หยวนชิงหลิงไม่เคยได้ยินพวกนางสองพี่น้องพูดถึงเรื่องนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยิน นางไปหยวนหย่งอี้ ยิ่งรู้สึกอิจฉา “ปล่อยวางทุกสิ่ง ไปผจญภัยในดินแดนอันกว้างใหญ่ต้องใช้ความกล้าอย่างมาก เจ้ากล้าหาญมาก”
“จริงหรือ”หยวนหย่งอี้ดีใจมาก “ที่จริงพวกท่านย่าไม่ค่อยจะเห็นด้วยนัก เป็นข้าเองที่ยืนหยัด มีคำพูดของพี่หยวนคำนี้ ข้าก็มีความเชื่อมั่นแน่วแน่แล้ว”
“ไปเถอะ ฉวยโอกาสตอนอายุยังน้อย ออกไปดูภายนอกให้มาก เป็นเรื่องดี”หยวนชิงหลิงเอ่ยให้กำลังใจ
หยวนชิงหลิงมั่นใจในการตัดสินใจที่จะออกไปทันที เพื่อกำลังใจที่ได้จากบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจ
หยวนชิงหลิงย่อมไม่รู้ ว่ากำลังใจที่ให้ไปนั้น อาจถูกอ๋องฉีทำการแอบสาปแช่งหลับหลัง
รถม้าเดินทางไปยังสำนักนางชีหมิงเยว่
อากาศหนาวเย็น บนถนนมีคนเดินอยู่ไม่กี่คน ลมพัดเอาใบไม้ปลิวว่อนไปทั่วทั้งถนน ธงของร้านเหล้าปลิวสะบัด มีขบวนขนสิ่งของที่มีคนคุ้มกันเดินผ่าน หยวนชิงหลิงเลิกผ้าม่านขึ้นมองออกไป รู้สึกมีบรรยากาศแบบจอมยุทธ์มาก
สำนักนางชีหมิงเยว่อยู่นอกเมือง ต้องออกจากประตูเมือง
บ้านเมืองร่มเย็นสงบสุข ออกจากประตูเมืองก็ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอะไร ออกไปได้ทันที
“ใต้เท้าทังถูกลมพัดจนคิ้วมีน้ำค้างขาวเกาะเต็มไปหมด ”อะซี่ยื่นหน้าออกไปดูชั่วครู่ พูดขึ้นยิ้มๆ
ทังหยางยิ้มอย่างแจ่มใส “ไม่เป็นไร อย่างนี้จึงจะยิ่งมีเสน่ห์”
ทุกคนต่างหัวเราะขึ้นมา
สำนักนางชีหมิงเยว่ ตั้งอยู่บนทางคดเคี้ยวที่ขึ้นไปจากศาลาที่พักระหว่างทาง
หลังจากรถม้าหยุดลง ต้องเดินขึ้นเขาไปอีกระยะหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ไกลมาก ใช้เวลาเดินประมาณหนึ่งก้านธูปก็ถึงแล้ว
หยวนชิงหลิงเดินลำบากอยู่บ้างเล็กน้อย เพราะท้องเริ่มโตแล้ว นางจำเป็นต้องใช้สองมือเท้าที่เอวเอาไว้จึงจะเดินได้
โชคดีที่ยังมีหมันเอ๋อกับอะซี่คอยประคอง จึงทำให้นางไม่ต้องลำบากมากนัก
ที่สุดก็มาถึงสำนักนางชีหมิงเยว่
เพิ่งจะก้าวผ่านประตูสำนักนางชี ก็ได้ยินเสียงร้องตกใจส่งมาจากข้างใน ฟังแล้วเหมือนวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง
อะซี่กับหมันเอ๋อรีบคุ้มครองหยวนชิงหลิงทันที สวีอีกับทังหยางรีบวิ่งเข้ามา
มีสาวน้อยคนหนึ่งสวมชุดสีเขียวเหมือนบ่าวไพร่วิ่งออกมา ใบหน้าตื่นตระหนกซีดขาว ทังหยางขวางเอาไว้ ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น ข้างในเกิดเรื่องอะไร”
สาวใช้คนนั้นพูดอย่างตื่นเต้นว่า “เมื่อครู่มีโจรคนหนึ่งหลบอยู่หลังพระพุทธรูป กระโดดออกมาอย่างกะทันหันทำให้ฮูหยินเฒ่าของข้าตกใจจนโรคกำเริบ ข้าต้องรีบไปตามท่านหมอมา”
ทังหยางได้ยินดังนี้ ก็รีบหันไปมองหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงหมุนตัว หยิบเอากล่องยาออกมา เดินเข้าไปดึงตัวสาวใช้คนนั้นเอาไว้ “ฮูหยินเฒ่าของเจ้าเป็นโรคอะไร รีบพาข้าไป ข้าเป็นหมอ”
สาวใช้รู้สึกดีใจมาก พาหยวนชิงหลิงเข้าเดินเข้าไปข้างใน พลางพูดว่า “ฮูหยินเฒ่าของข้ามีโรคหัวใจ ทำให้ตกใจไม่ได้ ตอนนี้รู้สึกจุกที่หน้าอก เกือบจะเป็นลมตายไปแล้ว”
โรคหัวใจกำเริบ
หยวนชิงหลิงรีบเดินเข้าไปข้างใน เดินเร็วไปหน่อย ทำให้เท้าเกิดสะดุด เกือบจะล้มคะมำ โชคดีที่หมันเอ๋ออยู่ข้างๆคอยประคองเอาไว้ได้
เมื่อเข้าไปถึงข้างในแล้ว เห็นเพียงโถงกลางในสำนักนางชี มีฮูหยินเฒ่าท่านหนึ่งที่สวมชุดสีดำลายปักดอกไม้วงกลมนั่งอยู่กับพื้น มีคนหลายคนล้อมอยู่รอบตัว ทั้งกดจุดเหรินจงทั้งนวดคลึงที่ขมับ ฮูหยินเฒ่าคนนั้นริมฝีปากเป็นสีม่วงคล้ำ สองตาปิดสนิท เป็นลมไปแล้วจริงๆ
หนึ่งในนั้นมีแม่ชีคนหนึ่งยกแก้วที่มีอะไรก็ไม่รู้เข้ามา “เร็วเข้า ให้ฮูหยินเฒ่าดื่มน้ำยันต์เทพ พอจะช่วยชีวิตเอาไว้ได้”
“ไม่ไหวแล้ว ไม่หายใจแล้ว ……”มีสาวใช้คนหนึ่งร้องไห้ออกมา
หยวนชิงหลิงตะคอกเสียงดัง “รีบถอยออกไปให้หมด อย่ามุงนาง”
อะซี่กับหมันเอ๋อรีบเดินเข้าไป ลากคนทั้งหมดออกไป
หยวนชิงหลิงคุกเข่าลงกับพื้นอย่างยากลำบากด้วยการเอามือค้ำที่เอวเอาไว้ พบว่าการหายใจการเต้นของหัวใจและชีพจรไม่มีแล้ว นางรีบขึ้นคร่อมร่างของฮูหยินเฒ่าทันที เงยหน้าขึ้นสั่งการหมันเอ๋อกับอะซี่ “ไปเอาเบาะนุ่มๆมา รองที่ไหล่ของนางเอาไว้ เร็ว……”
อะซี่นิ่งอึ้งไปชั่วครู่ “พระชายา ไร้ลมหายใจแล้ว”
หยวนชิงหลิงตะคอกเสียงดุ “เร็ว”
อะซี่รีบไปเอาเบาะรองที่อยู่ข้างๆมารองที่ไหล่ของฮูหยินเฒ่าทันที จากนั้นก็นั่งลงข้างๆนั้นอย่างทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลืออย่างไร
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ประคองคอของนางเอาไว้ ให้หัวของนางยกสูงขึ้น ”
อะซี่ทำตามที่หยวนชิงหลิงสั่งการยื่นมือออกไปประคองที่คอของฮูหยินเฒ่า บังคับให้หัวของนางยกสูงขึ้นมา เพื่อให้หายใจได้สะดวกขึ้น
หยวนชิงหลิงเริ่มทำการกระตุ้นหัวใจ สองมือทับไว้บนหน้าอกทำการกดทับลงไป จากนั้นก็ทำการผายปอด
คนที่อยู่รอบๆร้องขึ้นอย่างตกใจ “อย่าเสียมารยาทเช่นนี้ รีบปล่อยฮูหยินเฒ่าเถอะ”
และมีคนกำลังร้องไห้ มีคนร้องตะโกน มีแม่ชีวิ่งเข้ามาบอกว่าโจรได้หนีหายไปแล้ว ที่เกิดเหตุชุลมุนวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง มีเสียงโหวกเหวกดังต่อเนื่องไม่หยุด
ทังหยางตะคอกเสียงดังหนึ่งเสียง “หุบปากให้หมดทุกคน อยากให้ฮูหยินเฒ่ามีชีวิตอยู่ ก็หุบปาก อย่ารบกวนท่านหมอที่กำลังช่วยชีวิตคน”
ทังหยางใช้เสียงวางอำนาจ พอเสียงขู่ดังขึ้น ทุกคนต่างก็หุบปากเงียบทันที
หยวนชิงหลิงเห็นว่าไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง จึงพูดกับทังหยางว่า “ใต้เท้าทัง ท่านมานี่ ทำท่าทางเหมือนข้าเมื่อครู่อย่าหยุด ดูเอาไว้ ฝ่ามือกดอยู่ระหว่างกระดูกช่วงหน้าอก อีกมือก็ใช้แรงกดลงไป แรงต้องพอดี ต้องสม่ำเสมอ เท่ากัน มั่นคง อย่าเร่งอย่าเร็วเกินไป”
ทังหยางรับคำสั่งทันที และเมื่อครู่ก็คอยจ้องมองท่าทางที่หยวนชิงหลิงทำอยู่ตลอด ก็พอจะทราบอยู่บ้าง เขานั่งลงรับช่วงต่อจากหยวนชิงหลิงในการทำการกระตุ้นหัวใจ
หยวนชิงหลิงเปิดกล่องยาออก หยิบเอายาอะดรีนาลีนออกมา สั่งให้หมันเอ๋อเป่าลมใส่ปากของฮูหยินเฒ่า จากนั้นก็ฉีดยาอะดรีนาลีนให้ฮูหยินเฒ่า
ฮูหยินเฒ่าอยู่ในภาวะช็อก เพื่อป้องกันไม่ให้สมองได้รับการกระทบกระเทือน นางให้คนออกไปเอาน้ำแข็งจากหิมะมา ปกปิดบริเวณส่วนหัวเอาไว้
คนที่อยู่ตรงนั้นแม้จะไม่รู้จักพวกเขา แต่พอเห็นพวกเขากำลังช่วยอย่างสุดกำลัง และไม่มีหนทางอื่น ได้แต่ทำตามที่นางบอก
หลังจากเอาน้ำแข็งมาแล้ว ก็ใช้ผ้าห่อแล้วเอาไปวางไว้บนหัวของฮูหยินเฒ่า หยวนชิงหลิงให้ทังหยางถอยออกไป นางกลับมารับช่วงต่อในการกระตุ้นหัวใจ
ตลอดระยะเวลาในการเดินทาง นางใช้พลังงานไปไม่น้อย ตอนนี้ยังต้องมาช่วยชีวิตคนอีก กำลังของนางใกล้จะหมดเต็มที
ตอนที่ชีพจรการเต้นของหัวใจกลับคืนสู่ภาวะปกติ นางเองก็เหนื่อยจนนั่งแหมะไปกับพื้น หายใจเข้าออกคำโตๆ
อะซี่กับหมันเอ๋อเข้ามาประคองนาง นางโบกมือ เอ่ยด้วยน้ำเสียงใกล้จะล้มฟุบแล้วว่า “อย่าแตะข้า ให้ข้าได้พักหายใจก่อน……”
อีกฝั่งหนึ่ง ฮูหยินเฒ่าค่อยๆได้สติตื่นขึ้นมา แต่ว่าก็ยังไม่ฟื้นฟูกลับมาทั้งหมด
คนที่อยู่ตรงนั้นเห็นเข้า ต่างก็ตกตะลึงไม่อยากเชื่อ จะเป็นไปได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าไร้ลมหายใจแล้ว ทำไมจึงสามารถมีชีวิตกลับคืนมาได้
เหล่าแม่ชีคุกเข่าลงที่พื้น ไหว้พระพุทธรูป “ฮูหยินเฒ่ามีใจศรัทธาแรงกล้า ทำให้พระโพธิสัตว์ซาบซึ้ง พระโพธิสัตว์แสดงอิทธิฤทธิ์แล้ว”
หยวนชิงหลิงค่อยๆลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ ยังคงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าฮูหยินเฒ่า ค่อยๆตบที่ใบหน้าของฮูหยินเฒ่า “ฮูหยินเฒ่า จำได้หรือไม่ว่าตัวเองชื่ออะไร รู้ว่าอยู่ที่ไหนหรือไม่ ยังจำได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น”
สายตาของฮูหยินเฒ่ามีแววเนือยๆ ริมฝีปากสั่นอยู่ชั่วครู่ ค่อยๆจ้องมองไปทางหยวนชิงหลิง “ข้าคือนางเสิ่น กำลังไหว้พระอยู่ในสำนักนางชีหมิงเยว่ ทันใดนั้น ทันใดนั้น ก็มีโจร……”
นางหมุนสายตาไปมาอย่างยากลำบาก มองคนที่อยู่รอบๆตัว ค่อยรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่จริงๆ “ข้ายังไม่ตายหรือ”
หยวนชิงหลิงคลายใจได้เปลาะหนึ่ง “ท่านไม่เป็นไรแล้ว แต่ว่า ท่านต้องพักผ่อนเงียบๆ ถ้าท่านเชื่อใจข้า ข้าจะให้ยาท่านบางส่วน ท่านต้องกินทุกวัน อีกทั้ง อย่าลงจากเขา ต้องนอนพักนิ่งๆเท่านั้น ”
ฮูหยินมองหน้านาง เหมือนกำลังลังเลอยู่บ้าง
มีแม่นมแก่ผมขาวคนหนึ่งเดินเข้ามา คุกเข่าลงตรงหน้าหยวนชิงหลิงและกล่าวขอบคุณ “ขอบพระคุณฮูหยินที่ช่วยชีวิต ขอถามได้หรือไม่ว่าฮูหยินมีนามว่าอะไร รอให้ฮูหยินเฒ่าอาการหายดีแล้ว จะไปแสดงความขอบคุณถึงที่ ”
หยวนชิงหลิงโบกมือ“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงก็ได้ ข้ามาไหว้พระ เพื่อให้พระท่านคุ้มครองครอบครัวให้สงบสุข ฉะนั้นต่อหน้าพระโพธิสัตว์ ก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยนามข้า พวกเจ้ารีบจัดหาที่พักให้ฮูหยินเฒ่าเถอะ อย่าให้นางนอนอยู่ที่พื้นนานๆ แต่ว่าตอนเคลื่อนย้าย ต้องระมัดระวังด้วย ”