บัลลังก์หมอยาเซียน – บทที่ 928 ทะเลสาบจิ้งปรากฏขึ้นอีกครั้ง

บทที่ 928 ทะเลสาบจิ้งปรากฏขึ้นอีกครั้ง

หยวนชิงหลิงมองไปที่เขาแวบหนึ่ง “เจ้าช่างหยาบคายนัก!”

เจ้าห้ายิ่งนับวันก็ยิ่งไม่รู้ประสาเข้าไปทุกที กล้าล้อเลียนการแต่งหน้าของผู้หญิงต่อหน้าเจ้าตัวนั่นเป็นอะไรที่ทำร้ายความภาคภูมิใจในตนเองอย่างยิ่ง

“มันดูไม่สวยจริงๆ นี่” หยู่เหวินเห้าพึมพำ “ก่อนหน้านี้ดูสดชื่นผ่อนคลาย สบายตาขนาดนั้นแท้ๆ”

“หุบปาก!” หยวนชิงหลิงเอ็ดใส่ แล้วหันไปยิ้มให้เสี้ยวหงเฉิงในเชิงขอโทษ “เจ้าสำนักเสี้ยวอย่าได้ไปโต้เถียงกับคนไม่รู้ประสาเช่นเขาเลยนะ ผู้ชายทื่อๆ พรรค์นี้ไม่รู้ว่าอะไรคือความงามนักหรอก”

“มันดูไม่สวยรึ?” เสี้ยวหงเฉิงถามหยวนชิงหลิง พลางยกมือขึ้นลูบๆ ใบหน้า

“มันก็สวยอยู่หรอก…แต่ พูดตามจริงแล้วมันไม่ค่อยเหมาะกับเจ้าเท่าไหร่ การแต่งหน้านี้ดูหนาไปหน่อย ควรจะแต่งให้บางกว่านี้อีกนิด” หลังจากที่เห็นแววตาที่ถามอย่างจริงจังมองมา หยวนชิงหลิงลังเลไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดความจริง

“ดูปลอมมาก!” หยู่เหวินเห้าจ้องหน้านาง

หยู่เหวินเห้าถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง “คนที่อยู่ในสำนักของข้าบอกว่า แบบนี้มันดูดีมากนะ”

“ อย่าไปสนใจกับเรื่องแต่งหน้าแล้วสวยหรือไม่สวยพวกนี้เลย เจ้ามาจนค่ำขนาดนี้ คงมีข่าวอะไรมาแล้วใช่หรือไม่?” หยู่เหวินเห้าถาม

เสี้ยวหงเฉินสงบจิตใจ แล้วเหลือบสายตามองไปทางหยวนชิงหลิง “เอ่อ…. ให้พระชายารัชทายาทรู้ได้ใช่หรือไม่?”

“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องราวทั้งหมดนางรู้แล้ว ” หยู่เหวินเห้าพูด

เสี้ยวหงเฉิงรู้สึกโล่งใจ “เช่นนั้นก็ดี เรื่องที่เจ้าขอให้ข้าไปสอบถามมาก่อนนี้ ได้ข่าวมาแล้ว ผู้หญิงคนนั้นชื่อชินเหริน เป็นตัวเรียกแขกของหอจุ้ยชุน เป็นสาวงามอย่างไร้ที่ติ แน่นอนว่ารัชทายาทคงเคยได้เห็นเองกับตามาแล้ว ข้าไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ละเอียดในประเด็นนี้ ไม่อย่างนั้น เจ้าคงจะไม่ขอให้ข้าส่งคนจากสำนักเหมยแดงไปสอบสวนเรื่องนี้

แต่อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่รัชทายาทไม่รู้ นั่นคือ หญิงสาวคนนี้มีเสน่ห์มาก ร่างกายของนางยืดหยุ่นอ่อนนุ่มอย่างยิ่ง นางสามารถงอขามาพาดบนบ่าของตัวเองได้ การทำท่วงท่าใดๆ ล้วนไม่มีปัญหาสำหรับนาง จึงเป็นสาเหตุให้นางได้กลายเป็นตัวเรียกแขกอันดับหนึ่งของหอจุ้ยชุน ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าหรือขุนนางใหญ่ ลูกหลานของตระกูลขุนนาง แม้แต่สมาชิกในราชวงศ์ เช่นรัชทายาทพระองค์ท่านเป็นต้น ต่างก็ฝันใฝ่อยากไปหานางสักครั้ง พร้อมจะหอบทองพันตำลึงไปประเคนให้ เพื่อจะได้ใช้เวลาร่วมกันกับนางเลยทีเดียว ”

หลังจากเสี้ยวหงเฉิงพูดจบ นางก็มองไปที่หยวนชิงหลิงด้วยความชื่นชม: “ผู้ชายคนนี้ ข้าไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับธรรมชาติเรื่องมองคนสวยคนงามของเขา เขาอาจไม่ชอบความงามราวบุพผาแรกแย้ม แต่ถ้าพูดถึงรูปร่างที่ยืดหยุ่นนุ่มนวลของหญิงสาว เขากลับรู้สึกตื่นเต้นสนใจขึ้นมาได้ แต่คาดไม่ถึงจริงๆ นะว่าพระชายารัชทายาทจะให้ความยินยอมแก่สามีถึงขนาดนี้ มันช่าง…..”

เสี้ยวหงเฉิงได้รับคำเตือนจากสายตาอันเย็นชาของหยู่เหวินเห้า จึงลังเลไปครู่หนึ่งแล้วหยุดพูด แต่เมื่อครู่นี้ไม่ใช่บอกว่า เรื่องนี้สามารถพูดให้พระชายารัชทายาทฟังได้หรอกรึ?

สิ่งที่หยู่เหวินเห้ากลัวที่สุดคือบรรยากาศที่จู่ๆ ก็เงียบสงัดลงไปทันทีเช่นนี้ หยวนชิงหลิงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ ใช้มือทั้งสองข้างลูบๆ หน้าท้องตัวเอง ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ออกมาให้เห็น

เขาถูมือพลางมองหยวนชิงหลิงอย่างเก้อกระดากใจ “พูดไปเจ้าอาจจะไม่เชื่อ แต่จริงๆ แล้วข้าไปสืบข่าวของทางราชการเลยต้องไปสืบหาข้อมูลเท่านั้นเอง”

หยวนชิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองเขา ริมฝีปากยกโค้งเป็นรอยยิ้มจางๆ “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะไม่เชื่อ? ข้าเคยไม่เชื่อในสิ่งที่เจ้าพูดในอดีตหรือไม่ล่ะ?”

“จริงด้วย เรื่องนี้มีอะไรที่พูดไม่ได้ล่ะ? มันล้วนเป็นเรื่องของทางราชการ สิ่งที่รัชทายาทบอกข้าในเวลานั้น ก็บอกว่าเป็นเรื่องของทางราชการนี่ล่ะ!” เสี้ยวหงเฉิงรีบละล่ำละลักพูดเพื่อชดเชยความผิด แต่กลับรู้สึกว่ายิ่งอยากปกปิดซ่อนเร้นเท่าไหร่ ก็กลายเป็นเปิดเผยให้โลกรู้มากกว่าเดิม

หยู่เหวินเห้าหันไปส่งสายตาเหี้ยมๆ ใส่เสี้ยวหงเฉิงแวบหนึ่ง ยัยผู้หญิงปากมากเอ๊ย!

หยวนชิงหลิงกลับเพิกเฉยต่อหัวข้อนี้ แค่ถามเสี้ยวหงเฉิงว่า “ไม่ทราบว่ามีข่าวจากทางหนานเจียงกับหงเย่บ้างหรือไม่?”

เสี้ยวหงเฉิงแทบอดใจไม่ไหว อยากจะเปลี่ยนหัวข้อซักที “มี มี! วันนี้ที่มาก็เพราะมีข่าวนี้ที่จะมาบอกนี่ล่ะ หงเย่ไปที่ซีโจวแล้ว”

“ซีโจว?” หยู่เหวินเห้าแอบตกใจ “ไปทำอะไรที่ซีโจว?”

“ ไปเขาหมื่นพุทธ ไปเยี่ยมชมเขาหมื่นพุทธกับทะเลสาบจิ้ง! ” เสี้ยวหงเฉิงพูดไปก็แอบ สงสัยไปด้วย “ไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรที่เขาหมื่นพุทธกันนะ?”

หยู่เหวินเห้ากับหยวนชิงหลิงหันมองหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาดูหนักใจขึ้นมาเล็กน้อย พวกเขาพูดขึ้นมาพร้อมกันว่า: “เขาไปที่ทะเลสาบจิ้งรึ?”

เสี้ยวหงเฉิงตอบว่า “ใช่ ตอนนี้ก็ยังอยู่ที่เขาหมื่นพุทธ สนทนากับนักพรตยู่ซวีเรื่องพระคัมภีร์และลัทธิเต๋า นอกจากนี้ เขายังถามหาปรมาจารย์อา แล้วพูดคุยกับท่านในเรือนตลอดทั้งคืนด้วย จนเช้าวันรุ่งขึ้นถึงค่อยออกไป”

ใบหน้าของหยวนชิงหลิงเปลี่ยนเป็นขาวซีด หันหน้าไปมองหยู่เหวินเห้าอย่างรวดเร็ว

หยู่เหวินเห้าก็ตกใจไปเฮือกหนึ่ง รีบพูดขึ้นว่า: “จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? พวกเราเคยไปที่เขาหมื่นพุทธมาก่อน ยังเคยพบนักพรตยู่ซวีผู้นั้นด้วย ปรมาจารย์อาของเขาเสียสติจนกระโดดลงไปในทะเลสาบจิ้งเมื่อหลายปีก่อน จนจมน้ำตายไปแล้ว หงเย่คุยกับผีหรืออย่างไรกัน ?”

“ไม่นะ” เสี้ยวหงเฉิงตกตะลึงไปเล็กน้อย “หรือว่าจะสืบข้อมูลมาผิดพลาดแล้ว มิน่าล่ะ คนที่มารายงานถึงบอกว่าปรมาจารย์อาผู้นั้นดูอ่อนวัยกว่านักพรตยู่ซวีอยู่บ้าง บางทีข้อมูลอาจจะผิดได้ แต่คนของข้าได้ยินนักพรตยู่ซวีเรียกเขาว่าปรมาจารย์อาจริงๆ นะ ลูกศิษย์น่ะสามารถรับเข้ามาภายหลังได้ แต่ปรมาจารย์อาน่ะ ไม่น่าจะจำกันผิดได้หรอกกระมัง? เป็นไปได้หรือไม่ว่ายู่ซวีจะเปลี่ยนไปเป็นศิษย์สำนักอื่นแล้ว?”

“ไปสืบมาอีกครั้ง!” หยวนชิงหลิงคว้าที่พนักวางแขนของเก้าอี้ แสดงท่าทีว่ารู้สึกเคร่งเครียดมาก

เสี้ยวหงเฉินมองไปที่ใบหน้าของนาง “พระชายารัชทายาท ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่ ? สีหน้าของท่านดูไม่ดีเอามากๆ เลยนะ”

หยวนชิงหลิงกดที่หน้าอกของตัวเอง “ท้องใหญ่มากแล้ว หายใจลำบากนิดหน่อยน่ะ”

“โอ้!” เสี้ยวหงเฉิงมองนางอย่างเห็นอกเห็นใจ หันไปบ่นกับหยู่เหวินเห้าอีกครั้ง: “ตอนนี้พระชายารัชทายาทกำลังตั้งครรภ์ลูกของเจ้าอยู่นะ เจ้าก็อย่าออกไปหาพวกนางโลมนักเรียกแขกอันดับต้นๆ ที่ไหนอีกเลย รู้จักอยู่จวนเป็นเพื่อนนางเสียบ้าง”

“หุบปากสักทีเถอะน่า!” หยู่เหวินเห้าพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ ก็บอกแล้วอย่างไรล่ะว่ามันเป็นเรื่องงาน เป็นเรื่องงาน เจ้าไม่มีหูหรืออย่างไร?”

เสี้ยวหงเฉิงกดมือของเขาลง “ได้ๆ ข้าไม่พูดแล้ว ดึกขนาดนี้แล้วข้าไม่รบกวนดีกว่า ขอตัวล่ะ”

นางยืนขึ้นพลางประสานมือ เดินออกไปจนถึงประตู จู่ๆ ก็หันกลับมามองหยวนชิงหลิง “การแต่งหน้าแบบนี้ของข้า…มันไม่ดีจริงๆน่ะรึ?”

หยวนชิงหลิงตอบอย่างไม่ใส่ใจนักว่า “มันเข้มไปหน่อย ถ้าแต่งให้บางกว่านี้ได้จะเหมาะกว่า”

“ถ้าอย่างนั้น… ไม่ทราบว่าพระชายารัชทายาท พอจะให้ข้ายืมใช้โต๊ะเครื่องแป้งสักหน่อยได้หรือไม่? ข้าอยากแต่งหน้าใหม่อีกครั้ง”

“ดึกขนาดนี้แล้ว ยังจะแต่งหน้าไปทำอะไรอีกล่ะ? ” หยู่เหวินเห้ารีบออกมาขับไล่ไสส่งคนออกไป “รีบไปๆๆ”

เสี้ยวหงเฉิงพูดขึ้นว่า: “หลังจากนี้ข้ายังต้องไปพบคนคนหนึ่งอยู่!”

“ ดึกขนาดนี้แล้ว เจ้ายังจะไปพบใคร ? ทั้งยังแต่งตัวเสียหรูหราเช่นนี้ ” หยู่เหวินเห้าหรี่ตาลงพลางถามด้วยความสงสัย

“เกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วยล่ะ จะถามมากมายขนาดนี้ไปทำไม? แค่ยืมโต๊ะเครื่องแป้งกับแป้งใช้หน่อย เจ้าก็ไม่ได้ขาดทุนอะไรนี่!” เสี้ยวหงเฉิงจ้องมองเขาตาเขม็ง

หยู่เหวินเห้าเดินเข้าไปจ้องนางตอบ “เจ้าอย่าถูกหลอกง่ายๆ เลยน่า ผู้หญิงอายุขนาดนี้แล้วยังแต่งไม่ออกมักจะถูกหลอกได้ง่าย ต่อให้คนที่เจ้าชอบไม่เล่นด้วย เจ้าก็ไม่ควรจะสุ่มสี่สุ่มห้าคว้าใครที่ไหนก็ได้มาทำพันธุ์หรอกนะ”

“เจ้าห้า พูดจาเหลวไหลอะไรของเจ้ากัน?” หยวนชิงหลิงเพิ่งจะหลุดออกจากภวังค์ ได้ยินเขาพูดคำพูดร้ายกาจแบบนั้น จึงรีบหยุดปากเขาไว้ทันที

เสี้ยวหงเฉิงสีหน้าเย็นเยียบ จ้องมองเขาครู่หนึ่ง ก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป “ช่างมันเถอะ!”

เมื่อมองเงาด้านหลังที่เดินจากไปด้วยความเดือดดาลของเสี้ยวหงเฉิง หยวนชิงหลิงจึงตีไปที่แขนของหยู่เหวินเห้าครั้งหนึ่ง พูดอย่างโกรธเคืองว่า: “ทำไมเจ้าถึงต้องพูดแบบนั้นกับนาง?”

“เพื่อประโยชน์ของตัวนางเอง แค่กลัวว่านางจะถูกหลอก” หยู่เหวินเห้าตอบ

“ เจ้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางจะไปพบใคร พูดได้อย่างไรว่านางจะถูกหลอก ? มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้หญิงจะก้าวเท้าขึ้นไปอีกขั้น เจ้าอย่าได้โจมตีนางด้วยคำพูดอะไรแบบนี้อีกเป็นอันขาด”

เมื่อเห็นท่าทางบูดบึ้งของนาง หยู่เหวินเห้าก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก รีบกล่อมนางว่า: “ได้ ข้ารู้แล้ว วันพรุ่งนี้ถ้าได้พบนาง ข้าจะพูดกับนางอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ดีหรือไม่?”

“เรื่องของความรู้สึก ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เจ้าจะเข้าไปจัดการเองได้โดยไม่ถามไถ่” หยวนชิงหลิงกลอกตา “ไม่ใช่ว่าข้าจะห้ามไม่ให้เจ้าสนใจเรื่องของเพื่อนๆ ของเจ้าหรอกนะ แต่เจ้าไม่เข้าใจหัวอกของผู้หญิง ก็ไม่สมควรแสดงความคิดเห็นของตัวเอง แบบที่คิดเองเออเองฝ่ายเดียวชุ่ยๆ”

“ข้าเข้าใจหัวอกผู้หญิงนะ!” หยู่เหวินเห้าช่วยพยุงนางออกไป

“จริงรึ? ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้ข้ากำลังคิดอะไรอยู่?” หยวนชิงหลิงผละออกจากมือของเขา

หยู่เหวินเห้าถึงกับชะงักค้างไปชั่วขณะ “มันเป็นเรื่องของทางราชการจริงๆ!”

บัลลังก์หมอยาเซียน

บัลลังก์หมอยาเซียน

Status: Ongoing

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: “เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง”หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: “ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น”อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: “เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่” หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: “ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท