บัลลังก์หมอยาเซียน – บทที่ 1101 หรงเยว่โกรธจะแย่แล้ว

บทที่ 1101 หรงเยว่โกรธจะแย่แล้ว

หยู่เหวินเห้าก็ถามขึ้นว่า “ตอนนี้พวกเราแทบจะสามารถมั่นใจได้แล้วว่า ทังหยางคือคนที่สมองเสื่อมคนนั้น เจ้ารู้ไหมว่าทำไมเขาถึงเป็นเช่นนี้?”

หงเย่ละสายตา พร้อมพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “เป็นเพราะฤทธิ์ยาที่กินลงไป เจ้าเห็นเขาสมองเสื่อม แต่หากเมื่อถามถึงเรื่องเกี่ยวกับตัวของเขา เขาล้วนสามารถตอบได้ เขาสามารถตอบได้เพียงเท่านี้ เป็นวิธีการอย่างหนึ่ง ที่บีบบังคับให้เขาสารภาพ คล้ายกับน้ำจื่อจินของพวกเจ้า เอาเขามาสร้างเป็นตัวทังหยางปลอม ที่ที่สามารถจะลอกเลียนแบบได้ ล้วนลอกเลียนแบบให้ได้มากที่สุด บาดแผล รอยแผลเป็นบนร่างกาย หากลอกเลียนแบบไม่ได้ ก็ใช้วิธีการทุบตีทรมานในเวลาต่อมาเพื่อปกปิด นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขามีรอยแผลเป็นเต็มตัว”

หยู่เหวินเห้าอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ลงมือได้โหดเหี้ยมจริงๆ งั้นมียาถอนพิษไหม?”

หงเย่ส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้อง พักผ่อนไม่กี่วันก็ดีขึ้นแล้ว เมื่อหมดฤทธิ์ยาแล้ว ก็จะเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่อาจจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ไม่ค่อยได้”

หยู่เหวินเห้าค่อยวางใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “จำไม่ได้ก็ดี มันไม่ใช่ความทรงจำที่ดีอะไร”

หงเย่เอียงหน้ามองดูเขา พร้อมอมยิ้มพูดขึ้นว่า “กำลังคิดว่า การกระทำของพวกเขาไม่ได้น่ากลัวใช่ไหม? พวกเจ้าสามารถช่วยคนออกมาได้อย่างง่ายดาย”

หยู่เหวินเห้าเอามือทั้งคู่ค้ำไว้ด้านหลัง พร้อมพูดขึ้นว่า “สำหรับหงเล่ จะดูถูกศัตรูได้อย่างไร?”

หงเย่พูดขึ้นว่า “เมื่อเจ้าคิดว่า ที่จริงเขาเป็นคนที่รับมือง่ายมากนั้น เจ้าก็แพ้แล้ว”

แต่หงเย่ กลับหันมามองเขาในทันที พร้อมพูดขึ้นว่า “แต่เขาเผชิญกับเจ้า เขาดูถูกศัตรูอย่างแน่นอน เขาดูถูกเจ้า ดังนั้นเขาจะพ่ายแพ้อยู่ในกำมือของเจ้า”

ช่องว่างระหว่างต้นไม้ภายในสวน มีแสงสาดส่องอย่างพร่าเลือน สาดส่องดวงตาหงเย่เหมือนดั่งแสงหิ่งห้อย ดูเหมือนเขาจะดีใจ แต่ก็ดูเหมือนโกรธมาก บางที ตัวเขาเองก็อาจจะไม่รู้ว่าในใจที่แท้จริงของตนเองคิดอย่างไร

“พวกเราสามารถที่จะเป็นเพื่อนกันได้” หงเย่พูดขึ้น

หยู่เหวินเห้าหัวเราะขึ้นมาอย่างอ่อนล้า พร้อมพูดขึ้นว่า “ตอนนี้ ข้าหวังเพียงที่จะมีเพื่อนเยอะขึ้น มีศัตรูน้อยลง ขอเพียงเจ้าไม่รักชอบเจ้าหยวน ข้ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นเพื่อนกับเจ้า”

หงเย่กลับพูดว่า “ไม่พูดว่ารักชอบ แต่มีความรู้สึกที่ดี ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าต่อไปจะแย่งชิงกับเจ้า แต่ตอนนี้ศัตรูกำลังจะถึงตรงหน้าแล้ว และด้วยกำลังของข้าในตอนนี้ อยากที่จะล้มเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นข้าต้องร่วมมือกับเจ้า แต่พูดจริงๆแล้ว เจ้าต้องการข้า มากกว่าที่ข้าต้องการเจ้า ไม่งั้น ข้ายังสามารถลอบสังหารเขา แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการ สิ่งที่ข้าต้องการ ไม่เพียงแค่ให้เขาตาย”

ความเกลียดชังที่จำฝังใจนั้น พูดออกมาอย่าสงบจิตสงบใจ กลับยังคงทำให้สะเทือนใจ

หยู่เหวินเห้าเตะเขาหนึ่งที พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้ายังรักชอบภรรยาคนอื่นเช่นนี้หรือ?”

หงเย่หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้รักชอบภรรยาของคนทุกคน”

หยู่เหวินเห้ามองดูเขา พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดจริงหรือเท็จ? เจ้ารักชอบเจ้าหยวนของข้าจริงหรือ?”

“ทำไมถึงจะเป็นจริงไม่ได้? นางไม่มีเสน่ห์ขนาดนี้เลยหรือ?” หงเย่ถามกลับ

หยู่เหวินเห้าพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่อยู่แล้ว คนที่ชอบนางมีเยอะแยะ แต่ไม่มีใครกล้าพูดต่อหน้าข้า”

“ให้เกียรติเกินไปแล้ว” หยวนชิงหลิงเดินออกมาจากข้างใน พวกเขาคุยกันอยู่ที่ระเบียง นางช่วยตรวจอาการให้กับทังหยางอยู่ข้างใน ได้ยินหมดทุกอย่าง เริ่มแรกก็ไม่สนใจ แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ ก็อดทนไม่ไหว เดินออกมา พร้อมพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ

หยู่เหวินเห้ารู้ว่าทังหยางไม่เป็นอะไรมาก ในใจค่อยโล่งอก หันกลับมามองเห็นหยวนชิงหลิงหน้าแดงระเรื่อ ในใจหวั่นไหว มือข้างหนึ่งดึงนางมา ให้นางนั่งอยู่ด้านข้างตน พร้อมพูดเตือนขึ้นว่า “ต่อไป เวลาเห็นเขาต้องหลบ ไม่ต้องพูดอะไรกับเขามาก คนคนนี้ไว้ใจไม่ได้”

หงเย่ลุกขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน มองดูหยู่เหวินเห้าแวบหนึ่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าต้องเจอกับกีดกันบ้าง ต้องมีคู่แข่ง ขอเพียงรู้ว่าไม่ได้มาง่ายๆ ถึงจะรู้จักเห็นคุณค่าของนางจริงๆ”

พูดเสร็จ แล้วเขาก็เดินจากไป

หยู่เหวินเห้าโกรธจัด ยังต้องกีดกัน? ตลอดทางที่เดินมานี้ การกีดกันยังน้อยหรือ?

“เขาไม่มีทางชอบข้า อย่างน้อยก็ไม่ใช่การชอบแบบระหว่างชายหญิง” หยวนชิงหลิงพูดขึ้น

หยู่เหวินเห้ากลับไม่คิดเช่นนี้ สายตาของผู้ชายคนหนึ่งมองผู้หญิงคนหนึ่ง ที่จริงสามารถมองออกได้หลายอย่างมาก ตอนที่หงเย่มองเจ้าหยวน สายตายนั่นซับซ้อนอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ทุกอย่าง ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

หยู่เหวินเห้าไม่สนใจว่าภายในจวนมีคนเดินไปมา โอบกอดนางแนบอก เขาจะต้องหาเวลาว่างหนึ่งวันที่ไม่ต้องทำอะไรเลย กอดนางไว้แบบนี้ตลอด กอดตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนพระอาทิตย์ตกดิน

คิดไม่ถึงเลย แม้แต่วันที่จะได้อยู่ด้วยกันเช่นนี้ ก็กลายเป็นความฝันไปแล้ว

หรงเยว่กลับมาอย่างโกรธโมโห หลังจากที่นางตามหาเจอฮุ่ยเทียน และก็ตามหาเจอฮูหยินเหยา ปรากฏว่าพวกเขาล้วนกลับจวนแล้ว กลับไม่มีใครบอกนาง นางตามหาทั่วทุกทิศเหมือนอย่างคนบ้า

“ครั้งนี้ท่านชายสี่ทำเกินไปแล้ว” หรงเยว่นั่งลง ไม่สนใจว่าหยู่เหวินเห้าที่กำลังกอดหยวนชิงหลิงไว้ โกรธโมโหจนคิ้วชนกันขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “ข้ารู้มาจากปากสหายว่า เขารู้แต่แรกแล้วว่าตัวฮูหยินเหยาปลอดภัยแล้ว กลับตั้งใจที่จะไม่บอกข้า”

หยู่เหวินเห้าก็รู้ แต่เห็นหรงเยว่โกรธขนาดนี้ จึงพูดขึ้นว่า “ครั้งนี้ ท่านชายสี่ทำเกินไปจริงๆ”

หรงเยว่พูดขึ้นอย่างทั้งโกรธทั้งเสียใจว่า “สำนักเหลิ่งหลังไม่น่าเชื่อถือแล้ว ไม่มีความเข้าใจกันเหมือนเดิมอีกแล้ว”

พูดอยู่เช่นนี้ แล้วก็คิดถึงเรื่องฮูหยินเหยาขึ้นมาในทันใด จึงพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “ฮูหยินเหยาบอกว่ากลับไปอยู่ที่จวนแล้ว ฮุ่ยเทียนช่วยชีวิตนางไว้ เจ้าวางใจได้”

หยวนชิงหลิงวางใจมาก นางเป็นคนใช้ให้อะซี่ไปหาฮุ่ยเทียนเอง และก็รู้ว่าฮุ่ยเทียนจะสามารถช่วยฮูหยินเหยากลับมาได้แน่นอน แต่เห็นหรงเยว่เหมือนจะไม่รู้เลย ก็ขี้เกียจที่จะพูด

สวีอีรับผิดชอบไต่สวน แต่นอกจากฮูหยินทัง คนที่เหลือตอนที่เพิ่งเริ่มไต่สวนได้ไม่นาน ก็ตายกันทั้งหมด

หมอหลวงเฉาไปตรวจสอบดูแล้วพบว่าพวกเขาล้วนตายเพราะยาพิษ ในร่างกายพวกเขามียาพิษซ่อนไว้ เพียงแค่ใช้พลังจิต ก็สามารถกระตุ้นยาพิษให้ออกฤทธิ์จนเสียชีวิต

ฮูหยินทังไม่ได้มีอาการถูกพิษ แต่สวีอีก็ไม่ได้ใช้วิธีทรมานนาง รอให้หลังจากใต้เท้าทังฟื้นขึ้นมา แล้วจัดการด้วยตนเอง ฉะนั้นจึงเพียงกักขังนางไว้ ไม่ได้จัดการอย่างอื่นแต่อย่างใด

ส่วนตัวปลอมที่ถูกตัดลิ้นบาดเจ็บสาหัส หลังจากถูกเปิดเผยแล้ว ก็ถอนหายใจอย่างไม่พูดไม่จา สายตาเต็มไปด้วยความเสียใจและหวาดกลัว ร้องอู้อี้อยู่หลายที เหมือนกำลังร้องขอชีวิต

สวีอีเคยตรวจดูแล้ว เส้นเอ็นมือเท้าของเขาล้วนถูกตัดขาดแล้ว นั่นก็หมายความว่า ต่อให้ขับไล่ออกไป เขาก็ไม่มีทางที่จะเอาชีวิตรอดได้

วิธีทรมานถึงขนาดนี้ เป็นฝีมือของหงเล่จริงๆ

ตอนนี้กำจัดได้เพียงอย่างเดียว สำนักงานใหญ่ในเมืองหลวงยังไม่ถูกทำลาย พวกเขามีคนมากเท่าไหร่อยู่ในเมืองหลวง ยังคงเป็นตัวเลขที่ไม่สามารถคาดคะเนได้

หยู่เหวินเห้ากลับไปยังกรมการพระนครแล้วเริ่มลงมือจัดการ โดยเริ่มจากขุนนางที่ซุนฉวนหวู่ได้พบ ขุนนางพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นคนที่หยู่เหวินจุนแนะนำให้เขารู้จักในตอนแรก คนพวกนี้ทรยศหรือไม่ จนถึงตอนนี้ หยู่เหวินเห้าสั่งคน ไปสืบบัญชีใช้จ่ายของขุนนางพวกนี้ หรือจำนวนเงินที่ฝากในร้านแลกเงิน หากพบความผิดปกติ ให้รีบกลับมารายงาน

เงินที่ซุนฉวนหวู่เอาไปจากฉู่หมิงหยาง เขาคาดการณ์ว่าน่าจะเอามาเพื่อจ่ายให้กับขุนนางพวกนี้

หลังจากสำนักเหมยแดงจับตัวคนทรยศได้แล้ว ก็ประกาศสลายสำนัก เสี้ยวหงเฉิงท้อแท้หมดกำลังใจ นางคิดไม่ถึงเลยว่า คนที่ติดตามนางมาตลอดหลายปีขนาดนี้ กลับทรยศนางในสถานการณ์เช่นนี้ เกือบที่จะทำให้องค์ชายรัชทายาทเสียชีวิตในเมืองหยุนฝู

ไม่ว่ายังไงนางก็รับเรื่องนี้ไม่ได้ ดังนั้น จึงตัดสินใจสลายสำนักเหมยแดง

บัลลังก์หมอยาเซียน

บัลลังก์หมอยาเซียน

Status: Ongoing

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: “เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง”หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: “ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น”อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: “เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่” หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: “ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท