บัลลังก์หมอยาเซียน – บทที่ 756 คนที่ทำร้ายลู่หยวนคือคนสวมชุดดำ

บทที่ 756 คนที่ทำร้ายลู่หยวนคือคนสวมชุดดำ

อ๋องฉีคาดเดา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าว่า จะเป็นฝีมือของพี่สี่หรือพีใหญ่ไหม?”

“ก่อนที่ยังจับตัวคนไม่ได้ ใครก็ล้วนน่าสงสัย เจ้าก็เช่นกัน” หยู่เหวินเห้าเงยหัวขึ้น เอามือกุมท้อง เมื่อกี้ตอนที่กลับมา ได้สั่งคนไปเตรียมอาหารแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่เอามาให้ ก็อดไม่ได้ที่จะตะคอกพูดกับด้านนอกว่า “แค่บะหมี่น้ำสักชามต้องใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงกันเลยหรือ?”

บะหมี่น้ำถูกยกมาให้ หยู่เหวินเห้าทานอย่างมลายหายไปจนหมดสิ้นเสมือนพายุหอบเอาเศษปุยเมฆ แม้แต่ซุปบะหมี่ที่ร้อนก็ดื่มจนหมด ค่อยรู้สึกอิ่มครึ่งท้อง มือคว้าจับดาบบนโต๊ะแล้วก็วิ่งออกไปข้างนอก

คนขโมยแผนที่ทางการทหารหายังไม่เจอ ครั้งนี้หยู่เหวินเห้าพาคนออกไปค้นหา กลับค้นหาเจอจอหงวนฝ่ายบู๊ลู่หยวน

พบเขาในสุดซอยลึกลับซอยหนึ่ง สถานที่ตรงนั้นเต็มไปด้วยสิ่งของ มีคนเข้ามาที่นี่น้อยมาก เพราะที่นี่เป็นซอยทางตัน ไม่มีทางไปต่อแล้ว

ลู่หยวนนอนอยู่บนพื้น ได้รับบาดเจ็บตรงท้อง เลือดแห้งไปแล้ว แต่บาดแผลเคยได้รับการพันแผล จึงถูกห้ามเลือดไว้ได้ ไม่เสียเลือดจนเกินไป

มีลมหายใจแผ่วเบา หัวใจเต้นอ่อนแรง แต่คนอยู่ในอาการสลบ

หยวนชิงหลิงกับหมอหลวง ถูกตามไปอย่างรีบร้อน

หยวนชิงหลิงตรวจร่างกายดูก่อน มีบาดแผลจากดาบแผลเดียว แทงผ่านช่องท้อง มีรอยฝ่ามือที่หน้าอก ด้านหลังศีรษะนูนบวม น่าจะหลังจากโดนแทง ก็ตบด้วยฝ่ามือ ศีรษะกระแทกกำแพง

บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ เขายังมีชีวิตอยู่ได้ ก็เพราะโชคดีที่ร่างกายของเขาแข็งแรง หากเป็นคนธรรมดาทั่วไป ตายไปแต่แรกแล้ว

หยู่เหวินเห้าพูดอยู่ด้านข้างว่า “ผ้าที่ใช้พันแผลเป็นเสื้อผ้าของเขา น่าจะเป็นตอนที่เขาฟื้นขึ้นมา แล้วทำแผลให้กับตนเอง อีกอย่าง เขาพกผงยาห้ามเลือดกับยารักษาบาดแผลติดตัวตลอด ตรงมุมปากมีร่องรอยของผงยา เขากินผงยาห้ามเลือดไปด้วยตนเองแล้ว เจ้าหยวน เขายังมีโอกาสรอดไหม?”

หยวนชิงหลิงพูดขึ้นด้วยท่าทีหนักใจว่า “ยังไม่รู้ สัญญาณชีพจรของเขาอ่อนมาก ยังมีภาวะอุณหภูมิต่ำกว่าปกติ มีเลือดคลั่งในสมอง ที่ยังมีลมหายใจอยู่ ถือว่าเขาเก่งมากแล้ว มีเนื้อร้ายในลำไส้ของเขา ข้าจะต้องทำการผ่าตัดให้กับเขา ทำการตัดเนื้อร้ายออกมา ไม่เช่นนั้นหากลำไส้มีการติดเชื้อ ก็จะไม่มีทางรอดแล้ว”

คนของตระกูลลู่ก็อยู่ด้วย ฮูหญิงลู่ร้องไห้อย่างหนัก มองดูลูกชายที่กำลังจะตาย ก็คุกเข่าอยู่บนพื้นขอร้องให้พระชายารัชทายาท จะต้องช่วยชีวิตเขาไว้ให้ได้

คนของตระกูลลู่ต่างพากันคุกเข่าลง หยวนชิงหลิงถอนหายใจเบาๆ ยื่นมือไปพยุงฮูหญิงลู่ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าทำได้เพียงพยายามทำให้ดีที่สุด แต่สถานการณ์ของเขาในตอนนี้ไม่ดีจริงๆ ข้าจึงไม่สามารถรับประกันอะไรได้ วันนี้จะต้องทำการผ่าตัดให้กับเขา อุปกรณ์ทำการผ่าตัดไม่ครบถ้วน เดี๋ยวพากลับไปยังจวนอ๋องฉู่ ที่นั่นข้ามีห้องผ่าตัด”

ตระกูลลู่ไม่มีทางเลือกแล้ว พระชายารัชทายาทพูดว่าอย่างไรก็ทำตามนั้น

ลู่หยวนถูกพาตัวไปยังจวนอ๋องฉู่ คนของตระกูลลู่ก็ต้องตามไปด้วยอยู่แล้ว

คนถูกส่งมายังจวนอ๋องฉู่ อะซี่รีบไปบอกหยวนหย่งอี้ วันนี้หยวนหย่งอี้ออกไปตามหาที่นอกเมือง หาไม่เจอ สุดท้ายจึงขี่ม้ากลับมาคนเดียวอย่างเดียวดาย

ได้ยินอะซี่พูดว่าเจอตัวลู่หยวนแล้ว แต่ชีวิตกำลังตกอยู่ในความอันตราย หยวนหย่งอี้ตื่นตระหนกไปทั้งตัว ควบขี่ม้ารีบไปยังจวนอ๋องฉู่

จวนอ๋องฉู่กำลังทำการฆ่าเชื้อห้องผ่าตัดตามที่หยวนชิงหลิงสั่ง ที่นี่เคยเป็นสถานที่ที่นางคลอดลูก หลังจากฮูหญิงลู่ได้ฟัง ก็คุกเข่าลงขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในเมื่อที่นี่สามารถทำให้พระชายารัชทายาท คลอดแฝดสามออกมาได้อย่างปลอดภัย ก็สามารถปกปักรักษาให้ลูกชายของนางดีขึ้น

หยวนหย่งอี้รีบมาถึง ร้องไห้มาตลอดทางอย่างไม่สามารถข่มใจไว้ได้ หลังจากพุ่งกระโจนเข้าไปแล้ว ก็เห็นลู่หยวนถูกวางนิ่งไว้ภายในห้องหลัก ราวกับตายไปแล้ว ไม่มีเลือดฝาดและเหมือนไม่มีลมหายใจ ขาของนางอ่อนลง แทบยืนไม่ไว้ จนอะซี่ช่วยพยุงนางไว้ นางถึงสามารถค่อยๆเดินเข้าไป

เมื่อเห็นปลายจมูกของเขา มีลมหายใจเคลื่อนไหวอย่างแผ่วเบา นางค่อยโล่งอก แล้วก็ร้องไห้ หันไปขอร้องหยวนชิงหลิงว่า “พี่หยวน เจ้าต้องช่วยชีวิตเขา ขอร้องเจ้าจะต้องช่วยชีวิตเขา”

หยวนชิงหลิงก็ยื่นมือไปพยุงนาง เห็นนางร้องไห้อย่างเจ็บปวด จึงพูดขึ้นว่า “ข้าจะพยายาม หวังว่าเขาก็จะไม่ท้อถอยเหมือนกัน”

หยวนหย่งอี้เดินไปอย่างร้องห่มร้องไห้ ยื่นมือลูบใบหน้าของลู่หยวน พยายามอดกลั้นน้ำตาไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่ลู่ เจ้าต้องอดทนไว้ ห้ามท้อเด็ดขาด พวกเราต่างก็รอคอยเจ้า”

ลู่หยวนไม่ตอบสนองใดๆ เบ้าตาจมลง ผิวแห้งไม่มีความยืดหยุ่นสักนิด ตลอดสามวัน เขาอยู่ในสภาพที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ อดทนมาสามวัน ช่างน่าชื่นชมจริงๆ

หยู่เหวินเห้ามาบอกว่า ห้องผ่าตัดได้ทำการฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้ว สามารถส่งลู่หยวนเข้าไปได้แล้ว

หยวนชิงหลิงให้อะซี่มาช่วย หยวนหย่งอี้ก็ขอไปด้วยอย่างกล้าหาญ หยวนชิงหลิงรู้ว่านางรออยู่ข้างนอกก็ไม่อาจวางใจได้แน่ จึงให้นางเข้าไปด้วย แน่นอนว่าให้ท่านย่าเข้าไปช่วยด้วย

ก่อนหน้านี้ หยวนชิงหลิงต้องทำการให้เลือดให้เสร็จเรียบร้อยก่อน เพื่อป้องกันเกิดเหตุสุดวิสัยในระหว่างการผ่าตัด จะต้องทำการให้เลือดอย่างเร่งด่วน

หมอหลวงเฉาเคยมีประสบการณ์ ดังนั้นจึงเข้ามาช่วยข้างในด้วย

พวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าด้านนอกห้องผ่าตัด ฆ่าเชื้อมือทั้งคู่ด้วยอุปกรณ์ฆ่าเชื้อ เปลี่ยนใส่รองเท้าปลอดเชื้อที่หน้าประตูห้องชั้นใน ก่อนเดินเข้าไป

ลู่หยวนเพิ่งเข้าห้องผ่าตัด ใต้เท้าหยางของกรมทหารก็ได้มาหาหยู่เหวินเห้า

หยู่เหวินเห้าพาเขาเข้าไปคุยกันในห้องหนังสือ ถามเขาว่า “มีข่าวแล้วหรือ?”

ใต้เท้าหยางส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ องค์ชายรัชทายาท ข้าน้อยได้ยินว่าเกิดเรื่องกับน้องลู่ จึงมาดู เรียนถามองค์ชายรัชทายาท รู้ไหมว่าเกิดเรื่องกับน้องลู่ช่วงเวลาไหน? ใช่คืนที่ของถูกขโมยหรือไม่?”

หยู่เหวินเห้าพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ใช่”

ท่าทีใต้เท้าหยางตื่นตระหนก พร้อมพูดขึ้นว่า “องค์ชายรัชทายาท คืนวันนั้นข้าน้อยพาคนไปตามจับขโมย ได้เจอน้องลู่บนถนนตรงข้ามตึกเวนเซี่ยง เขายืนอยู่ตรงปากทางที่เกิดเรื่องกับเขา ตอนนั้นเขาจูงม้าไว้”

แววตาหยู่เหวินเห้าเยือกเย็น พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าสงสัยว่า คนที่ขโมยแผนที่ทางการทหาร ซ่อนตัวอยู่ในภายในซอย?”

“ใช่ เพราะข้าน้อยสู้กับเขาจนได้รับบาดเจ็บ เขาหนีไปโดยวิชาตัวเบา ไม่ได้ขี่ม้า ข้าน้อยไล่ตามมาตลอดจนถึงถนนหลัก จากนั้นก็ไม่เห็นร่องรอยของเขาแล้ว หลังจากเจอน้องลู่ เขามาจากอีกทางหนึ่ง เขาบอกว่าไม่เห็นคนสวมชุดดำ แสดงว่า คนชุดดำอาจจะหลบซ่อนตัวอยู่ในซอย หลังจากถูกน้องลู่เจอตัว เขาจึงคิดฆ่าปิดปากน้องลู่ จากนั้นก็ขโมยม้าของเขาไป”

หยู่เหวินเห้าถามว่า “เจ้าต่อสู้กับคนชุดดำ ฝีมือการต่อสู้ของเขาเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ตอนนั้นข้าน้อยกับอีกห้าหกคนล้อมโจมตัวเขา ถึงแม้จะทำร้ายเขาได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ทำร้ายพี่น้องของเราบาดเจ็บสองคน ฝีมือการต่อสู้ของเขาดีมาก วิชาตัวเขาก็ดีเป็นอย่างยิ่ง”

“งั้นเทียบกับลู่หยวน เป็นยังไง?”หยู่เหวินเห้าถามอีกครั้ง

ใต้เท้าหยางนิ่งอึ้ง พร้อมถามขึ้นว่า “นี่….คิดว่าน่าจะสู้น้องลู่ไม่ได้”

ลู่หยวนเป็นจอหงวนฝ่ายบู๊ ฝีมือการต่อสู้ของเขาเทียบกับคนทั่วทั้งเมืองหลวง คนที่สามารถเอาชนะเขาได้มีเพียงไม่กี่คน

คนชุดดำคนนี้อยู่ในสภาพที่ได้รับบาดเจ็บ ยังสามารถทำร้ายลู่หยวนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และในที่เกิดเหตุก็ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ จึงมีความเป็นไปได้แค่สองอย่าง

อย่างที่หนึ่ง คือคนคนนี้มีฝีมือการต่อสู้ล้ำเลิศกว่าลู่หยวน ดังนั้นเมื่อรับมือกับลู่หยวน จึงสามารถต่อสู้จนลู่หยวนไม่สามารถรับมือได้

อย่างที่สอง คือลู่หยวนรู้จักคนคนนี้ ดังนั้นจึงไม่ได้ระวังตัว ถูกอีกฝ่ายทำร้ายอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว จนได้รับบาดเจ็บสาหัส

แต่ใต้เท้าหยางบอกว่า คนคนนี้มีฝีมือการต่อสู้ที่ด้อยกว่าลู่หยวน งั้นความเป็นไปได้ก็คืออย่างที่สอง

อีกฝ่ายสวมเสื้อผ้าชุดดำ และก็รู้ว่าใต้เท้าหยางกำลังตามจับคนชุดดำ แต่เขากลับไม่ระวังตัวเลย เห็นได้ชัดว่าคนคนนี้เป็นคนที่เขาเชื่อใจ

จะเป็นใครไปได้?

เขาถามใต้เท้าหยางขึ้นมาในทันใดว่า “ในเมื่ออีกฝ่ายแย่งม้าของลู่หยวนไป งั้นก็แบ่งคนส่วนหนึ่งไปตามหาม้า บางทีอาจจะเจอร่องรอยอะไรบ้าง”

“ขอรับ”ใต้เท้าหยางรับคำสั่งแล้วก็ไป

บัลลังก์หมอยาเซียน

บัลลังก์หมอยาเซียน

Status: Ongoing

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: “เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง”หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: “ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น”อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: “เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่” หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: “ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท