แล้วในขณะที่ทุกคนต้องการจะแยกย้ายไป ทังหยางกล่าวอย่างฉับพลัน: “หากบอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชายารองฉู่จริง เช่นนั้น คนที่สมคบกับนาง สุดท้ายสืบออกมาต้องเป็นคนของตระกูลฉู่แน่”
หยู่เหวินเห้ายังคิดไม่ถึงจุดนี้ ได้ยินทังหยางพูดเช่นนี้ ก็เปลี่ยนสีหน้าในพริบตา
กลับเป็นสมองของพระชายาจี้ที่ถูกยัดความวุ่นวายไปเป็นกอง ค่อนข้างสับสน กล่าวถามว่า: “นี่จะเกี่ยวข้องกับตระกูลฉู่ได้อย่างไร? ความหมายของท่านคือจะบอกว่าโสวฝู่ฉู่บงการให้นางทำเช่นนี้? ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นหลุมพรางที่โสวฝู่ฉู่สร้างขึ้น? เช่นนั้นบุคคลเบื้องหลัง ก็คือเขาหรือ?”
ขณะที่หยวนชิงหลิงได้ยินในตอนแรก ก็คิดว่าความหมายของทังหยางเป็นเช่นนี้ แต่เมื่อไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง ก็เข้าใจแล้ว กล่าวว่า: “ไม่ ทังหยางไม่ได้บอกว่าโสวฝู่ฉู่วางแผนทั้งหมดนี่ แต่หากไล่สืบไปจากตัวของฉู่หมิงหยาง จะยังต้องมีเรื่องภายหลังรออยู่ กลัวจะทำให้โสวฝู่ฉู่ได้รับผลกระทบเข้ามาด้วย คนผู้นี้ไม่เพียงแค่ต้องการกำจัดอ๋องจี้ ยังต้องการกำจัดโสวฝู่ฉู่อีกด้วย ชั่งเป็นความคิดที่ละเอียดรอบคอบยิ่งนัก คิดถึงทุกการเชื่อมโยงจริงๆ”
หยู่เหวินเห้ากัดฟันกล่าวด้วยความโกรธ: “แผนการยิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัวชั่งชั่วร้ายนักนะ กำจัดพี่ใหญ่ก่อน แล้วทำให้ระหว่างพวกเราพี่น้องเกิดความระแวง สุดท้ายค่อยเอาสายตาของทุกคนดึงดูดไปยังตระกูลฉู่ แม้ว่าโสวฝู่ฉู่สามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ เช่นนั้นก็ฝังหนามอันหนึ่งลงไปในจิตใจของเสด็จพ่อแล้ว หลังจากนี้เสด็จพ่อจะต้องค่อยๆลดทอนอำนาจของตระกูลฉู่เป็นแน่”
ทังหยางพยักหน้า “ไม่ผิด เขาทำให้พวกเราคาดเดาถึงจุดนี้ ดังนั้น ตอนนี้พวกเราเผชิญหน้ากับการเลือกว่าถ้าจะตรวจสอบ สุดทางของการตรวจสอบก็คือโสวฝู่ฉู่ ถ้าไม่ตรวจสอบ ให้เวลาเขาหล่อหลอมอาวุธทหารและสะสมอำนาจ ในเมื่อเขาคืนแผนที่ทางการทหารฉบับนี้กลับมาแล้ว คิดว่าคงลอกสำเนาไว้ใช้เองฉบับหนึ่งแล้ว”
หยู่เหวินเห้าหมุนตัวช้าๆ มองดูขอบฟ้าสีดำด้านนอก กล่าวอย่างเย็นยะเยือก: “ไม่เป็นไร เขาไม่สามารถหลบอยู่ในความดำมืดได้ตลอดไป หากเขาอยากจะได้ตำแหน่งฮ่องเต้ ก็จะต้องค่อยๆผุดขึ้นมาบนผิวน้ำ แผนที่ทางการทหารคืนกลับมาแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะไปทูลขอเสด็จพ่อให้รีบดำเนินการหลอมสร้าง เขาและแรงกำลังอันน้อยนิดต่อต้านกับพลังของประเทศเป่ยถังของข้า นั่นคือรนหาที่ตาย”
สุดท้ายฟ้าเกือบจะสว่างแล้วหยู่เหวินเห้าเพิ่งจะได้กินข้าวมื้อหนึ่ง หิวจนเขายัดกินอย่างมูมมาม กวาดอาหารไม่กี่อย่างที่แม่นมสี่จัดเตรียมไว้จนหมดเกลี้ยง
หลังจากกินอาหารอิ่ม หยวนชิงหลิงบอกให้เขารีบนอนครู่หนึ่ง
หยู่เหวินเห้านอนบนเตียง มองดูหยวนชิงหลิงที่มีขอบตาดำเหมือนกัน เอื้อมมือไปลูบใบหน้าของนาง “ข้าไม่เป็นไร เพียงแค่ทำให้เจ้าเหนื่อยแล้ว”
หยวนชิงหลิงยิ้มอย่างเหนื่อยล้า นอนลงข้างกายของเขา “พูดว่าเหนื่อยอะไรล่ะ? วันที่ว่างจนเหนื่อยก็ไม่ได้ผ่านไปเช่นนี้หรือ?”
“แต่หากว่าแต่งงานกับคนธรรมดา เจ้าก็สามารถเสพสุขได้หน่อย กลับเอาแต่ติดตามข้าทำงานอย่างตรากตรำ!” หยู่เหวินเห้ากอดนางแน่น หากบอกว่าเมื่อคืนยังคิดจะใกล้ชิดสนิทสนมกับนางสักหน่อย ตอนนี้ล้าจนความคิดอะไรก็ไม่มีแล้ว
“ท่านบอกว่า มีข้าอยู่ แม้เหนื่อยก็ไม่รู้สึกลำบาก ข้าก็พูดเช่นนี้ รีบนอนเถอะ รีบฉวยเวลาไว้ นอนได้ครู่หนึ่งก็ครู่หนึ่ง ในตอนกลางวันก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายอะไรขึ้นอีก” หยวนชิงหลิงกล่าวเบาๆ
หยู่เหวินเห้าหลับตาลง แต่ในสมองเต็มเปี่ยมไปด้วยความสับสนพัวพันกันอุตลุด พันจนกระเพาะอาหารก็ปวดเป็นระยะๆ
เขาพยายามจัดการให้ความคิดว่างเปล่า ความเจ็บปวดช่วงท้องก็ไม่ได้ลดน้อยลง ทำได้เพียงลืมตาอีกแล้วถาม: “ข้าปวดท้อง เจ้ามียาไหม?”
หยวนชิงหลิงลุกขึ้นนั่ง เส้นผมสีดำขลับดั่งน้ำตกลื่นตกจากบนไหล่มาที่หน้าอก ยื่นมือไปกดช่วงท้องของเขาเบาๆ “ปวดหรือว่ามีลมขึ้น? เมื่อวานท่านไม่ได้กินข้าว เมื่อครู่กินไปมากขนาดนั้นในทีเดียว ท้องไส้รับไม่ไหวน่ะสิ”
“คือปวด……และมีลม โอ้ย ทรมานจะตายแล้ว!” มือสองข้างของหยู่เหวินเห้าแผ่ออก บนใบหน้าเหนื่อยล้าซีดขาวเต็มไปด้วยความจนปัญญา
หยวนชิงหลิงเปิดกระเป๋ายาทำยากระเพาะสองสามแผ่นให้เขากิน แล้วลูบช่วงอกและช่วงท้องให้เขาเบาๆ
“ดีขึ้นหน่อยหรือไม่?” ผ่านไปครู่หนึ่ง ถามเขา
“ไม่ไหว เหมือนกับเป็นตะคริวเช่นนั้น อยากอาเจียนแล้ว” หยู่เหวินเห้ายันตัวขึ้นมา สีหน้าเจ็บปวดทรมาน
“กรดไหลย้อนแล้ว!” หยวนชิงหลิงถอนหายใจ สงสารมาก ลุกจากเตียงแล้วหยิบแผ่นยาแก้ปวดคลายความเกร็ง บนโต๊ะยังวางเตาผิงมือเล็กๆให้อุ่นไว้อยู่ นางถือโอกาสคลำเล็กน้อยยังอุ่นอยู่ จึงหยิบเข้ามาให้หยู่เหวินเห้าทำความอบอุ่นช่วงท้อง
“ขณะที่ท่านรีบตื่นขึ้นมามักจะกินดื่มไม่ตรงเวลา อดจนทำให้ลำไส้ไม่ดีแล้ว หลังจากนี้หนึ่งวันสามมื้อจำเป็นต้องกินตรงเวลาในปริมาณที่กำหนด” หยวนชิงหลิงนั่งลงข้างกายของเขาลูบหน้าอกผายลมให้เขา เห็นสีหน้าเจ็บปวดจนเขียวของเขา นางอยากร้องไห้ด้วยอารมณ์ชั่ววูบ
“ได้ รอให้เสร็จเรื่องแล้ว ต้องบำรุงร่างกายดีๆ ไม่ต้องดูแลข้าแล้ว เจ้ารีบนอน” แม้ว่าหยู่เหวินเห้าจะปวด ก็ยังตัดใจทำให้ภรรยาปวดใจไม่ได้ รีบพลิกเข้ามาปลอบนางอีก
“ข้าไม่ง่วงแล้ว” หยวนชิงหลิงรวบผมขึ้นไปบนศีรษะ แล้วหมุนพันยัดไว้บนมวยหลวมๆ ผมยาวก็มีประโยชน์เช่นนี้ ไม่ต้องยืมแรงด้านนอกทำให้มั่นคง “ท่านไม่ต้องพูด ปิดตา ครู่หนึ่งก็หายแล้ว”
หยู่เหวินเห้าปิดตาลง วางมือไว้บนขาของนาง ราวกับว่าต้องสัมผัสนางจิตใจถึงจะสงบ
ความปวดนี้มาอย่างรุนแรง แม้จะกินยาแล้ว กลับยังไม่สามารถหยุดลงได้ทันที เพิ่งจะปิดตาไม่นานก็อาเจียนแล้ว เอายาที่เพิ่งกินเมื่อครู่อาเจียนออกมา ข้าวที่กินลงไปคืนนี้ก็หมดเกลี้ยงแล้ว
ด้านนอกมีคนคอยปรนนิบัติ หยวนชิงหลิงดึงประตูบอกให้คนไปต้มโจ๊ก จากนั้นตัวเองก็ทำความสะอาดพื้น
หยู่เหวินเห้าปวดจนใบหน้าซีดขาว เห็นหยวนชิงหลิงทำความสะอาดพื้น เอ่ยว่า: “เจ้าไม่ต้องทำ บอกให้พวกเขาทำก็ได้ สกปรกเพียงไหนล่ะ”
หยวนชิงหลิงกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน: “อย่าพูด ปิดตาทนหน่อย”
หยวนชิงหลิงทำความสะอาดเสร็จสรรพ เปิดหน้าต่างระบายอากาศ ให้น้ำเกลือเขาหยุดยั้งความปวดเกร็ง
ให้ยาทางเส้นโลหิตดำจะเร็วหน่อย ผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าของหยู่เหวินเห้าก็ดีขึ้นมากแล้ว หมันเอ๋อต้มโจ๊กมา หยวนชิงหลิงให้เขากินข้าวต้มสองสามคำ จากนั้นก็นอนไป
ผ่านการทรมานไปรอบใหญ่เช่นนั้น ท้องฟ้าสว่างโดยสมบูรณ์แล้ว
เดิมทีวันนี้ตอนเช้าตรู่เขาจะต้องออกไป แต่เห็นเขาเพิ่งจะได้นอน แข็งใจเรียกเขาขึ้นมาไม่ได้ จึงปล่อยให้เขานอน นอนตลอดจนถึงตอนสาย เขาก็ตื่นขึ้นมาเอง
ก่อนหลัง ก็ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม
เขาตื่นมาก็เห็นดวงตาที่อดหลับอดนอนจนแดงก่ำของหยวนชิงหลิง ลากนางเข้าอ้อมกอดด้วยความสงสาร “ลำบากเจ้าแล้ว วันนี้ไม่ต้องทำงานวุ่นวายที่ไหนแล้ว สนใจเพียงแค่นอนเท่านั้น”
“ดี วันนี้ข้าสามารถนอนได้ทั้งวัน!” หยวนชิงหลิงโน้มตัวไปจูบเขาเล็กน้อย “ยังปวดไหม?”
หยู่เหวินเห้ายื่นมือกดที่ช่วงท้อง “ไม่เป็นไรแล้ว แค่ยังมีความรู้สึกเกร็งๆนิดหน่อย”
“วันนี้อย่ากินของแข็ง กินโจ๊กสักหน่อย หมันเอ๋อต้มไว้แล้ว ก่อนท่านออกไปกินก่อนสักครึ่งถ้วย ประเดี๋ยวถึงในที่ทำการปกครองบอกให้คนต้มไว้ เว้นหนึ่งชั่วยามค่อยกินอีกครึ่งถ้วย ถ้าหากในที่ทำการปกครองไม่สะดวก…….”
หยู่เหวินเห้าจูบปากของนาง อุดกั้นคำขี้บ่นของนางไว้ สักพักหนึ่งจึงได้ปล่อยออก มองดูนางด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า: “ข้าจะดูแลตัวเอง วันนี้เรื่องอะไรเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใจแล้ว ทำแค่นอนเท่านั้น ในที่ทำการปกครองมีคนดูแลข้าโดยเฉพาะ”
พูดจบ บังคับให้หยวนชิงหลิงนอนลง สั่งให้นางปิดตาลง หยวนชิงหลิงยังคิดอยากจะกำชับสองสามประโยค เขาก็ตั้งท่าจูบลงมา นางทำได้เพียงหัวเราะและหยุดไป หลับตาลง
เมื่อหนังตาติดกัน นางถึงรู้สึกว่าตัวเองง่วงนอนสุดชีวิต หยู่เหวินเห้ายังไม่ได้ล้างหน้าล้างตา นางก็หลับไปแล้ว
หยู่เหวินเห้าแต่งตัวเรียบร้อย ยืนอยู่หน้าเตียงมองดูนางครู่หนึ่ง ถึงได้กดมุมผ้าห่มให้นางดีๆ ออกไปอย่างเงียบๆ
เขากำชับลงไป ก่อนจะถึงช่วงบ่าย ท้องฟ้าถล่มลงมาก็ห้ามรบกวนการนอนของพระชายารัชทายาท