พระชายาซุนกับพระชายาจี้กำลังอยู่เป็นเพื่อนหยวนชิงหลิงพักผ่อนในห้องด้านข้าง
อ๋องอานสองสามีภรรยาเข้าไป ทุกคนทักทายกัน
อ๋องอานมองดูหยวนชิงหลิง พร้อมถามขึ้นว่า “พระชายาฉู่ ได้ยินมาว่าเจ้าก็เจอนักฆ่าลอบทำร้าย ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หยวนชิงหลิงมองดูอ๋องอาน ส่ายหัวพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ขอบคุณพี่สี่ที่เป็นห่วง”
อ๋องอานพูดขึ้นอย่างเจ็บปวดว่า “คิดไม่ถึงว่าปีใหม่ ยังจะเกิดเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนส่งคนร้ายมา โหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้”
พระชายาซุนพูดขึ้นอย่างแปลกใจว่า “เจ้าสี่ เจ้าไม่รู้หรือ? ฮ่องเต้มีราชโองการจับตัวอ๋องจี้แล้ว”
อ๋องอานอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “อะไรนะ? ฝีมือพี่ใหญ่หรือ? นี่จะเป็นไปได้อย่างไร?”
เขาหันไปมองพระชายาจี้ในทันที แววตายังคงฉายแววตกตะลึง
พระชายาจี้ก็มองดูเขาแวบหนึ่ง ไม่พูดอะไร แล้วก็หรี่ตาลง
พระชายาซุนพูดขึ้นด้วยเสียงเย็นชาว่า “หวังว่าจะไม่ใช่เขานะ ไม่เช่นนั้นเป็นพี่น้องกันแล้วทำร้ายกันเช่นนี้ น่าหดใจอย่างมาก”
อ๋องอานเหมือนโศกเศร้าอย่างมาก ดวงตาฉายแววแตกสลาย พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่พี่ใหญ่อย่างแน่นอน ข้าไม่เชื่อ”
หยวนชิงหลิงมองดูอ๋องอาน แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เป็นความจริง ใครจะสามารถยอมรับได้ ที่สายเลือดเดียวกันทำร้ายกันเอง? อ๋องอานช่างเป็นคนที่มีอารมณ์อ่อนไหวคนหนึ่ง
นางหันไปมองพระชายาอ๋องอานอีกครั้ง เห็นนางนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆไม่พูดอะไร ท่าทีกลับค่อนข้างเหมือนกับพระชายาจี้
อ๋องอานเดินออกไปอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาไม่ทันได้สนใจที่จะพูดปลอบหยวนชิงหลิงอีก พระชายาอ๋องอานกลับนั่งอยู่อย่างไม่ขยับ
หยวนชิงหลิงเห็นพระชายาจี้เงยหน้าขึ้น จ้องมองดูเงาแผ่นหลังของอ๋องอานอย่างครุ่นคิด หยวนชิงหลิงอึ้ง ทำไมพระชายาจี้กับอ๋องอานมีเรื่องบาดหมางกันหรือ?
ในใจหงุดหงิด จึงไม่ได้คิดอะไรมาก
พระชายาซุนถอนหายใจพร้อมพูดขึ้นว่า “ปีใหม่นี้ ทำไมถึงได้กลายเป็นเช่นนี้?”
พระชายาจี้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เราออกไปกันเถอะ ให้นางพักผ่อนสักพัก ดูสินางเหนื่อยล้าเต็มทนแล้ว”
คราวนี้พระชายาจี้ กลับเห็นใจขึ้นมาจริงๆ
ทุกคนรู้ว่าหยวนชิงหลิงเคยถูกลอบทำร้าย และยังช่วยอ๋องฉีรักษาบาดแผลตั้งนาน บวกกลับตั้งครรภ์แฝดสาม ช่างลำบากยิ่งนัก จึงพากันออกไปจนหมด
แม่นมสี่ดูแลพาหยวนชิงหลิงไปนอนบนเก้าอี้กุ้ยเฟยสักพัก
หยวนชิงหลิงนอนไม่หลับ ในฝันมีแต่ภาพพรายเงาง้าว เงากระบี่ ตื่นขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ เหนื่อยยิ่งกว่าเมื่อกี้ที่ยังไม่ได้นอน
แม่นมสี่เข้ามา ถามขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า “เพิ่งนอนไปแป๊บเดียวเอง นอนไม่หลับแล้วหรือ?”
หยวนชิงหลิงลุกขึ้นนั่ง พร้อมถามขึ้นว่า “เวลาไหนแล้ว? เจ้าห้ากลับมาหรือยัง?”
“ห้าโมงเย็นแล้ว ท่านอ๋องยังไม่กลับมา” แม่นมสี่ประคองนางไปนั่งด้านข้างโต๊ะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ในเมื่อตื่นแล้ว ก็ทานอะไรบ้างก่อน”
หยวนชิงหลิงพูดขึ้นว่า “ข้าไปห้องน้ำก่อน เจ้าไปจัดเตรียมอาหารให้ข้า ไม่ต้องเยอะ นิดหน่อยก็พอแล้ว”
“ให้หมันเอ๋อไปเป็นเพื่อนเจ้า อะซี่ไปอยู่เป็นเพื่อนพระชายาหยวนที่เรือนหลัก”
“ไม่เป็นไร นางบาดเจ็บอยู่ ให้นางพักผ่อนเถอะ” หยวนชิงหลิงพูดพร้อมเดินออกไป
ในลานนี้มีคนเยอะขนาดนั้น แม่นมสี่จึงตามใจนาง
ห้องน้ำในลานอยู่ทางด้านทิศตะวันตก ไม่ค่อยไกล ระยะก็เพียงแค่ยี่สิบกว่าเมตร เพียงแค่ต้องเลี้ยวสองโค้ง
หยวนชิงหลิงเข้าไปในห้องน้ำ ตอนที่เปิดประตูออกมา ก็เห็นอ๋องอานยืนอยู่ด้านนอก นางตกใจอย่างมาก เพราะอ๋องอานแทบจะยืนชิดติดกับประตูห้องน้ำ เมื่อนางเปิดประตู ก็แทบจะชนกัน นางรีบโซเซถอยหลัง
“พระชายาฉู่ระวัง” อ๋องอานก็ดูเหมือนตกใจ รีบยื่นมือไปช่วยพยุง พร้อมพูดขึ้นอย่างเสียใจว่า “ขออภัย ข้าอยากเข้าห้องน้ำ ไม่ทันได้ระวัง ไม่รู้ว่าด้านไหนมีคน”
หยวนชิงหลิงเห็นสีหน้าของเขาขาวซีด ดวงตาฉายแววความเจ็บปวด คิดว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บของอ๋องฉี จึงไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร เจ้าเข้าสิ”
เมื่อนางเห็นอ๋องอานยังจับมือของตนไว้ จึงถอยหลังไปด้วยสัญชาตญาณ กลับคิดไม่ถึงว่าอ๋องอานจะเข้าใจว่านางจะล้ม รีบยื่นมือมากอดนางไว้อย่างตกใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายาฉู่ระวัง”
หยวนชิงหลิงถูกเขาโอบกอดไว้แนบ กลิ่นหอมบนตัวของเขา พุ่งตรงเข้าไปในจมูก นางผลักเขาออก พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “พี่สี่ พี่ทำอะไร?”
อ๋องอานรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว สีหน้าค่อนข้างย่ำแย่ พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอโทษ ข้านึกว่าเจ้าจะล้ม เฮ้อ ไม่รู้วันที่ข้าเป็นอะไร? จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พระชายาฉู่เจ้ารีบกลับไปเถอะ”
ถึงแม้ในใจหยวนชิงหลิงจะกระสับกระส่าย แต่ การกระทำที่ผิดปกติของหยวนชิงหลิง ยังคงดึงดูดให้นางสนใจ
ต่อให้เขาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ก็น่าจะดูออกว่าเมื่อกี้นางไม่ได้จะล้ม ต่อให้จะล้ม เขาเพียงแค่ดึงนางไว้ก็พอแล้ว ทำไมจะต้องกอดนางไว้?
และในขณะที่เขายื่นมือมาโอบกอด ก็ได้โอบร่างกายของนางแนบอกของเขาโดยตรง ทำให้นางรู้สึกไม่ดีอย่างมาก
หยวนชิงหลิงก้มหน้าลงพร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สี่ ข้าไปก่อนล่ะ”
พูดจบ แล้วก็รีบจากไปทันที
“พระชายาฉู่” อ๋องอานเรียกนางจากด้านหลังในทันใด
หยวนชิงหลิงหันกลับไปมอง เขายืนอยู่ด้านข้างประตูห้องน้ำ ในมือถือผ้าเช็ดหน้าไว้หนึ่งผืน สะบัดเล็กน้อย มองดูนางด้วยแววตาเป็นประกายพร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นของเจ้าหรือเปล่า?”
มุมปากของเขายักขึ้น มีลายดอกพีชคล้ายอ่างน้ำวนโผล่ขึ้นมาจากหางตา ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเขาชูขึ้นมา เงยหน้าขึ้น ผ้าเช็ดหน้าสัมผัสผ่านระหว่างจมูกและริมฝีปากของเขา
หยวนชิงหลิงรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาในทันใด ท้องไส้ปั่นป่วน แทบจะอ้วกออกมา
“ไม่ใช่ของข้า” นางหันกลับแล้วก็เดินไปทันที เกือบชนโดนเสา
ด้านหลัง มีเสียงหัวเราะของอ๋องอานดังแว่วมา เสียงหัวเราะนั่นเต็มไปด้วยความน่ารังเกียจ เต็มไปด้วยความสะอิดสะเอียน
หยวนชิงหลิงเดินโซซัดโซเซกลับมาถึงห้อง หอบกระโถนไว้แล้วก็อ้วกอย่างหนัก
ตลอดชีวิตนี้นางเคยเห็นสิ่งของน่าสะอิดสะเอียนมาไม่น้อย และก็เคยเห็นผู้ชายน่าสะอิดสะเอียน
พูดตามความจริง ตอนที่อ๋องอานหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาดม ภาพนั้นที่จริงแล้วถือเป็นภาพที่งดงาม ลมเหนือ มุมกำแพง รั้วสีแดง เถาวัลย์ที่ปีนป่ายบนกำแพง แต่ความรู้สึกที่มีต่อเขา ก็เหมือนกับห้องน้ำนั่น เหม็นสกปรกอย่างมาก
“เป็นอะไรหรือ?” แม่นมสี่ตกตะลึง แล้วก็รีบลูบหลังให้กับนาง
หยวนชิงหลิงอาเจียนจนดีซ่านออกมา อาเจียนเสร็จแล้วก็ไอ ไอจนน้ำตาไหลออกมา
กว่านางจะได้หายใจคล่อง คว้าดึงมือแม่นมสี่ไว้ มืออีกข้างหนึ่งเช็ดน้ำตาเพราะเมื่อกี้ไอจนน้ำตาไหลออกมา พร้อมพูดขึ้นว่า “แม่นม ข้าเจออ๋องอานที่ห้องน้ำ”
แววตาแม่นมสี่เยือกเย็น พร้อมพูดขึ้นว่า “อ๋องอานเป็นอะไร? พูดจาไม่ดีกับเจ้าหรือ?”
“เขาเก็บผ้าเช็ดหน้าของข้า แล้วก็ถามว่าใช่ของข้าไหม…” หยวนชิงหลิงหยุดพูด แล้วก็อึ้งไปในทันที ไม่รู้จะพูดอย่างไร เขาเก็บผ้าเช็ดหน้าของนาง แล้วถามว่าใช่ของนางไหม เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดามาก
แม้กระทั่ง ตอนที่เขาโอบกอดนาง ก็บอกว่านึกว่านางจะล้ม จึงทำไปด้วยความร้อนใจ ก็ถือว่าพูดอย่างสมเหตุสมผล
“เก็บผ้าเช็ดหน้าของเจ้า แล้วถามว่าใช่ของเจ้าไหม แล้วยังไงต่อล่ะ?” แม่นมสี่ถามขึ้น
หยวนชิงหลิงถอนหายใจอย่างหนักใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไร เพียงแค่เสียดายผ้าเช็ดหน้าผืนนั้น เจ้าเป็นคนปักให้ข้า บนนั้นยังปักชื่อของข้าวไว้”
แม่นมสี่หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “พระชายา นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายหรือ เดี๋ยวข้าค่อยปากให้ท่านอีกเป็น ร้อยผืน ใช้ผ้าที่ดีที่สุดปัก”
นางลูบหลังหยวนชิงหลิงเบาๆ พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมไปแค่นี้ก็อาเจียนแล้ว? นี่ยังไม่ได้ทานอะไรก็อาเจียนแล้ว ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
นางมองดูสีหน้าหยวนชิงหลิง ขาวซีดแล้วยังมีแววเขียวอีก นึกว่าเรื่องที่ถูกลอบทำร้ายทำให้นางตกใจ
หยวนชิงหลิงฝืนยิ้ม พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร ข้าไม่ทานแล้ว ไปดูอ๋องฉีก่อน