รอยยิ้มของหยู่เหวินเห้าแข็งข้างอยู่ที่มุมปาก หัวใจหนักอึ้ง คนในครอบครัวนางจริงๆ พวกเขาตามหาจนเจอแล้ว แล้วจะพานางกลับไปหรือไม่
ทันใดนั้นในสมองของหยู่เหวินเห้าก็นึกถึงภาพของหยวนชิงหลิงที่เล่าถึงความฝันว่าต้องการกลับบ้านด้วยน้ำตา คนในครอบครัวหานางเจอแล้ว นางคงต้องตามกลับไปแน่ ความรู้สึกที่นางมีต่อครอบครัวนั้นลึกซึ้งมาก
“เจ้าห้า พวกเราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”หยวนชิงหลิงพูด ประคองคุณย่าหยวนเข้าไปยังโถงใหญ่
หยู่เหวินเห้าตอบรับเสียงหนึ่ง เดินตามเข้าไปอย่างคนไร้วิญญาณ ในใจรู้สึกว้าวุ่นมาก ตอนที่ขึ้นบันไดหินก็เกือบจะลื่นล้ม ตอนก้าวข้ามธรณีประตูก็เกือบจะสะดุดขาจนล้มไป
หยวนชิงหลิงประคองคุณย่าให้นิ่งลงตรงเก้าอี้ปรมาจารย์ที่อยู่ตรงกลาง ตัวเองก็นั่งลง แต่กลับเห็นหยู่เหวินเห้าที่ยืนเด่นอยู่กลางห้อง สีหน้าเต็มไปด้วยความทำตัวไม่ถูกท่าทีก็ระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา “คนโง่ ยังไม่เข้ามาคำนับคุณย่าอีก”
ในใจของหยู่เหวินเห้านั้นตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ขาทั้งสองข้างสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ากำลังสั่นเทา เดินโซซัดโซเซเข้ามาข้างหน้าแล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นประสานคำนับอย่างสุภาพเรียบร้อย ขาทั้งสองข้างก็ไม่รู้ว่าเพราะอ่อนแรงหรือว่าต้องการให้พิธีคำนับสมบูรณ์ คุกเข่าลงไปกับพื้น“คำนับท่านย่า ”
คุณย่าหยวนเห็นท่าทีของเขาเช่นนี้ ก็รู้สึกสงสารขึ้นมาชั่วครู่ “รีบๆลุกขึ้นมานั่งเถอะ”
หยู่เหวินเห้าลุกขึ้นเดินไปนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างๆ มองหยวนชิงหลิงตาปริบๆ ท่าทีร้อนใจอยู่ไม่สุขเลยสักนิด
โชคดีที่เวลาเดียวกันนี้ อ๋องชินสู้กับท่านชายสี่เหลิ่งต่างก็เข้ามาพอดี บอกว่าเตรียมตัวจะรับประทานอาหารแล้ว
เดิมทีหยู่เหวินเห้านั้นหิวจนท้องร้อง แต่ตอนนี้กลับไม่มีกะจิตกะใจอยากจะกินอะไรเลย เขาอยากจะลากตัวหยวนชิงหลิงออกไปถามคำถาม แต่เหมือนหยวนชิงหลิงจะตัวติดหนึบอยู่กับคุณย่าอย่างไรอย่างนั้น แม้แต่นั่งอยู่ก็มองคุณย่าด้วยสายตาทึ่มทื่อ เหมือนเกรงว่าถ้ากะพริบตาแล้วคนจะหายสาบสูญไป
คุณย่าหยวนก็เป็นคนที่เข้าใจมีเหตุมีผล จึงได้พูดกับหยวนชิงหลิงว่า “หลานเขยเสื้อผ้าสกปรกหมดแล้ว หลานพาหลานเขยไปเปลี่ยนเสื้อผ่าก่อนเถอะ”
คำว่าหลานเขย เป็นการยอมรับสถานะของหยู่เหวินเห้า นี่ทำให้ความตื่นเต้นประหม่าของหยู่เหวินเห้าลดลงไปบ้างเล็กน้อย ได้สติกลับคืนมา คิดว่าตอนนี้ยายหยวนก็คลอดลูกแล้ว ท่านยาคงไม่พานางกลับไปแน่
แต่ว่า คนอย่างยายหยวนนั้นไร้ซึ่งน้ำใจ นางคิดถึงบ้านอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้คุณย่าก็มาหาถึงที่แล้ว นางคงจะทิ้งสามีทิ้งลูกกลับบ้านมารดาไปจริงๆ
อีกอย่าง ทำไมคุณย่าจึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ ใช่ยายหยวนให้คนแอบติดต่อมาหรือไม่ นางอยากจะกลับบ้านอยู่แล้วเต็มที แต่ไม่มีความกล้าที่จะพูดออกมา ฉะนั้นครั้งนี้จึงให้ผู้อาวุโสมาด้วยตนเอง เพื่อง่ายต่อการแสร้งทำทีว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
เมื่อคิดเช่นนี้ หยู่เหวินเห้าก็จ้องเขม็งไปยังหยวนชิงหลิงที่เดินอยู่ข้างหน้า สีหน้าดุดัน ได้คาดโทษหยวนชิงหลิงไว้แล้ว
เมื่อเข้าไปในหอด้านข้าง หยู่เหวินเห้าดึงแขนของนางเอาไว้แล้วใช้ขาเตะปิดประตู ตรงเข้ากดนางเอาไว้ในวงล้อมของแขน เอ่ยอย่างดุดันว่า “ยายหยวน ข้าขอเตือนเจ้า ถ้าเจ้าจะกลับบ้านมารดา ก็อย่าแม้แต่จะคิด ทางที่ดีรีบล้มเลิกความคิดนั่นเสียตั้งแต่ตอนนี้”
หยวนชิงหลิงมองเขา “ดุอะไร คุณย่าข้าก็อยู่ข้างนอก ท่านจะดุทำไม”
หยู่เหวินเห้าตกใจรีบเอามือลงทันที มองผ่านช่องที่แยกออกระหว่างประตู เห็นว่าไม่มีใครตามมา จึงผ่อนลมหายใจหนึ่งเฮือก แล้วก็จ้องมองนางอย่างดุดันพูดว่า “ข้าไม่กลัว อย่างไรเสียเจ้าก็ล้มเลิกความคิดที่จะกลับบ้านมารดาซะ บ้านมารดาเจ้าคือจวนเจ้าพระยาจิ้ง เจ้าคือหยวนชิงหลิง เป็นพระชายารัชทายาทของข้า ไม่มีสถานะอื่น”
หยวนชิงหลิงนึกถึงเรื่องที่คุณย่าเคยบอกว่าจะจงใจข่มเขาเสียงหน่อย ฉวยโอกาสตอนที่เข้ามาอธิบายให้เขาได้เข้าใจก่อน เกรงว่าถึงเวลาจะใจร้อนจนทำเรื่องที่เสียมารยาทออกไป คิดไม่ถึงว่าเขากลับเป็นคนที่พูดไม่หยุดก่อน อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยเสียงไม่ชอบใจนักว่า “ทำไม ข้าเป็นพระชายารัชทายาทของท่านแล้วต้องตัดขาดกับญาติด้วยหรือ พ่อแม่ก็ไม่นับแล้วหรือ”
หยู่เหวินเห้าอยากจะบอกว่าย่อมต้องเป็นเช่นนั้น แต่พอมองเห็นดวงตาที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ท่าทีก็อ่อนลงมาอย่างกะทันหัน,“ไม่ใช่ไม่นับญาติ วันหน้าหากมีเวลาพวกเรากลับไปด้วยกันก็ได้ บ้านมารดาเจ้าอยู่ที่ต้าซิงใช่หรือไม่ เมื่อก่อนเจ้าก็ไม่เคยพูด ถ้าพูดตั้งแต่แรกข้าคงไปเยี่ยมเป็นเพื่อนเจ้าสักครั้งแล้ว ตอนนี้ทำเอาข้าปฏิบัติตามธรรมเนียมอย่างไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะวันนี้ข้า……”
เขาก้มหน้ามองร่างของตนเองที่เต็มไปด้วยคราบเลือด ทันใดนั้นก็เผยสีหน้าเศร้าใจออกมา บ่นกับหยวนชิงหลิง “ทำไมเจ้าจึงไม่บอกกับข้าล่วงหน้าเล่า อย่างน้อยก็ให้ข้าได้แต่งตัวดีๆก่อนจะมา เดิมข้าก็ดูเหมือนคนธรรมดาสบายๆอยู่แล้ว ตอนนี้เล่นเอาข้าเหมือนถูกล้วงขึ้นมาจากคลองน้ำสกปรก ทั้งหมดต้องโทษเจ้าคนเดียว”
หยวนชิงหลิงเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “ท่านเคยใส่ใจการแต่งตัวของตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เข้าวังพบเสด็จพ่อก็ไม่เคยเห็นท่านแต่งตัวดีๆสักครั้ง”
“มันจะเหมือนกันได้อย่างไร ตั้งแต่วันที่เสด็จพ่อรู้จักข้า ข้าก็เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว”หยู่เหวินเห้ากำที่มุมเสื้อของนางเอาไว้ บิดไปมาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถามอย่างระมัดระวังว่า “เจ้าว่าท่านย่าจะมองข้าอย่างไร เมื่อครู่ข้าแสดงออกอย่างเสียมารยาทอยู่บ้างใช่หรือไม่”
หยวนชิงหลิงไม่ตอบคำถามเขา เปิดประตูเรียกให้สาวใช้ที่อยู่ข้างนอกไปเตรียมชุดบุรุษมาให้เขาเปลี่ยน
เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว หยวนชิงหลิงก็กดไหล่เขาให้นั่งลงตรงหน้ากระจก หวีผมสวมที่ครอบผมให้เขา เห็นคนในกระจกที่ดูหน้าตาสดใสอารมณ์ดี ใบหน้าหล่อเหล่า จึงพยักหน้าอย่างพอใจ “คุณย่าเห็นท่านเช่นนี้ ต้องพอใจมากแน่ๆ ”
“หยวน”หยู่เหวินเห้ามองนางจากในกระจกอย่างเป็นกังวล “เจ้าจะกลับไปพร้อมกับคุณย่าหรือไม่ ”
หยวนชิงหลิงเกยคางไว้ที่ไหล่ของเขา“เรื่องนั้นไม่รู้ คุณย่าบอกว่าจะอยู่ที่นี่สักพักหนึ่ง ดูว่าท่านดีกับข้าหรือไม่ ถ้าหากไม่ดี เช่นนั้นนางจะพาข้ากลับไป ”
“ข้าดีต่อเจ้านี่นา ดีมากด้วย”หยู่เหวินเห้าดึงมือของนางมาข้างหน้า พูดอย่างร้อนรนว่า “เจ้าไม่ได้บอกนางหรือ เจ้าอธิบายให้นางฟัง บอกว่าข้านั้นดีกับเจ้าตั้งเท่าไหร่”
หยวนชิงหลิงมองเขา เอ่ยอย่างจริงจังว่า “บอกแล้ว เริ่มจากตั้งแต่ข้ามาถึงที่นี่ ถูกคนตบหน้า จากนั้นก็ถูกโบยไปสามสิบที……”
สีหน้าของหยู่เหวินเห้าขาวซีด ดวงตาเหลือกขึ้น ท่าทีราวกับจะเป็นลม พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่บีบคั้นขึ้นมาจากในอกหนึ่งเฮือก กลับเหมือนราวกับจะขาดมิขาดใจอย่างไรอย่างนั้น “เจ้า เจ้ารื้อฟื้นเรื่องเก่าอีกแล้ว เจ้าพูดเช่นนี้กับนางได้อย่างไรกัน เจ้าไม่รู้จักกตัญญูเอาซะเลย เจ้าต้องการทำให้นางตกใจตายจากนั้นก็ทำให้ข้าตกใจตายตาม ”
หยวนชิงหลิงดึงตัวเขาให้ลุกขึ้น “ไปเถอะ เหล่านั้นข้าไม่ได้พูด อีกอย่างข้าเองก็เพิ่งจะคุยกับคุณย่าได้ไม่นานท่านก็มาแล้ว คำพูดเหล่านั้นข้าอยากจะบอกนางแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไป แต่นางกลับเห็นรอยแผลเป็นที่ข้อมือของข้า คาดว่าคงคิดว่าท่านเป็นคนที่ทำให้เป็นเช่นนี้ ฉะนั้นในใจคงจะมีความรู้สึกไม่ดีต่อท่านอยู่บ้าง”
ใจของหยู่เหวินเห้าราวกับนั่งรถบนเส้นทางภูเขา ตกลงไปอย่างกะทันหันแล้วก็ขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นกัน หัวใจเหมือนจะรับน้ำหนักไม่ไหวอยู่บ้าง ดึงตัวหยวนชิงหลิงเอาไว้และพูดว่า “เจ้าอยากได้พูดถึงข้าในเรื่องไม่ดีต่อหน้านางแม้แต่ครึ่งคำ มากสุดก็แค่ภายหน้าไม่ว่าเจ้าให้ข้าทำอะไรข้าก็จะทำ ข้าจะไม่คัดค้านตอบโต้เจ้าเป็นอันขาด”
หยวนชิงหลิงกอดแขนของเขาเอาไว้เดินออกไปด้วยกัน นี่จึงเป็นการปลอบประโลมจิตใจอันอ่อนแอที่ได้รับบาดเจ็บของเขา “ท่านดีต่อข้าจริงๆ เรื่องที่ข้าต้องการจะทำ ท่านก็คอยสนับสนุนอย่างไม่เคยคิดเสียใจภายหลังมาก่อน”
“เจ้าคิดอย่างนั้นจริงๆหรือ”หยู่เหวินเห้าเดินไปด้วยฝีเท้าโซเซ “แล้วอีกสักครู่ข้าต้องระวังเรื่องอะไรบ้าง คุณย่าชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร ข้าไม่ได้เตรียมของขวัญมาด้วย เจ้าลองดูสิว่าจะหาของขวัญที่พอจะให้เกียรติในจวนเหลิ่งนี้ได้หรือไม่ หาให้ข้าก่อนหนึ่งชิ้น ประเดี๋ยวกลับไปแล้วข้าค่อยคืนให้”
“ไม่ต้องแล้ว ไปเถอะ ถึงเวลาท่านค่อยตอบแทนนางก็พอ นางจะอยู่ที่นี่ ”หยวนชิงหลิงพูดคำนี้ ด้วยน้ำเสียงสะอื้น
“เจ้าห้า แม้แต่ฝันข้าก็ไม่กล้าคิดว่านางจะมาถึงที่นี่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว ข้าก็มีคนของบ้านมารดา ข้าก็มีญาติอยู่ข้างกายแล้วเช่นกัน ”