มู่หรูกงกงไปทูลฮ่องเต้หมิงหยวนแล้ว บอกว่าเสียนเฟยรับราชโองการแล้ว ดูท่าคงจะชำระเงินที่โกงไปห้าแสนตำลึงตามความจริง
ฮ่องเต้หมิงหยวนยื่นมือออกมานวดระหว่างคิ้ว กล่าวด้วยความอิดโรย “เจ้าจดเจ็ดแสนตำลึงของพระชายารัชทายาทไว้ แล้วทำเป็นว่าท้องพระคลังติดหนี้นาง และบอกคนถ่ายทอดราชโองการไปยังกรมคลัง รอเสียนเฟยและซูต๋าเหอชำระเงินตามที่ต้องการแล้วรีบจัดสรรให้กรมทหารทันที ตอนนี้เป็นปลายฤดูใบไม้ผลิ ใกล้จะเข้าฤดูหนาวแล้ว ให้กรมทหารเพิ่มความเร่งด่วนในการจัดทำชุดฤดูหนาวให้ทหารเถอะ ราชสำนักต้องไม่ทำให้ทหารลำบาก แต่ตอนนี้ที่ที่ต้องใช้เงินมีมากมาย ทำได้เพียงมีบางส่วนก็จัดสรรไปบางส่วนก่อน รอปลายปีเก็บค่าภาษีที่ดินและภาษีต่างๆได้แล้วค่อยคืนให้พระชายารัชทายาท พวกเขาสามีภรรยาประหยัดขนาดนี้ คิดว่าเงินจะต้องมีความสำคัญในการใช้สอยมาก”
มู่หรูกงกงสงสารเขา เรียกให้คนขึ้นมาถวายชาโสม “ฝ่าบาท พระองค์ไม่ต้องเป็นกังวลแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้เริ่มเรียกเก็บภาษีที่ดินและภาษีต่างๆแล้ว รอบที่หนึ่งปลายเดือนก็สามารถส่งมาถึงเมืองหลวงโดยผ่านทางเรือได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนจะไม่กังวลพระทัยได้อย่างไร? ปีนี้น้ำท่วมทางใต้ภัยแล้งทางเหนือ สถานการณ์ภัยธรรมชาติรุนแรง หลายอำเภอเมืองล้วนลดและละเว้นภาษีที่ดินและภาษีต่างๆถึงกระทั่งยังต้องการให้ราชสำนักจัดสรรเงินไปสงเคราะห์ผู้ประสบภัยอีก
เป่ยถังมองดูแล้วก็คือผ้าไหมฝีมือประณีตงามตระการตา แต่เบื้องล่างเต็มไปด้วยเหา
เป่ยถังเจริญรุ่งเรืองมากมีชื่อเสียงเท่ากับกับแค้วนต้าซิง แคว้นต้าเหลียง แคว้นต้าโจว แคว้นต้าเยว่อาณาจักรกว้างใหญ่ ที่ดินมาก ภูเขาน้อย มีคลองมีแม่น้ำ ตามหลักแล้วพัฒนาได้ดี แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงมือของเขาแล้ว เกิดภัยพิบัติติดต่อกันหลายปี อีกทั้งสองปีก่อนเขตชายแดนก็ไม่สงบสุข ทำสงครามเป็นการสิ้นเปลืองเงินทองมากที่สุด ทันทีที่ทำครั้งแล้วครั้งเล่า เวลาหกปีกว่า ท้องพระคลังก็ว่างเปล่าแล้ว
ฮ่องเต้อย่างเขานี้กลัดกลุ้มใจนัก จากโทษที่ซูต๋าเหอทำ ฆ่าเขาสิบครั้งก็ไม่ถือว่ามาก แต่ว่า เพื่อเอาเงินเล็กน้อย ก็ยอมไว้ชีวิตสุนัขชีวิตหนึ่งของเขา
ยังมีเสียนเฟยอีก เขารังเกียจอย่างสุดๆแล้ว แต่สถานการณ์เช่นนี้ของประเทศตอนนี้ เพิ่งจะแต่งตั้งรัชทายาทอย่างมั่นคง ตำแหน่งรัชทายาทไม่สามารถมีการถกเถียงใดๆได้ ไม่เช่นนั้นแต่ละฝ่ายแบ่งแยกอีกครั้ง แย่งชิงอีกครั้ง เช่นนั้นผู้ใดจะทำงานให้ราชสำนัก? ผู้ใดจะทำงานเพื่อราษฎร? ล้วนคิดจะแย่งชิงอำนาจยึดผลประโยชน์แล้ว
ระยะนี้เส้นผมของฮ่องเต้หมิงหยวนร่วงเป็นกำๆ แต่ที่เห็นอกเห็นใจเขาจริงๆ จะมีผู้ใดกันล่ะ?
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าหยวนชิงหลิงเอาเจ็ดแสนตำลึงนี่ออกมา ในใจเจ็บปวดเป็นที่สุด? มองออกได้ว่าแก้วตาของนางแทบสลายแล้ว ตัวเองเป็นพ่อตา เขาหลอกลูกสะใภ้ ไม่เอาหน้าตาแล้ว แต่มีวิธีอะไรอีก? เป็นภาระที่ครอบครัวของเจ้าห้าเขาไม่สามารถผลักให้ผู้อื่นได้ ประเทศนี้ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องมอบไว้ในมือของเขา หากประเทศสงบราษฎรปลอดภัยได้ วันข้างหน้าเจ้าห้าครองราชย์ ก็ไม่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เข้าออกลำบากทั้งสองด้านเหมือนเขาเช่นนี้แล้ว
รุ่งขึ้น พระราชโองการฉบับหนึ่งลงมา บอกว่ารัชทายาทบริจาคทรัพย์สินในบ้านทั้งหมดเจ็ดแสนตำลึงจัดซื้อเสื้อนวมใช้ในฤดูหนาวและแจกเงินเดือนพร้อมเสบียงอาหารให้แก่ทหาร
ทหารน้อมศรัทธา นี่สำหรับหยู่เหวินเห้าแล้วแน่นอนว่าดีเป็นที่สุด สวีอีไปถึงกองทัพทางใต้และกองทัพทางทิศตะวันตกรอบหนึ่ง กลับมาบอกหยวนชิงหลิงอย่างดีอกดีใจว่าเหล่าทหารล้วนมีความสุขสุดขีด เงินเดือนและเสบียงอาหารของทหารนี้ยืดเวลาออกไปไม่ได้แจกมาสามเดือนแล้ว
หยวนชิงหลิงได้ฟังคำพูดของสวีอี อึ้งอยู่นาน ถามหยู่เหวินเห้า “ยากถึงเพียงนี้จริงหรือ?”
หยู่เหวินเห้ายิ้มเจื่อน “เป็นเช่นนี้จริง ปีนี้ขุดแม่น้ำเดินเรือก่อให้เกิดการทดน้ำเข้านา แล้วบรรเทาภัยแล้งอีก ท้องพระคลังว่างเปล่านานแล้ว เงินเดือนและเสบียงอาหารของทหารติดค้างยืดเยื้อก็ทำอะไรไม่ได้ หากไม่บรรเทาภัย ประชาชนที่ประสบภัยไม่มีแม้แต่รำข้าวจะกิน สำหรับการขุดแม่น้ำเดินเรือก็เป็นเรื่องที่จำเป็นจะต้องดำเนินการ ไม่เช่นนั้น ภัยแล้งทางเหนือจะทำให้เก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ได้อีก ราษฎรอยู่ไม่ได้ ราชสำนักก็อยู่ไม่ได้แล้ว”
หยวนชิงหลิงจึงให้อภัยฮ่องเต้หมิงหยวนในฉับพลันนั้น กล่าวเบาๆ “ความจริงเสด็จพ่อก็ลำบากมาก”
หยู่เหวินเห้ากล่าว “ลำบาก เจ้าว่าทำไมต้องลำบากไปต่อสู้เพื่อแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาทนี้ล่ะ? ตอนนั้นเคยมีความคิดนี้ แต่รู้ถึงความลำบากถึงไม่ได้ทุ่มเทลงมือมากมาย แต่กลับจับพลัดจับผลู ยังได้เป็นรัชทายาทแล้วจริงๆ ตอนนี้เสด็จพ่อ ก็คือข้าในวันหน้า คิดๆแล้วก็ปวดหัว”
อยู่ในเมืองหลวง มองไม่ออกโดยสิ้นเชิงว่าเป่ยถังมีความลำบากมากมาย ในเมืองหลวงอุดมสมบูรณ์ เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง สภาพการณ์สงบสุขรุ่งเรืองทั้งผืน
ดังนั้นก่อนหน้านี้หยวนชิงหลิงไม่ได้เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดในปัจจุบันของประเทศ ตอนนี้สังเกตจากเจ็ดแสนตำลึงนี้สามารถคาดเดาสถานการณ์ทั้งหมดได้ เป็นครั้งแรกที่นางใช้ฐานะฮองเฮาในอนาคตดูปัญหาอย่างละเอียด
นางต้องการช่วยเหลือคนป่วยโรคเรื้อน เปิดโรงเรียนแพทย์ ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย ที่ฮ่องเต้ทำถึงจะเป็นเรื่องสำคัญในความเป็นอยู่ของราษฎร ราษฎรกินข้าวไม่อิ่ม ที่เหลือทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ
เงินจำนวนนี้ใช้บนตัวของทหาร หยวนชิงหลิงก็รู้สึกคุ้มค่า
แต่ว่า หากอาศัยเพียงการทำไร่ไถนาและภาษีแต่ละประเภท ประเทศจะเจริญรุ่งเรืองได้ยาก กล่าวโดยสรุป ยังต้องพัฒนาเศรษฐกิจอีก
ดังนั้น ในเวลากลางคืนที่นางพูดคุยกับหยู่เหวินเห้า จึงกล่าว “ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเรากับแคว้นต้าโจวแค้วนต้าซิงก็ดีมาก อาศัยแนวโน้มนี้พวกเราสามารถเปิดการค้าส่งเสริมเศรษฐกิจอย่างแข็งขันใช่หรือไม่?”
หยู่เหวินเห้ากล่าว “ข้าก็คิดเช่นนี้ อับจนไปอย่างนี้ตลอดก็ไม่วิธีการ จำเป็นต้องพัฒนาการค้าอย่างหนัก”
เขาชะงักครู่หนึ่ง กล่าว “พัฒนาการค้าอย่างแข็งขันไม่ใช่ประโยคคำขวัญ ต้องเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง จำเป็นต้องมีจังหวะเวลาโอกาสภูมิศาสตร์และกำลังคนที่เหมาะสม ภายในเวลาอันสั้น ไม่สามารถปฏิบัติออกมาเป็นรูปธรรมได้ อย่างไรเสียยังต้องยื่นหารือกับโสวฝู่เน่ย์เก๋ออีก หนึ่งคนหนึ่งปากพูดข้ออ้าง ต้องการบรรลุความเห็นที่ตรงกัน ไม่ง่ายดายขนาดนั้น”
ตอนนี้หยวนชิงหลิงเข้าใจความลำบากของเขากับฮ่องเต้อย่างลึกซึ้งแล้ว อิงแอบเขาไว้ นิ้วมือกดนวดอยู่กลางฝ่ามือของเขาเบาๆ “ผู้ที่มีความสามารถก็เหนื่อยมากหน่อย ท่านออกแรงทำเพื่อเสด็จพ่อมากหน่อยเถอะ เรื่องในบ้านท่านไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง ข้างล้วนจัดการได้ดี!”
หยู่เหวินเห้าก้มหน้าลงจูบนางเล็กน้อย “ที่ข้าพูดเจ้าเข้าใจทั้งหมด อีกทั้งแนวคิดของเจ้ากับข้ามักจะไปทางเดียวกันโดยที่ไม่ได้ปรึกษากันเสมอ พวกเรามีพรหมลิขิตของสามีภรรยาจริงๆ ทั้งชีวิตจะต้องไม่แยกจากกัน”
ปลุกเร้าความรู้สึกอย่างฉับพลันเช่นนี้ ทำให้หยวนชิงหลิงหัวเราะขึ้นมาแล้ว หัวเราะไปก็รู้สึกว่าในใจอบอุ่นมาก
ซูต๋าเหอถูกกรมการพระนครควบคุมไว้แล้ว ตระกูลซูทางนั้นรวบรวมห้าแสนตำลึง ซื้อชีวิตของซูต๋าเหอกลับมาได้ชีวิตหนึ่ง เนรเทศเขาไปที่ฉองโจว
ทีแรกเสียนเฟยไม่ได้รีบร้อนเอาเงินนัก แต่หลังจากที่เห็นซูต๋าเหอถูกจับแล้วตัดสินเนรเทศไปฉองโจวทันที นางทั้งโกรธทั้งกลัว นี่จึงทำให้จัดหาเงินอย่างรีบร้อน
ตระกูลซูทางนั้นสามารถเอาออกมาได้ ล้วนซื้อชีวิตให้ซูต๋าเหอแล้ว และไม่มีเงินอะไรสามารถสมทบให้เสียนเฟยได้ เสียนเฟยทำได้เพียงขอความช่วยเหลือจากไทเฮา แต่ลูกหลานของไทเฮามากมาย ในวันปกติธรรมดาพระราชทานอันนี้ พระราชทานอันนั้น จะมีเงินเก็บอะไรที่ไหน? ไทเฮาก็ช่วยนางไม่ได้ ยังตำหนินางรอบหนึ่งว่านางออกคำสั่งไปเป็นการส่วนตัวโดยไม่คำนึงการโดนกักบริเวณ
เสียนเฟยกัดฟัน เรียกคนไปประกาศให้หยวนชิงหลิงเข้าวัง
แต่ไทเฮามีพระราชเสาวนีย์ออกมาก่อนล่วงหน้า บอกว่าเสียนเฟยอยู่ในช่วงการกักบริเวณ สามารถยกเลิกการเยี่ยมเยียนใดๆได้ ดังนั้น หยวนชิงหลิงจึงกล่าวกับแม่นมที่ถ่ายทอดคำพูดด้วยความลำบากใจ “ไทเฮามีคำสั่ง ข้าไม่สามารถเข้าวังไปพบเสด็จแม่ได้ ไม่ดีที่ข้าจะฝ่าฝืนพระราชเสาวนีย์ ยังไงก็ขอให้แม่นมบอกต่อให้ด้วย”
เสียนเฟยได้ยินคำบอกต่อของแม่นม โกรธจะแทบตาย กล่าวด้วยความโมโห “นางเห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วยเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าในมือของนางยังมีหนึ่งล้านกว่าตำลึง ทำไมจะออกแทนข้าไม่ได้? เจ้าห้าก็เป็นคนตาย เรื่องอะไรก็ฟังแต่เมีย ข้าก็บอกแล้ว หยวนชิงหลิงนี่จำเป็นต้องออกไปจากเจ้าห้า ดีที่สุดคือตายไปเลย”
แม่นมกังวล “ท่านหญิง เวลาสามวันผ่านมาแล้ว วันนี้มู่หรูกงกงได้มาแล้วเจ้าค่ะ ท่านว่า ควรไปสำนักการเงินหรือไม่…….”
“หุบปาก!” เสียนเฟยว่ากล่าวอย่างรุนแรง ชะงักครู่หนึ่ง นางกล่าว “หยวนชิงหลิงไม่มา แต่ เจ้าห้าสามารถเข้ามาได้ เจ้าเรียกหมอหลวงมา แล้วบอกว่าข้าป่วย เรียกเจ้าห้าเข้ามาเยี่ยมข้า”
แม่นมกล่าว “ท่านหญิง เกรงว่าหมอหลวงก็จะไม่โกหกแทนท่านนะเจ้าคะ หมอหลวงทางนั้นไม่บอกว่าป่วย ก็เกรงว่าเรียกรัชทายาทก็ไม่มาเจ้าค่ะ”
เสียนเฟยกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าสั่งให้คนไปเตรียมน้ำเย็น ข้าอาบน้ำเย็น ต้องการอยู่ลำบาก ต้องการป่วยไม่ง่ายหรือ?”