พอเหลิ่งจิ้งเหยียนเข้าวังมาได้ไม่นาน ก็มีราชโองการ ยึดที่ดินพระราชทานของอ๋องอานกลับ แล้วแบ่งเขตแดนให้อยู่ที่จวนเจียงเป่ย โดยต้องเดินทางทันที ห้ามล่าช้าเด็ดขาด
จวนเจียงเป่ยอยู่ทางเหนือสุดของเป่ยถัง ติดกับเหยโจวของแคว้นต้าซิง อากาศหนาวเย็น คนในพื้นที่หยาบกร้าน ยากจนล้าหลัง ส่งมอบภาษีไม่ได้ทุกปี ทั้งยังต้องให้ทางการช่วยเหลืออีก
จวนเจียงเป่ยมีกองทัพอยู่ แม่ทัพที่เพิ่งย้ายไปประจำตำแหน่งก็คืออ๋องเว่ย เขานำกำลังพลสามหมื่นนายประจำอยู่ชายแดน
การกระทำนี้ของฮ่องเต้หมิงหยวน เป็นการสลายอิทธิพลของอ๋องอานที่อยู่ในเขตการปกครองเดิม ทั้งกดกลุ่มอิทธิพลในเมืองหลวงของเขา
ทว่าการกระทำนี้ก็เป็นการปกป้องชีวิตของอ๋องอานด้วย เพราะแค่หยู่เหวินเห้ากลับเมืองหลวงมา ด้วยสายใยลึกซึ้งกับหยวนชิงหลิง เขาต้องไม่ปล่อยอ๋องอานไปแน่
แน่ล่ะ นี่ถือได้ว่าเป็นการปกป้องชื่อเสียงของรัชทายาท เพราะหากพี่น้องเข่นฆ่ากัน รัชทายาทก็ต้องมีประวัติด่างพร้อย
ไม่ว่าเพื่อปกป้องรัชทายาทหรืออ๋องอาน การกระทำนี้ของฮ่องเต้หมิงหยวนก็ยากจะหลีกเลี่ยง
ทว่าอ๋องซุนกับอ๋องฉีต่างไม่ยอมรามือ สองพี่น้องพากันเข้าวังขอเข้าเฝ้า แต่ฮ่องเต้หมิงหยวนก็ไม่ยอมให้พบ ทั้งสั่งให้มู่หรูกงกงไล่ออกไป
ส่วนกู้ซือก็นำกองทหารรักษาพระองค์ไปจับตาดูอ๋องอาน ต้องให้เขาออกจากเมืองหลวงเดี๋ยวนี้
หลังจากอ๋องอานรับราชโองการแล้วก็หัวเราะคลั่ง “ทรงพระปรีชายิ่งแล้ว!”
ดวงตาของเขาเคียดแค้นโหดเหี้ยม แต่ไม่ได้แสดงออกมากับกู้ซือ เพียงแต่สั่งให้คนเก็บสัมภาระเท่านั้น
ถึงพระชายาอานยังไม่หายดี แต่เขาก็ยังดึงดันจะพานางไปด้วย
สองสามีภรรยาออกเดินทางด้วยขบวนรถม้าหลายคัน พาบ่าวไพร่ในบ้านออกจากเมืองหลวงทั้งเวลาโพล้เพล้
อ๋องอานนั่งอยู่ในรถม้า เปิดม่านออกหันไปมองประตูเมืองสายตาหนึ่ง ดวงตาเหี้ยม เขาต้องกลับมา ต้องกลับมาแน่!
หลังจากอ๋องอานไปแล้ว ตี๋เว่ยหมิงก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง คนตระกูลตี๋ถูกกรมการพระนครควบคุมตัวสอบสวน
แม้ตี๋เว่ยหมิงไม่ถูกจองจำ แต่ก็ถูกเชิญไปไต่สวนที่กรมการพระนคร
ฮ่องเต้หมิงหยวนราวกับไม่คิดสอบสวนอะไร แค่เรียกคนมาถาม สอบสวนได้ความอย่างไรก็บันทึกไว้ แต่ห้ามปล่อยคน
ตี๋กุ้ยเฟยคุกเข่าอยู่หน้าห้องทรงพระอักษร ร้องไห้อยู่นานจนเสียงแหบแห้งอ่อนกำลัง
หลายเดือนมานี้ตี๋กุ้ยเฟยสุขภาพไม่ดี คุกเข่าครึ่งชั่วยามก็โอนเอน หวงกุ้ยเฟยเห็นแล้วก็สงสาร ให้คนพยุงขึ้นมาแล้วเอ่ย “กุ้ยเฟยกลับไปเถอะ ฝ่าบาททรงกริ้วอยู่ อย่างไรก็ต้องผ่อนผันให้ตระกูลตี๋อยู่แล้ว”
ตี๋กุ้ยเฟยสะบัดมือของหวงกุ้ยเฟยออก แล้วพูดด้วยเสียงแหบแห้ง “ไม่ต้องทำเป็นสงสารหรอก ลูกข้าไม่เคยทำเรื่องอย่างนั้น”
หวงกุ้ยเฟยเอ่ย “ในเมื่อเชื่อว่าเขาไม่เคยทำ ก็น่าจะเชื่อว่าฝ่าบาทต้องสอบสวนกระจ่างแน่”
ตี๋กุ้ยเฟยทั้งเสียใจให้โกรธ ร้องไห้ตะโกนเข้าไปในห้องทรงพระอักษร “ฝ่าบาท เขาก็เป็นโอรสของพระองค์นะเพคะ นิสัยอย่างไรท่านไม่ทรงทราบหรือ? รู้ทั้งรู้ว่าพระชายารัชทายาทตั้งครรภ์ แล้วเขาจะอำมหิตทำร้ายนางได้อย่างไร? นี่ต้องถูกปรักปรำแน่!”
ไร้เสียงตอบกลับใดๆ จากห้องทรงพระอักษร กระทั่งผ่านไปครู่หนึ่งแล้ว มู่หรูกงกงถึงได้ออกมา เชิญหวงกุ้ยเฟยเข้าไปก่อน จากนั้นก็กระซิบบอกตี๋กุ้ยเฟย “ทรงกลับไปเถอะพ่ะย่ะค่ะ ที่ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้ก็เพื่อปกป้องท่านอ๋องอาน ไม่เช่นนี้หากองค์รัชทายาทกลับมาแล้วจะละเว้นท่านอ๋องหรือ?”
ตี๋กุ้ยเฟยพูดเสียงเกรี้ยว “ถือดียังไง?! ก็แค่ออกรบมาน่ะหรือ? เจ้าสี่ก็เคยทำคุณงานความดีกับแคว้น ไม่มีหลักฐานเขาจะทำอะไรได้ จะฆ่าให้ได้หรือ?”
เมื่อมู่หรูกงกงได้ยินน้ำเสียงโกรธแค้นนี้แล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เอ่ย “จะเอาชีวิตหรือไม่ กุ้ยเฟย ท่านคิดว่าอย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ?”
ตี๋กุ้ยเฟยนิ่งไปทันที จากนั้นสีหน้าก็เจือความเจ็บใจแต่ก็เก็บอาการไว้ “เขาจะไม่ฟังเหตุผลไม่ได้ เจ้าสี่ไม่ทำอย่างนี้กับพระชายารัชทายาทหรอก”
“เช่นนั้นก็รอให้พระชายารัชทายาทฟื้นขึ้นมา ทุกอย่างก็จะกระจ่างพ่ะย่ะค่ะ”
ตี๋กุ้ยเฟยวุ่นวายใจ “งั้น…งั้นถ้านางไม่ฟื้นล่ะ?”
มู่หรูกงกงมองนางด้วยสายตาเฉียบคม พูดเสียงหนัก “กุ้ยเฟย โปรดระวังคำพูดด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
ตี๋กุ้ยเฟยมองทางห้องทรงอักษรแล้วก็เงียบปาก
เมื่อหวงกุ้ยเฟยเข้าไปแล้ว ฮ่องเต้หมิงหยวนก็นั่งหน้าขรึมอยู่บนเก้าอี้มังกร ฮู่เฟยก็อยู่เป็นเพื่อนในนั้นด้วย เมื่อเห็นหวงกุ้ยเฟยเข้ามา นางก็ลุกขึ้นย่อคำนับ หวงกุ้ยเฟยรับมารยาท ทั้งสองสบตากันนิ่งๆ จากนั้นก็อดถอนใจไม่ได้
เดิมฮ่องเต้หมิงหยวนควรกลับตำหนักแล้ว แต่ถูกกุ้ยเฟยขวางไว้จึงไปไม่ได้ ดังนั้นฮู่เฟยจึงมาอยู่เป็นเพื่อน
ทว่านางพูดปลอบไม่ถนัด จึงได้แต่นั่งอยู่เป็นเพื่อนเขา
“ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้วเลยเพคะ ไม่ต้องกังวลไป พระชายารัชทายาทเป็นคนมีเมตตาจิต คนดีสวรรค์ย่อมคุ้มครอง ต้องปลอดภัยแน่เพคะ” หวงกุ้ยเฟยพูดเสียงเบา
ฮ่องเต้หมิงหยวนเงยหน้ามองนาง แล้วเอ่ยถาม “ทางจวนอ๋องฉู่เป็นยังไงบ้าง? สืบรู้มาหรือยัง?”
หวงกุ้ยเฟยตอบ “หม่อมฉันให้คนไปถามแล้วเพคะ ที่นั่นมีฮูหยินเหยาอยู่ ในจวนสงบเรียบร้อยดี”
สำหรับสภาพการณ์ของพระชายารัชทายาท นางไม่ได้พูด เพราะหมอหลวงต้องมารายงานกับฮ่องเต้แล้ว
เสียงนางเจือความแหบแห้งเล็กน้อย เนื่องจากเมื่อครู่ร้องไห้ในตำหนักแล้วถึงมา
ฮู่เฟยกล่าว “พระชายารัชทายาทประสบเคราะห์มาหลายครั้ง สุดท้ายก็ปลอดภัยมาได้ หม่อมฉันเชื่อว่าครั้งนี้ก็ต้องเหมือนกันเพคะ ฝ่าบาท ทรงอย่ากังวลไปเลยเพคะ
“ข้าไม่กังวลได้หรือ?” ฮ่องเต้หมิงหยวนหน้าเครียด ทั้งโมโหทั้งร้อนรน “ข่าวศึกก็ส่งเข้าเมืองหลวงมาแล้ว รัชทายาทกลับมาก่อน อีกไม่นานก็จะถึง ถึงตอนนั้นถ้าสภาพพระชายารัชทายาทยังไม่ดีขึ้น ด้วยนิสัยของเขา ไม่ก่อเรื่องใหญ่โตก็แปลกแล้ว”
“ถึงจะก่อเรื่องก็ก่อไม่ได้นี่เพคะ ฝ่าบาทไม่ใช่ส่งอ๋องอานไปแล้วหรือเพคะ?” หวงกุ้ยเฟยเอ่ย
ฮ่องเต้หมิงหยวนกล่าวตอบ “หากไม่ส่งไป ไม่ต้องเกิดเรื่องใหญ่หรือ? ให้เขาออกเมืองหลวงไปจวนเจียงเป่ย หนทางยาวไกล เจ้าห้าต้องไม่อยากทิ้งพระชายารัชทายาทไปตามฆ่าเขาแน่ เรื่องนี้ยังไม่กระจ่าง จะเกิดคดีความนองเลือดไม่ได้เด็ดขาด”
ฮู่เฟยอดถามขึ้นไม่ได้ “ฝ่าบาท ทรงเชื่ออ๋องอานหรือไม่เพคะ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนหน้าขรึม “จะเชื่อหรือไม่ก็ไม่เกี่ยว จะเอาผิดกับชินอ๋องก็ต้องมีหลักฐาน พระชายาหวยไม่เห็นเขาลงมือ ทั้งหมอหลวงกับแม่นมสี่ก็ตรวจพระชายารัชทายาทแล้ว นางไม่บาดเจ็บภายใน ล้มลงพื้นแม้แต่รอยฟกช้ำก็ไม่มี หมอหลวงคาดว่านางหมดสติก่อนที่จะล้ม ฉะนั้นร่างกายอ่อนเปลี้ยล้มลงพื้นแล้วจึงไม่มีรอยฟกช้ำ”
ฮู่เฟยตะลึง “ฉะนั้น ก็อาจไม่เกี่ยวกับอ๋องอานหรือเพคะ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนเงียบเฉย แต่ความกริ้วในดวงตายังคงอยู่
แต่จะไม่เกี่ยวเลยคงเป็นไปไม่ได้ ตอนที่อยู่หน้าห้องน้ำจวนอ๋องซุน เดิมก็ไม่น่าเจอกันตามลำพังง่ายๆ แต่พอได้เจอกับพระชายารัชทายาทโดยบังเอิญแล้วก็ยังไม่ไปทันทีอีก แถมยังพูดถึงอีกแผนที่ทางการทหาร ถึงจะไม่ได้ลงมือก็ต้องใช้คำพูดให้สะเทือนใจแน่
มู่หรูกงกงเข้ามาเงียบๆ กล่าวรายงานเสียงเบา “ฝ่าบาท ไท่ซ่างหวงเสด็จกลับวังแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนตกใจ “กลับมาแล้ว?”
“ถึงพระตำหนักฉินคุนแล้วพ่ะย่ะค่ะ ทรงเชิญฝ่าบาทให้ไปเข้าพบ” มู่หรูกงกงกล่าว
ฮ่องเต้หมิงหยวนลุกขึ้นทันที จัดผมเผ้า “เคลื่อนขบวน!”
เมื่อหวงกุ้ยเฟยกับฮู่เฟยเห็นดังนั้นแล้วก็ ย่อคำนับส่งเสด็จ
เมื่อฮ่องเต้หมิงหยวนมาถึงพระตำหนักฉินคุน ก็เห็นไท่ซ่างหวงนั่งอยู่ที่ม้านั่งประจำตรงหน้าระเบียงด้วยสีหน้าคร่ำเคร่ง สูบถุงยาสูบถี่ๆ เขารู้ว่าไท่ซ่างหวงเลิกสูบแล้ว แต่กลับมาสูบอีก เมื่อนั้นจึงหนักใจ “เสด็จพ่อ จะเสด็จกลับไม่บอกให้หม่อมฉันส่งคนไปรับเสด็จล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่ซ่างหวงเงยหน้าขึ้น ควันยาอบอวลอยู่ตรงหน้า แต่ก็ยังเห็นความอ่อนล้าได้ชัด เสียงเขาเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย “ไปๆ มาๆ ให้มากความ ในตำหนักข้ามียาดีอยู่ กลับมาให้คนจัดการเอาไปให้พระชายารัชทายาท”