บัลลังก์หมอยาเซียน – บทที่ 724 ควรลงโทษนางอย่างไรดี

บทที่ 724 ควรลงโทษนางอย่างไรดี

หยู่เหวินเห้าได้ยิน ในใจกระตุก รีบหันตัววิ่งกลับไป แล้วก็เห็นเสด็จย่าล้มอยู่ในอ้อมกอดของเต๋อเฟย บนหน้าอกมีปิ่นปักผมปักไว้ เลือดไหลเปื้อนเต็มเสื้อผ้าบนหน้าอก

ลอบฆ่าไทเฮา?

เขาเหมือนดั่งถูกฟ้าผ่า ในวินาทีนั้น หัวสมองของเขาว่างเปล่า ยังไงก็ไม่อยากเชื่อภาพตรงหน้า นี่ถือเป็นการกระทำที่เนรคุณขนาดไหน?

ในหูได้ยินเสียนเฟยตะคอกพูดขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า “ข้าไม่โทษหรือเกลียดคนอื่น ข้าเพียงแค่โกรธเกลียดเจ้า ในฐานะที่เป็นลูกสาวตระกูลซู กลับทอดทิ้งญาติพี่น้องวงศ์ตระกูล เจ้าตายไปก็ไม่เสียดาย”

การกระทำเช่นนี้ของเสียนเฟย สร้างความย่ำแย่ตกใจให้กับคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด เจ้าหญิงเหวินจิ้งกับเหล่านางข้าหลวง เข้าไปกดทับนางไว้ มีคนวิ่งไปเชิญหมอหลวง หยู่เหวินเห้าเพิ่งได้สติกลับมา วิ่งเข้าไปอุ้มไทเฮาเข้าไปในตำหนัก

ทั่วทั้งตำหนักหรงเหอวุ่นวายไปหมด ใครก็ไม่อยากเชื่อเลยว่า เสียนเฟยจะลอบทำร้ายไทเฮา

ในระหว่างทางที่ฮ่องเต้หมิงหยวนเดินทางมา ก็ได้รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เขาตกใจอย่างสุดขีด เข้าตำหนักมาเห็นเสียนเฟย ก็ยกเท้าถีบท้องน้องของนางทันที พร้อมพูดขึ้นด้วยสีหน้าโกรธจนเขียวว่า “หากไทเฮาเป็นอะไรไป ข้าจะเอาชีวิตกว่าร้อยชีวิตของตระกูลซู”

เสียนเฟยถูกถีบคุกเข่าอยู่บนพื้น หลังจากที่นางบ้าคลั่งแล้ว สีหน้าขาวซีดอ่อนล้า ดวงตาทั้งคู่จ้องมองตรงไปยังแอ่งเลือดสีแดงบนขั้นบันไดหินหยกขาว นางไม่ได้เสียสติไปแล้วทั้งหมด หลังจากที่ในใจเจ็บปวดอย่างที่สุดแล้ว รู้ว่าตนเองกระทำผิดมหันต์ขนาดไหน แล้วก็มองดูใบหน้าที่โกรธจัดของฮ่องเต้หมิงหยวน นางค่อยๆงอเอวลง ฟุบลงพื้น แล้วก็ร้องไห้ขึ้นมาอย่างเจ็บปวด

ฮ่องเต้หมิงหยวนไม่มองนางเลยสักนิด สั่งคนจับตัวนางกลับไปยังตำหนักชิ่งหยู รอตัดสินโทษ แล้วก็รีบเข้าไปภายในตำหนัก

หยู่เหวินเห้าได้ช่วยห้ามเลือดให้กับไทเฮาแล้ว อาการบาดเจ็บไม่ได้สาหัส แทงถูกกระดูกตรงหน้าอก ถึงไม่ถูกแทงเข้าไปโดนหัวใจ แต่เสด็จย่าก็ตกใจอย่างมาก สีหน้าขาวซีดไปหมด ริมฝีปากสั่นเทาไม่หยุด มือทั้งคู่กำชายแขนเสื้อของหยู่เหวินเห้าไว้แน่น เห็นฮ่องเต้หมิงหยวน ค่อยร้องไห้ออกมาอย่างอดทนไม่ไหว

ฮ่องเต้หมิงหยวนคุกเข่าอยู่ข้างเตียง มือทั้งคู่จับมือของเสด็จย่าไว้ น้ำเสียงก็สะอึกสะอื้นพร้อมพูดขึ้นว่า “เสด็จแม่ ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว”

เสด็จย่ามองดูฮ่องเต้หมิงหยวน ใบหน้าที่เหี่ยวยังคงซีดอย่างมาก ริมฝีปากสั่นเทาหลายที แต่ก็ยังคงพูดอะไรไม่ได้

หมอหลวงก็มาถึงแล้ว จัดการบาดแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็คุกเข่าอยู่บนพื้น ทูลฮ่องเต้ว่า “ฝ่าบาท อาการบาดเจ็บของไทเฮาไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่เสียเลือดค่อนข้างมาก ต้องค่อยๆบำรุงร่างกาย”

สำหรับไทเฮา สิ่งที่กระทบกระเทือนที่สุดไม่ใช่บาดแผลที่ถูกทำร้าย แต่เป็นการที่เสียนเฟยลงมือฆ่านางดังนั้น ถึงแม้จะได้ยินหมอหลวงพูดว่านางไม่เป็นไรมาก นางก็ยังคงไม่สามารถหายจากอาการตกใจและเจ็บปวด

หยู่เหวินเห้าก็คุกเข่าอยู่บนพื้น เขาไม่มีอะไรจะพูด สีหน้าก็ขาวซีดไปกว่าครึ่ง

ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูเขาอย่างสับสนแวบหนึ่ง เรื่องนี้ตั้งแต่ต้นจนจบ เขารู้เรื่องทั้งหมด สามารถพูดได้ว่าเข้าเห็นด้วย จะโทษองค์ชายรัชทายาทไม่ได้

เขาพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เจ้ากลับไปเถอะ”

หยู่เหวินเห้าส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ลูกจะอยู่เป็นเพื่อนเสด็จย่าที่นี่”

ไทเฮาจึงยื่นมือไปหาเขา หยู่เหวินเห้าขยับเข้ามาหา จับมือไทเฮาไว้ พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงสะอึกสะอื้นว่า “เสด็จย่า หลานปกป้องท่านไว้ไม่ได้”

ไทเฮาถอนหายใจยาว นางโกรธหยู่เหวินเห้า เพราะนางมาจากตระกูลซู นางรักและเป็นห่วงคนในครอบครัว แต่ในใจก็รู้ดี ที่หยู่เหวินเห้าทำไปเพราะไม่มีทางเลือก ตระกูลซูก็มีความผิดสมควรได้รับโทษ

หลังจากที่โกรธแล้ว ในใจนางก็ยังคงคิดถึงหลาน นางเป็นคนประเภทเดียวกับที่เสียนเฟยคิด ความรู้สึกในใจนางที่มีต่อครอบครัว เทียบไม่ได้กับลูกชาย หลานชายของตนเอง

โดยเฉพาะเมื่อเกิดอะไรขึ้นกับนาง ก็จะแสวงหาคนที่สามารถพึ่งพิงได้อย่างไม่รู้ตัว

นางสนมวังหลังกล้าทำร้ายร่างกายไทเฮา ตั้งแต่รัชสมัยเป่ยถังมา ไม่เคยเกิดขึ้นเลย อย่าว่าแต่ทำร้ายร่างกาย แม้แต่โต้เถียงยังไม่เคยมี การให้เกียรติกันระหว่างชนชั้นกับความกตัญอยู่มีความสำคัญเหมือนดั่งภูเขา ยืนหยัดอยู่ในใจทุกคน คนดื้อรั้นอย่างหยู่เหวินเห้า เมื่อเผชิญหน้ากับความโหดเหี้ยมของเสียนเฟย ยังคงไม่กล้าที่จะทำอะไรนางจนเกินเหตุ

และอย่างฮ่องเต้หมิงหยวน ที่หลายปีมานี้ ไม่พอใจตระกูลซูมาตลอด แต่เพราะความกตัญญู จึงไม่กล้าที่จะแตะต้องตระกูลซูแม้เพียงเส้นผม ทำได้เพียงกดดันไว้อย่างลับๆไม่ให้ตระกูลซูทะยานสูงขึ้น

แม้แต่ทำให้ไทเฮาโกรธโมโหก็ไม่กล้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าทำร้ายพระวรกายของไทเฮา

เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นเหมือนดั่งฟ้าผ่า กระแทกภายในใจทุกคนในวัง เดือดร้อนใหญ่ขนาดนี้ ยังไงก็กดปิดบังไว้ไม่ได้ เพียงแค่ครึ่งชั่วโมง ทั่วทั้งวังต่างก็รู้เรื่องนี้

ฮองเฮาฉู่แทบจะเป็นลมไป นางคิดถึงผลที่จะตามมาแล้วทั้งหมด มีเพียงคิดไม่ถึงเลยว่าฮองเฮาฉู่จะกล้าลงมือทำร้ายไทเฮา

นางกลัวอย่างมาก เรื่องนี้หากสืบสวนขึ้นมา นางหนีความผิดไม่พ้นอย่างแน่นอน

ไม่ทันสนใจที่จะตกแต่งหน้าให้สวยงาม นางหยิบเอาเสื้อคลุมผืนหนึ่งมาสวมใส่แล้วก็รีบไปยังตำหนักหรงเหอ

เข้าไปในตำหนักหรงเหอ รู้ว่าไทเฮาไม่ได้เป็นอะไรมาก นางค่อยโล่งอกโล่งใจไปกว่าครึ่ง คุกเข่าอยู่บนพื้น พร้อมร้องไห้พูดขึ้นว่า “หม่อมฉันดูแลวังหลังได้ไม่ดี ขอเสด็จแม่กับฝ่าบาทลงโทษ”

ฮองเฮาฉู่กลัวอย่างที่สุด มือเท้าอ่อนแรงเย็นเฉียบ คุกเข่าอยู่บนพื้นก็ต้องใช้มือทั้งสองข้างยันพื้นไว้ ถึงจะสามารถรักษาท่าทีตัวตรงไว้ได้ เห็นฮองเฮาฉู่คุกเข่าลง เจ้าหญิงเหวินจิ้งกับเต๋อเฟยก็คุกเข่าลง จากนั้น นางสนมที่รู้เรื่องแล้วก็รีบมา ต่างก็คุกเข่าอยู่บนพื้น

ไทเฮาก็ค่อยๆลุกขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นอย่างอ่อนแรงว่า “เอาล่ะ อย่าคุกเข่าอยู่เลย ปีใหม่แบบนี้อากาศยิ่งหนาว ลุกขึ้นมาเถอะ”

ฮองเฮาฉู่ร้องไห้คุกเข่าคลานไป เกาะอยู่ข้างเตียง ร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้นพร้อมพูดขึ้นว่า “เป็นความผิดของลูกสะใภ้ ลูกสะใภ้มีความผิด”

ต่อให้ฮองเฮาฉู่กล้าหาญขนาดไหน ทะเยอทะยานขนาดไหน หากรู้แต่แรกว่าเสียนเฟยจะทำร้ายไทเฮา นางจะไม่มีทางไปยั่วยุให้เสียนเฟยมาเด็ดขาด

นางเพียงแค่อยากให้เสียนเฟยก่อเรื่องวุ่นวาย พูดคำพูดล่วงเกินไม่กี่ประโยคให้ไทเฮาน้อยใจ ตัดขาดทางเลือกสุดท้ายของเสียนเฟย ยังไง ภายในวังนี้คนที่จะช่วยเสียนเฟยก็มีเพียงไทเฮาแล้ว

ไท่ซ่างหวงก็มาด้วยตนเอง เข้ามาภายในตำหนักแล้วก็เห็นผู้หญิงคุกเข่าอยู่เต็มห้อง เขาก็ขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น? หมอหลวงบอกว่าแค่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเองไม่ใช่หรือ? ล้วนกลับไปกันเถอะ”

พวกนางสนมถวายทำความเคารพ แล้วต่างก็กลับไปกันหมด

ฮ่องเต้หมิงหยวนไปประคองไท่ซ่างหวงมาด้วยตนเอง ไท่ซ่างหวงนั่งอยู่ข้างเตียง มองดูภรรยาที่ดูตกใจไม่น้อย จึงพูดปลอบ

ไท่ซ่างหวงไม่ใช่คนที่พิถีพิถันในพิธีการอะไร หลังจากพูดปลอบแล้ว ก็ถามฮ่องเต้หมิงหยวนว่า “เรื่องนี้รู้กันไปทั่วทั้งวังแล้ว วางแผนที่จะจัดการอย่างไร?”

ฮ่องเต้หมิงหยวนคิดอยู่ในใจแล้วว่าจะต้องสั่งประหารเสียนเฟย แต่งานอภิเษกของเจ้าหญิงกำลังจะมาถึง ประหารเสียนเฟยตอนนี้ก็ไม่เหมาะสม จึงพูดขึ้นอย่างลำบากใจว่า “ลูกคิดว่า รอหลังจากงานอภิเษกของเจ้าหญิงเสร็จสิ้นแล้ว ค่อยตัดสินว่าจะลงโทษอย่างไรดีไหม?”

ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า “นางกระทำผิดโทษฐานเนรคุณอย่างมหันต์ ไม่ว่าจะลงโทษอย่างไรก็ไม่เกินเหตุ แต่ข้าขอถามเจ้าตอนนี้ทุกคนรู้เรื่องนี้ไปทั่วทั้งวังแล้ว แม่ขององค์ชายรัชทายาทฆ่าไทเฮา คือโทษสถานใด? เจ้าคิดที่จะจัดการเรื่องนี้ให้สงบยังไง?”

สีหน้าฮ่องเต้หมิงหยวนเปลี่ยนไป เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้

เสียนเฟยเป็นแม่ขององค์ชายรัชทายาท นางกระทำความผิดโทษฐานลอบฆ่าไทเฮา ตามความผิดจะต้องถูกประหาร แต่ในฐานะที่ลูกชายของนางเป็นองค์ชายรัชทายาทล่ะ? ทางด้านตระกูลซูครอบครัวของนางล่ะ? และเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์ชายรัชทายาทอย่างมาก ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ เขาหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาตลอด เพราะหยู่เหวินเห้าได้รับตำแหน่งมาอย่างไม่ถือว่าถูกต้อง ไม่ใช่บุตรคนโตและไม่ใช่คนที่สืบสายเลือดโดยตรง ตอนนี้แม่ของเขากระทำความผิดอย่างชั่วร้าย ตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทของเขาก็จะต้องสั่นคลอนอย่างแน่นอน

ในทุกๆราชวงศ์ หากมีการแต่งตั้งองค์ชายรัชทายาทแล้ว ล้วนจะต้องรับประกันว่าแม่ผู้ให้กำเนิดจะต้องบริสุทธิ์ นอกเสียจากว่าไม่มีทางเลือกอย่างที่สุด ถึงจะเลือกลูกชายของนางสนมที่มีมลทินบ้างเป็นองค์ชายรัชทายาท แต่ก็จะต้องฆ่าแม่ผู้ให้กำเนิดก่อนที่จะแต่งตั้งองค์ชายรัชทายาท

แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ องค์ชายรัชทายาทถูกแต่งตั้งขึ้นมาแล้ว แม่ขององค์ชายรัชทายาทกลับกระทำความผิดขึ้นในเวลานี้

“องค์ชายรัชทายาทมีผู้สนับสนุนอยู่ในพระราชสำนักมากมาย คิดว่า คงไม่มีใครเกิดความระแวง”น้ำเสียงของฮ่องเต้หมิงหยวนฟังดูอ่อนแรงอย่างมาก

บัลลังก์หมอยาเซียน

บัลลังก์หมอยาเซียน

Status: Ongoing

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: “เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง”หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: “ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น”อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: “เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่” หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: “ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท