หยวนชิงหลิงถาม “ห้องของแม่นมคนนั้น ปิดหน้าต่างสนิทหรือไม่”
แม่นมพูดว่า “แน่นอนว่าต้องทำอยู่แล้ว”
“เจ้าแน่ใจหรือ”
แม่นมพูดว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ไม่เพียงแค่นาง ห้องก่อนหน้านี้ของข้าเองก็ปิดหน้าต่างสนิท เดิมทีหน้าต่างนี้ก็ไม่มีประโยชน์ พอหน้าหนาวลมพัดเข้ามา ช่างหนาวยิ่งนัก”
“ไม่มีประโยชน์ เช่นนั้นถ้าฝนตกจะทำเช่นไร”หยวนชิงหลิงอึ้ง นางไม่เคยไปดูห้องหับของเหล่าแม่นมในวังมาก่อน ไม่รู้ว่ามีลักษณะอย่างไร
แม่นมเอ่ยยิ้มๆว่า “ไม่เป็นไร หน้าต่างนั้นพูดให้ชัดก็แค่รูใหญ่ขนาดสองฝ่ามือเท่านั้น บวกกับข้างนอกยังมีทางเดิน หน้าต่างอยู่สูง ฝนตกไม่มีทางสาดเข้ามาได้”
หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างรู้สึกสงสัย “นี่น่าประหลาดใจนัก ถ้าหากหน้าต่างของคนอื่นๆต่างก็ปิดสนิท แล้วต้องก่อเตาถ่านในช่วงฤดูหนาว โอกาสที่จะเป็นพิษก็สูงมาก”
แม่นมสี่โบกมือ“พระชายา บ่าวที่ไหนจะได้รับการแบ่งปันถ่านไฟ แม้จะเป็นเจ้านายที่มอบให้ เดือนหนึ่งก็ได้แค่ชั่งสองชั่ง คืนหนึ่งก็เผาแค่ไม่กี่ก้อนเพราะเสียดาย แต่ว่า ก่อเตาไฟจะเป็นพิษได้หรือ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”
หยวนชิงหลิงเอ่ยอย่างประหลาดใจ “ไม่มีถ่าน เช่นนั้นทำไมข้าได้ยินท่านอ๋องบอกว่าตอนที่แม่นมคนนั้นตาย ในห้องมีการจุดเตาถ่าน”
“น่าจะได้รับพระราชทานจากฮองเฮา”แม่นมสี่ครุ่นคิดอยู่สักครู่ พูดว่า “ใช่แล้ว ข้าจำได้ว่าตอนที่นางตายช่วงนั้นหนาวเป็นพิเศษ นางเองก็อายุมากแล้ว กลางคืนกลัวความหนาว จึงได้เผาถ่านมากหน่อยก็เป็นไปได้”
หยวนชิงหลิงยังถามเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับคดี แม่นมสี่จำได้ทั้งหมด หลังจากหยวนชิงหลิงฟังแล้ว ก็ยิ่งรู้สึกว่า หลอกุ้ยผินนั้นถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรม
หลังจากแม่นมสี่พูดจนหมดแล้ว ก็ถามหยวนชิงหลิงว่า “ทำไมจึงได้ถามเรื่องที่มันเกิดขึ้นมาตั้งหลายปีแล้ว”
หยวนชิงหลิงมองแม่นม พูดเสียงเบาว่า “บางทีหลอกุ้ยผินอาจถูกใส่ร้าย นางไม่ได้ปองร้ายฮองเฮา”
แม่นมตกตะลึง“ถูกใส่ร้าย”
“ใช่ เรื่องนี้เป็นไปได้สูงมาก”
แม่นมนิ่งอึ้ง“แต่ว่าหลอกุ้ยผินถูกฮ่องเต้บัญชาลงโทษตายด้วยตนเอง ถ้าหากหลอกุ้ยผินถูกใส่ร้าย นั่นก็เท่ากับว่าฮ่องเต้ตัดสินผิด ”
หยวนชิงหลิงหลุบตาลง นางก็เพิ่งนึกถึงปัญหานี้ขึ้นมา
ฮ่องเต้ จะยินดียอมรับว่าตอนนั้นตนเองตัดสินผิดไปหรือไม่
แม่นมถอนหายใจและเอ่ยขึ้นว่า “ถ้าสามารถรื้อคดีขึ้นมาใหม่ได้ เช่นนั้นจะดีมาก องค์ชายเก้ากับองค์หญิงสิบเจ็ด ก็ไม่ต้องทนถูกรังแกอีก ตอนนี้สถานะของทั้งสองในวังนั้นน่าเป็นกังวลจริงๆ”
หยวนชิงหลิงไม่เคยพบกับองค์หญิงสิบเจ็ดมาก่อน ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลย ถึงถามขึ้นว่า“ตอนนี้องค์หญิงสิบเจ็ดอายุเท่าไหร่แล้ว ”
“สิบสองแล้ว”แม่นมสี่พูด
ชะงักไปชั่วครู่ นางก็ถอนหายใจเบาๆพูดว่า “แต่ดูแล้ว ก็เหมือนเด็กน้อยอายุแปดเก้าขวบ หน้าซีดตัวผอม คิดว่าคงเป็นเพราะฮองเฮาที่สั่งให้พวกพี่เลี้ยงดูแลพวกเขาอย่างโหดร้าย พวกเขาสองคนพี่น้องคิดอยากจะมีชีวิตอยู่ในวังต่อไป ต้องได้รับอนุญาตจากฮองเฮา ถ้าหากฮองเฮาอารมณ์ไม่ดี ก่อนอื่นต้องหาพวกเขาสองพี่น้องมาเพื่อระบายอารมณ์”
หยวนชิงหลิงถามขึ้น“ฮ่องเต้ไม่สนใจหรือ ”
แม่นมสี่ยิ้มขม“ใครจะบังอาจกราบทูลไปถึงฮ่องเต้ หรือแม้ว่าฮ่องเต้จะรู้ มากสุดก็แค่ให้ฮองเฮาระวังหน่อย หรือจะให้โกรธฮองเฮาก็คงเป็นไปไม่ได้”
หยวนชิงหลิงคิดแล้วก็คิดว่าใช่ ฮ่องเต้เองก็คงจะสงสารที่ฮองเฮาเกือบจะถูกวางยาพิษจนตาย ขอเพียงไม่ทำเกินไป ฮ่องเต้ก็ต้องหลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่ง
แล้วองค์ชายเก้ากับองค์หญิงสิบเจ็ด มีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน
หลังจากหยู่เหวินเห้าออกจากจวนเจ้าพระยาจิ้ง ก็ตรงไปยังวัดฮู่กว๋อ
ก่อนฟ้าจะมืดเล็กน้อย ก็ได้ไปถึงวัดฮู่กว๋อแล้ว
เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงตัวเจ้าอาวาสเข้าไปในกุฏิทันที
เจ้าอาวาสรู้สึกมึนงงไปหมด “ท่านอ๋อง เรื่องอะไรไยจ้องรีบร้อนขนาดนี้”
หยู่เหวินเห้าผูกม้าไว้ข้างนอกแล้วก็วิ่งตรงเข้ามา มีอาการหอบเล็กน้อย แต่ก็ไม่สนใจที่จะทำให้ลมหายใจราบรื่นขึ้น ก็รีบถามขึ้นมาทันควัน“ใต้ซือ ครั้งก่อนข้าพาพระชายามา พวกท่านเคยพูดคุยเป็นการส่วนตัว ท่านเคยบอกกับนางหรือไม่ว่า ถ้าคนคนหนึ่งก่อเตาถ่านในห้องที่เล็กแคบและปิดสนิทอาจจะเป็นพิษจนตายได้ ”
เจ้าอาวาสค่อยๆนั่งลง ขาสองข้างนั่งขัดสมาธิ พูดอย่างไม่ร้อนใจว่า “ก็เคยพูดเรื่องนี้จริง”
“จริงหรือ”ดวงตาทั้งสองข้างของหยู่เหวินเห้าจะกระเด็นออกมาแล้ว
“เคยพูดจริงๆ”เจ้าอาวาสพูด
หยู่เหวินเห้านั่งลงข้างกายเขา“ไม่ ข้าหมายถึงว่า จะทำให้คนตายได้จริงหรือ”
“อืม ต้องดูว่าอยู่ในห้องนานแค่ไหน และยังต้องดูว่าห้องใหญ่หรือไม่ การถ่ายเทอากาศเป็นอย่างไร ”
หยู่เหวินเห้าพูด “ห้องเล็กแคบ ปิดสนิท และใช้เวลาในห้องหนึ่งคืน”
เจ้าอาวาสพนมมือทั้งสองข้างขึ้น “อมิตาพุทธะ ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็เป็นไปได้ที่จะเกิดพิษจริงๆ และมีความเป็นไปได้สูง ”
“พิษนี้มาได้อย่างไร เรียกว่าพิษอะไร”หยู่เหวินเห้าคิดไม่ออก
เจ้าอาวาสมองเขาด้วยสายตาแห่งความเมตตา น่าสงสารจริงๆ ดูก็รู้ว่าไม่ได้ตั้งใจเรียนเกี่ยวกับเคมี
เจ้าอาวาสเริ่มทำการสั่งสอนวิชาวิทยาศาสตร์ขึ้น “เรื่องมันเป็นเช่นนี้ คนที่อยู่ในห้องปิดมิดชิดและมีการเผาไหม้ถ่านไม้ ระหว่างกระบวนการเผาไหม้จะใช้ออกซิเจนในห้อง จากนั้นถ่านกับออกซิเจนไม่ได้เผาไหม้ไปทั้งหมดจึงทำให้เกิดการรวมตัวขึ้นเป็นคาร์บอนมอนอกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์สามารถเข้าไปรวมตัวกับโปรตีนในเม็ดเลือดแดงในเลือดของร่างกาย ทำให้สูญเสียความสามารถในการแลกเปลี่ยนอากาศ สุดท้ายคนจึงถูกพิษของคาร์บอนมอนอกไซด์ ขาดอากาศจนตาย ”
ท่านเจ้าอาวาสพูดจบ แล้วก็มองเขาอย่างอบอุ่น อธิบายได้ชัดเจนเช่นนี้แล้ว ท่านอ๋องน่าจะเข้าใจ
แต่หยู่เหวินเห้ากลับตกอยู่ในความมึนงง ม่านตาหดเล็กลงแล้วขยายใหญ่ขึ้นจากนั้นก็หดเล็กลงอีก ก็ยังไม่เข้าใจใจสิ่งที่ใต้ซือพูด “อะไรคือพลังหยาง พลังหยางรวมกับพลังหยินจะทำให้เกิดพิษหรือ อะไรคือไข่ขาวสีแดง ไข่ขาวเป็นสีแดงหรือ เป็นไข่อะไร”
“โปรตีนในเม็ดเลือดแดง”ใต้ซือพูด
“ในเลือดมีไข่ขาวด้วยหรือ ในเลือดของใครจะมีไข่ขาวอยู่ด้วย”หยู่เหวินเห้ารู้สึกคับข้องใจมาก
เจ้าอาวาสมองเขา “เกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำไมท่านอ๋องไม่ลองถามพระชายาดูเล่า ”
“นางจะรู้ได้อย่างไร นี่ล้วนเป็นท่านที่พูดมิใช่หรือ”หยู่เหวินเห้าพูด
ผู้อาวุโสทำร้ายกันซะแล้ว เจ้าอาวาสถอนหายใจเบาๆ
“ไม่สู้ท่านอ๋องลองเล่ามาก่อน ว่าท่านอ๋องถามเรื่องนี้ไปทำไมกัน ตัดสินคดีหรือ”
หยู่เหวินเห้าพยักหน้า “ถูกต้อง ตัดสินคดีความ ข้าสงสัยว่าตอนนั้นหลอกุ้ยผินไม่ได้จะปองร้ายฮองเฮา”
เขาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับแม่นมที่รับใช้ข้างกายฮองเฮาให้เจ้าอาวาสฟังทั้งหมด
เจ้าอาวาสได้ฟังแล้ว ก็พูดว่า “ตามที่ท่านอ๋องเล่ามา แม่นมคนนี้ถูกพิษจากคาร์บอนมอนอกไซด์ขาดอากาศจนตายนั่นแหละ”
“คนร้ายก็คือเตาถ่านนั่นสินะ”หยู่เหวินเห้าถาม
“อืม จะว่าอย่างไรดี ถ่านเป็นฆาตกรแน่ๆ แต่ก็ต้องมีสาเหตุอื่นร่วมด้วย อย่างเช่นห้องที่ปิดสนิทและมีพื้นที่แคบ เวลาที่ยาวนานเป็นต้น”เหมือนเจ้าอาวาสจะพูดให้ฟังได้ง่ายขึ้น
แต่หยู่เหวินเห้าไม่ได้ละความพยายามที่จะไปทำความเข้าใจ พูดว่า “ก็คือ แม่นมก่อเตาถ่านเอง จึงเกิดพิษจนตาย ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ใด”
เจ้าอาวาสส่ายหน้า “จะพูดเช่นนี้ก็ไม่ได้ ”
“หา”หยู่เหวินเห้ามึนงงอีกแล้ว ที่เขาพูดมันหมายถึงเช่นนี้มิใช่หรือ
เจ้าอาวาสค่อยๆพูดช้าๆว่า “ท่านอ๋องต้องยืนยันให้ได้ว่า เตาถ่านนี้นางเป็นคนก่อขึ้นเอง ไม่ใช่คนอื่นเอามาวางไว้”
“นี่ก็สามารถยืนยันได้ เพราะประตูนั้นลงกลอนจากด้านใน ไม่มีใครเข้าไป”หยู่เหวินเห้าพูด
“แต่ว่า เท่าที่อาตมารู้ แม่นมในวังนั้น ไม่มีถ่านเป็นของตัวเอง”สายตาของเจ้าอาวาสมีแววฉลาดวาบผ่าน
หยู่เหวินเห้านิ่งอึ้ง ไม่ผิด บ่าวไพร่ในวังล้วนไม่มีถ่านให้ใช้ นอกจากพวกที่ดูแลควบคุมงานและมีบารมีสูงส่ง
“บางทีอาจเป็นฮองเฮาที่ประทานให้นาง”หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างคาดเดา
“เช่นนั้นก็ต้องยืนยันให้ได้ สาเหตุที่ฮองเฮาประทานถ่านไม้ให้ ยังมี ฮองเฮารู้หรือไม่ว่าหากก่อเตาถ่านในห้องที่ปิดสนิทจะทำให้เกิดพิษ อาตมาพูดได้แค่นี้ ไม่สามารถพูดมากกว่านี้ได้แล้ว ท่านอ๋องโปรดไปตรวจสอบด้วยตนเองเถอะ”
คำพูดของเจ้าอาวาสหยุดลงตรงนี้