บัลลังก์หมอยาเซียน – บทที่ 1138 สืบ

บทที่ 1138 สืบ

สวีอีไปเชิญแม่ทัพหลู่หม่างมาทั้งคืน เพราะแม่ทัพหลู่หม่างยังอยู่ในค่ายทหาร การไปมา ถึงแม้จะขี่ม้าไปยังรวดเร็ว แต่ตอนที่สวีอีกับแม่ทัพหลู่หม่างมาถึงจวน ก็ใกล้สว่างแล้ว

ปีนั้นตอนที่หยู่เหวินเห้าไปสออกรบครั้งแรก แม่ทัพหลู่หม่างก็อยู่ด้วย สถานการณ์ในตอนนั้นเขาก็จำได้ เพราะทหารคนนั้นเขารับผิดชอบไล่ออกจากค่ายทหาร

“คนที่องค์ชายรัชทายาทพูดถึงจะต้องเป็นจ้าวหงฟ่าง วันนั้นรวมตัวทหาร คืนก่อนเขากลับไปดื่มกลับมาอย่างหนัก เช้าวันรุ่งขึ้นตอนที่รวมตัวทหารเขาก็ยังไม่สร่างจากเมา พูดจาเลอะเลือนในขณะที่รวมตัวทหาร ส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจทหาร หลังจากถูกโบยสามสิบที กระหม่อมเป็นคนคุมตัวเขาออกไป อ๋องอานยังมีคำสั่ง หลังจากส่งออกไปแล้ว ให้ขังไว้ในกรมการพระนครก่อน หากศึกในครั้งนี้พ่ายแพ้ ก็จะฆ่าเขา หากศึกครั้งนี้ชนะกลับมาอย่างปลอดภัย ค่อยให้อภัยเขา”

หยู่เหวินเห้าถามขึ้นว่า “ต่อมาคนคนนี้ไปที่ไหนแล้ว?”

แม่ทัพหลู่หม่างพูดขึ้นว่า “ครั้งนี้พวกเรารบชนะกลับมา อ๋องอานไปเยาะเย้ยเขาในคุก แล้วค่อยปล่อยตัวเขาไป ส่วนต่อมาไปอยู่ที่ไหน กระหม่อมก็ไม่รู้ แต่คิดว่าก็คงไม่ประสบความสำเร็จอะไร เพราะยังไงก็กระทำผิดกฎทหารและยังล่วงเกินอ๋องอาน ใครจะกล้ารับเขาไว้ใช้งาน?”

หยู่เหวินเห้าคิดว่าคนคนนี้เคยเป็นหัวหน้าในค่ายทหาร แนวการฝึกรบของทหารเป่ยถังเป็นอย่างดี หากตอนที่ตกอับมีคนช่วยเหลือ ก็เป็นไปได้ที่จะกลายเป็นสายลับของหงเล่

เขาเป็นคนรักพาตัวพี่สะใภ้สี่กับอานจือหรือ?

สายตาเขาสั่นไหว พร้อมพูดขึ้นว่า “หลู่หม่าง เจ้าไปหาอ๋องฉีที่กรมการพระนคร แอบไปสืบดูทะเบียนราษฎร ดูว่าตอนนี้จ้าวหงฟ่างอยู่ที่ไหน ถึงแม้เขาอาจจะไม่อยู่ในสถานที่เดิม แต่ก็เริ่มสืบจากตรงนี้ก่อน หากสืบไม่ได้ความอะไร เจ้าไปสืบแทนข้าอย่างลับๆ จำไว้ จะต้องกระทำอย่างเป็นความลับ ห้ามแหวกหญ้าให้งูตื่น”

“ขอรับ กรหม่อมรู้แล้ว” หลู่หม่างพูดขึ้น

“สวีอี เวลาก็เช้าพอสมควรแล้ว ข้าจะเข้าวังไปปรึกษางานราชการก่อน เจ้าไปนอนก่อน รอข้าออกมาจากวังแล้ว เจ้าค่อยไปจวนอ๋องอานกับข้า” หยู่เหวินเห้าพูดขึ้น

“ไม่ง่วง….”

“ไปนอน” หยู่เหวินเห้าเบิกตาโตมองดูเขา มีเขาหน้าบวมจมูกเขียว ก็ถอนหายใจพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องไปหาเรื่องทังหยางแล้ว เขาอยากพูดอะไรก็ให้เขาพูดไป ไม่เกี่ยวอะไรกับจวนอ๋อง”

สายตาสวีอีโศกเศร้า พร้อมพูดขึ้นว่า “กระหม่อมแค่รู้สึกเสียดาย”

“เขาไม่รู้สึกเสียดาย เจ้ารู้สึกเสียดายแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ไปเถอะ” หลังจากหยู่เหวินเห้าไล่ทั้งสองคนไปแล้ว ก็กลับไปเปลี่ยนชุดราชการในห้อง ให้หยวนชิงหลิงไปหาหรงเยว่ด้วยตนเอง เล่าเรื่องทั้งหมดให้นางฟัง ให้นางคิดหาหนทางไปตามหาบนเขารอบๆ ห้ามทิ้งร่องรอย หยวนชิงหลิงรู้ว่าเป็นเรื่องใหญ่ ช่วยเขาสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เขาก็ขี่ม้าไปอย่างไม่หยุดพัก

หยวนชิงหลิงก็เปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปหาหรงเยว่ หรงเยว่ไม่พูดมาก ออกเดินทางไปทันที

หยู่เหวินเห้าจัดการงานราชการเสร็จแล้ว ก็รีบพาคนไปยังจวนอ๋องอาน องครักษ์ลับผีเข้าไปด้วย คนที่เจอตลอดทาง ล้วนไม่ใช่คนที่คอยรับใช้อยู่ในจวนคนเดิม อ๋องอานนั่งอยู่ในห้องโถง คนที่พาไปด้วยเมื่อคืนคนนั้นก็คอยติดตามอยู่ข้างกาย ยืนก้มหน้าไว้ มองไม่เห็นสีหน้าท่าทาง

อ๋องอานมองดูเขาเดินเข้ามาอย่างเหม่อลอย ไม่พูดไม่จา สายตาเยือกเย็น

หยู่เหวินเห้าเข้าประตูมาแล้วก็หัวเราะเยาะ พร้อมพูดขึ้นว่า “เมื่อคืนพี่สี่ไปที่จวนของข้า พูดจาพวกนี้ ข้าไม่เข้าใจจริงๆ วันนี้เวลานี้ พี่สี่มีความสามารถอะไรที่จะมาแย่งชิงกับข้า?”

อ๋องอานค่อยๆฉีกยิ้มที่มุมปาก พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ? หากเจ้าไม่กลัว วันนี้ทำไมถึงมาหาถึงที่?”

หยู่เหวินเห้ามองดูเขา หัวเราะเสียงเบาพร้อมพูดขึ้นว่า “กลัว? หากที่ผ่านมาข้ายังเกรงกลัวเจ้าอยู่ แต่ตอนนี้ขุนนางทั่วราชสำนัก ใครสนับสนุนเจ้า? เจ้าคิดว่าอาศัยชื่อเสียงจากการที่จะบริจาคยา แล้วจะสามารถต่อกรกับข้าได้หรือ ตั้งเป็นความฝันลมๆแล้งๆ”

“งั้นเจ้าก็คอยดู” ความน่าเกรงขามของอ๋องอานสู้เมื่อคืนไม่ได้ ฟังดูแล้วก็ค่อนข้างโศกเศร้า

หยู่เหวินเห้ายิ้มเยาะ สายตาแฝงไปด้วยอารมณ์โกรธ พร้อมพูดขึ้นว่า “ที่ผ่านมาเจ้าคอยทำร้ายข้าอยู่ตลอด ข้าล้วนไม่ถือสาเจ้า กระทั่งเกิดเรื่องกับพี่สะใภ้สี่ เจ้าหยวนก็มาช่วยเหลือหลายครั้ง ข้าอยากที่จะถามพี่สะใภ้สี่ ละอายต่อความหวังดีที่เจ้าหยวนอุตส่าห์มาช่วยเหลือไหม”

เขาพูด พร้อมกับหันไปตะโกนหาคนที่อยู่ข้างนอกว่า “ใครก็ได้ ไปเชิญพระชายาอานมา”

“พี่สะใภ้สี่ของเจ้าไม่อยู่” อ๋องอานพูดขึ้นอย่างเย็นชา

“ไม่อยู่? หลบหน้าก็ได้หรือ? ข้าจะไปหานางด้วยตนเอง” หยู่เหวินเห้าพูดเสร็จ แล้วก็ก้าวเท้ายาวๆเดินออกไป

อ๋องอานร้อนใจ พูดขึ้นด้วยเสียงโมโหว่า “เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้”

หยู่เหวินเห้าฟังเขาเสียที่ไหน? กลับยิ่งเร่งฝีเท้า อ๋องอานรีบลุกขึ้นไล่ตามออกมา ใช้วิชาตัวเบากระโดดมาอยู่ตรงหน้าหยู่เหวินเห้า คนที่อยู่ข้างกายเขาตลอดก็รีบเร่งฝีเท้าเดินมา ขวางอยู่ด้านหลังหยู่เหวินเห้า

หยู่เหวินเห้ายกเท้าเตะไปหาอ๋องอาน ปากก็พูดขึ้นว่า “เจ้าคนเนรคุณ ข้าไม่ควรที่จะพูดขอร้องให้กับเจ้าตั้งแต่ตอนนั้น ให้เสด็จพ่อส่งเจ้าไปอยู่ที่จวนเจียงเป่ย ไม่ต้องได้กลับมาตลอดชีวิต จะทำร้ายข้าหลายครั้ง ข้ามักจะเห็นแก่ความเป็นพี่น้องแล้วก็ปล่อยเจ้า ในขณะที่ข้าว่าราชการแทน เจ้ากลับตั้งใจกักตุนยาสมุนไพร ทำให้ข้าต้องถูกประชาชนกล่าวหาว่าไร้ความสามารถ”

อ๋องอานก็เหมือนเกลียดชังเขามาก เขาเตะไปหนึ่งเท้านี้ อ๋องอานก็โต้ตอบกลับทันที ทั้งสองคนกระโดดไปยังในลาน พัวพันอยู่ด้วยกัน สู้กันอยู่อย่างไม่หยุดยั้ง

ทั้งสองพี่น้องเกลียดแค้นคับข้องใจกันอยู่อย่างลึก ที่ผ่านมาเพราะมีสถานะค้ำคอ ไม่กล้าลงมือหนัก แต่วันนี้มือเท้าที่สู้กันไปมา ล้วนออกแรงอย่างสุดแรง ห้าสิบกระบวนท่าสั้นๆผ่านไป อ๋องอานถูกเตะจนกระอักเลือด หยู่เหวินเห้าก็เลือดกันเดาไหล กลับยังคงไม่ยอมหยุด ยังคงสู้กันอยู่

องครักษ์ลับผีไปพูดหว่านล้อม หลายคนรุมล้อมเข้าไป เห็นทั้งสองคนสู้กันอย่างคึกคักเร่าร้อน ก็ไม่รู้จะช่วยให้แยกกันยังไง จึงทำได้เพียงตะโกนหว่านล้อมอยู่ด้านข้าง

ผู้ติดตามของอ๋องอานก็ร้อนใจ ก้าวกระโดดลงมา ยื่นมือจะแยกหยู่เหวินเห้าออก องครักษ์ลับผีเห็นเขาลงมือ จึงอดได้ที่ไหน? หลายคนพากันไปข้างหน้าทันที จับตัวเขาไว้ พร้อมพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “เจ้าช่างกล้านัก กล้าทำร้ายองค์ชายรัชทายาทหรือ?”

อาจารย์นี้มีชื่อเสียง องครักษ์ลับผีทั้งขู่ทั้งตีบีบจนเขาถอยไปอยู่ตรงระเบียงทางเดิน ผู้ติดตามคนนั้นก็ไม่กล้าลงมืออีก จึงทำได้เพียงพยายามป้องกัน ท่าทีสุดจะทน สุดท้ายจึงต้องตะโกนพูดขึ้นว่า “ทหาร รีบมาช่วยแยกออก”

คนในจวนมองดูอยู่นาน ไม่มีคำสั่งไม่มีใครกล้าเดินไปข้างหน้า ตอนนี้ผู้ติดตามคนนี้พูดสั่งแล้ว จึงรีบมาสู้กับองครักษ์ลับผี แต่องครักษ์ลับผีก็ไม่ใช่ย่อย ยังคงขัดขวางผู้ติดตามคนนั้น ไม่ให้เขาไปไหน

หยู่เหวินเห้ากับอ๋องอาน ยังต่อสู้กันอยู่บนพื้น หยู่เหวินเห้าค่อยๆเป็นฝ่ายได้เปรียบ อ๋องอานถูกจู่โจมจนร่นถอย มีหลายครั้งที่อยากจะบินกลับไปหยิบดาบ ล้วนถูกหยู่เหวินเห้าขัดขวาง บีบจนมาถึงลานบ้าน อ๋องอานตะคอกพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “พอแล้ว หยู่เหวินเห้า หากเจ้ายังเหมือนหมาบ้าข้าจะไม่เกรงใจเจ้าแล้วนะ”

“เจ้าแน่จริงเจ้าก็แสดงออกมาก เคยเกรงใจข้าตั้งแต่เมื่อไหร่?” หยู่เหวินเห้าถูกต่อยไปหลายหมัด ถุยเลือดออกมาหนึ่งคำ พร้อมพูดขึ้นอย่างโมโห

อ๋องอานพูดขึ้นด้วยเสียงดังว่า “ทหาร มาดึงคนบ้านี้ เอาโยนออกไป”

ผู้ติดตามคนนั้นได้ยินเช่นนี้ เงยหน้ามองเห็นอ๋องอานถูกต่อยอย่างย่ำแย่ อยากที่จะไปช่วย กลับถูกองครักษ์ลับผีกีดขวางไว้ ไปไม่ได้ มองเห็นอ๋องอานถูกหยู่เหวินเห้ากดลงกับพื้นกับตา ถูกตบใบหน้าอยู่หลายที ตกจนเขาเวียนหัวไปหมด

บัลลังก์หมอยาเซียน

บัลลังก์หมอยาเซียน

Status: Ongoing

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: “เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง”หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: “ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น”อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: “เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่” หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: “ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท