนชิงหลิง เมื่อมองย้อนกลับไปในห้องโถง ก็เห็นแค่ควันเบาบางพวยพุ่งออกมาจากกระถางธูปสีทอง พระชายาซุนซึ่งยืนอยู่ที่ประตูสั่นสะท้านเล็กน้อยแล้วก็ร่วงลงไป
“เอาตัวไป” ฉู่หมิงชุ่ยสั่ง
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ฉู่หมิงชุ่ยต่อให้เจ้าฆ่าข้า เจ้าก็มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้หรอก”
ฉู่หมิงชุ่ยยิ้มขึ้นอย่างเศร้าๆ “ข้าอยู่ได้ไม่นานแล้ว ข้าฆ่าเจ้า ฆ่าอ๋องฉี พวกเราสามคนค่อยเจอกันใหม่ในภพภูมิใหม่ที่ธารเหลืองเถอะ”
“เจ้าไม่กลัวว่าจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนต่อครอบครัวของเจ้าหรือ?” หยวนชิงหลิงสงบลง ไฟไหม้จวนอ๋องฉีในครั้งนี้ ไม่น่าจะดับเร็วขนาดนั้น ยิ่งไปกว่านั้น นางบอกว่าอ๋องฉีกำลังจะตาย ดังนั้นไฟไหม้ครั้งนี้ต้องเป็นไฟที่ทำลายล้าง เป็นไปไม่ได้ที่จะรอให้พวกเขากลับมาช่วย
“พวกเขาจะเป็นหรือตายมันเกี่ยวอะไรกับข้า?” ฉู่หมิงชุ่ยยิ้มอย่างเย็นชา แล้วหันหลังเดินจากไป ยังมีกรรมกรที่คนหนึ่งออกแรงจับไหล่นางอยู่ ราวกับว่านางถูกบังคับให้ต้องกระทำตาม
หยวนชิงหลิงถูกชายร่างใหญ่จับแขนแล้วลากออกไปข้างนอก
หยวนชิงหลิงพยายามหันกลับมามอง และเห็นว่าพระชายาซุนได้ล้มลงกับพื้นแล้ว นางรีบบอกกับลูกน้องในจวนว่า “รีบไปตามหาอะซี่ ไม่ต้องตามข้ามา”
นางถูกลากไปที่ประตูด้านข้าง รถม้าจอดอยู่ในซอยนั้น ฉู่หมิงชุ่ยขึ้นไปในรถม้าก่อน แล้วหยวนชิงหลิงก็ถูกผลักให้ขึ้นไป
มีกรรมกรสองสามคนแยกย้ายกันออกไป เหลือเพียงคนขับรถม้าเพียงสองคน
รถม้าแล่นผ่านจวนอ๋องฉี ขณะขับผ่านจวนอ๋องฉี ฉู่หมิงชุ่ยจงใจเปิดหน้าต่างเพื่อให้ หยวนชิงหลิงมองเห็นเปลวไฟที่พวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าและขี้เถ้าที่กระจัดกระจาย
นางมองไปที่ประตูอย่างเซื่องซึมราวกับถูกไฟกลืนกิน ใบหน้าของนางสว่างไสวไปด้วยแสงไฟสาดส่อง ถึงแม้จะมืดมนแต่นางก็ยิ้มออกมาอย่างเศร้าโศก พร้อมพูดขึ้นว่า “ใครจะไปคิดว่าจวนอ๋องฉีแห่งนี้จะถูกไฟเผาวอดหมดล่ะ”
นางหันกลับมามองหยวนชิงหลิง พร้อมถามขึ้นว่า “เจ้ากลัวไหม?”
หยวนชิงหลิงมองดูนาง ใบหน้าของนางมีความบ้าคลั่งเต็มไปด้วยความอคติ ไม่มีเหตุผล เห็นได้ว่านางสติฟั่นเฟือนไปแล้ว
นางพูดขึ้นว่า “กลัวแล้ว เจ้าจะปล่อยข้าไปหรือ? แล้วยาถอนพิษล่ะ?”
“เจ้าวางใจเถอะ เมื่อไปถึงที่หมายแล้ว ข้าจะสั่งการให้คนเอายาถอนพิษแก่พวกนาง” ฉู่หมิงชุ่ยยื่นมือออกมาม้วนผม และถอนหายใจเบาๆ“ดูเหมือนเราสองคนจะไม่เคยได้นั่งคุยกันดีๆ ข้าอยากคุยกับเจ้า”
“มีอะไรเจ้าก็พูดมาเถอะ” หยวนชิงหลิงเห็นจากหน้าต่างว่ามีทหารดับเพลิงของกองทหารลาดตระเวนกำลังวางบันไดเพื่อดับไฟ เพียงแต่ว่าไฟลุกไหม้ลามใหญ่ขนาดนั้น จะมีประโยชน์อะไร จวนอ๋องฉีถูกไฟไหม้สิ้นแล้ว
ฉู่หมิงชุ่ยยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องรีบร้อน พวกเรายังมีเวลาค่อยคุยกันก็ได้ ข้าจะพาเจ้าไปที่ที่หนึ่ง แต่ว่าเจ้าต้องให้ความร่วมมือกับข้า มิฉะนั้นพวกนางจะไม่ได้ยาถอนพิษ พวกนางจะต้องตายกันทั้งหมด”
หยวนชิงหลิงหลับตาลงและเอื้อมมือไปกดที่ท้องน้อยของตนเอง พยายามทำให้สมองของตังเองสงบลง
อย่างไรก็ตามอาจเป็นเพราะนางสูดดมยาเหล่านั้นเข้าไป นางจึงมีความรู้สึกว่าสมองของตัวเองก็มีอาการมึนงงเล็กน้อย
นางไม่ได้กังวลเรื่องของตัวเองมากนัก เป็นเพราะว่าเจ้าห้าได้พูดไว้ก่อนหน้านี้ ไท่ซ่างหวงได้ส่งองครักษ์ลับผีมาปกป้องตัวเอง แม้ว่าองครักษ์ลับผีจะไม่ลงมือก่อนง่ายๆ แต่ถ้าหากนางตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต พวกเขาจะไม่ยืนดูเฉยๆแน่
เพียงแต่ว่าพิษนี้จะทำอันตรายต่อลูกไหม?
ฉู่หมิงชุ่ยพูดขึ้นว่า “เจ้าไม่เป็นอะไรหรอก ที่ที่เจ้านั่งห่างจากกระถางธูปไกลมาก อีกอย่างเจ้าเคยกินผงอู๋โยว พิษเหล่านี้ทำอะไรเจ้าไม่ได้ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าถูกพิษหรอก ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็ไม่สนุกน่ะสิ”