ภายในวังกับภายนอกประตูวังแทบเหมือนกับสองโลก ด้านนอกเลือกนองเต็มพื้น ศพเกลื่อนกลาด ในวังกลับเงียบสงบเหมือนเดิม
คุกเข่าอยู่ตรงหน้าฮ่องเต้หมิงหยวน ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดว่าลุกขึ้นได้อย่างตื่นเต้น ทั้งสองกลับไม่ยอมลุกขึ้นมา นั่งลงบนพื้น แล้วก็นอนลงไป ล้มลงขาชี้ฟ้า หอบหายใจอย่างแรง
หวงกุ้ยเฟยรีบสั่งหมอหลวงมารักษาบาดแผลให้กับทั้งสองคน ทั้งสองหลับตา ปล่อยให้หมอหลวงรักษา บาดแผลแค่นี้ ไม่ตายง่ายๆ แต่การต่อสู้ในครั้งนี้ ยังคงมีค่าให้จดจำหลังจากความกลัวที่เอ้อระเหย โดยเฉพาะวิชาดาบของหงเล่
ภายในพระที่นั่ง การต่อสู้หยุดลงแล้ว
สิ่งที่ทำให้หยวนชิงหลิงตกตะลึงก็คือ ตลอดการต่อสู้ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัส มากสุดก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเพียงไม่กี่คน ทำแผลให้แล้วก็ไม่เป็นไรแล้วแบบนั้น
นางออกไป เห็นผู้อาวุโสทั้งสาม กับอ๋องชินเฟิงอันสองสามีภรรยา พูดคุยหัวเราะกันอยู่ในห้องโถง ไม่เหมือนกับการเพิ่งไปสู้รบกลับมา เหมือนเป็นการไปเล่นรถไฟเหาะกลับมา กลับมาแล้วก็พูดถึงแต่ความตื่นเต้น
หยวนชิงหลิงเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว พร้อมถามขึ้นว่า “ทางด้านเจ้าห้า มีข่าวบ้างหรือยัง?”
“พระชายารัชทายาท ไม่ต้องร้อนใจ ทางด้านองค์ชายรัชทายาทไม่เป็นไร” เซียวเหยากงนั่งไขว่ห้าง หยิบซองบุหรี่ออกมา พร้อมพูดขึ้นอย่างถือดี
“ให้ข้าด้วย” ไท่ซ่างหวงยื่นมือขอเซียวเหยากง พร้อมเงยหน้าพูดกับหยวนชิงหลิงว่า “เจ้าวางใจเถอะ มีคนคอยติดตามข่าวคราวอยู่ตลอด”
หยวนชิงหลิงจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร? แต่เห็นพวกเขาแต่ละคนต่างก็มีท่าทีสงบ เหมือนความอันตรายทั้งหมดได้ถูกจัดการหมดแล้ว นางก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรต่อ ทำได้เพียงถอยไป ให้พวกเขาได้พูดคุยหวนรำลึกถึงเรื่องที่เพิ่งประสบมา
นางไปยังหน้าประตูใหญ่ อะซี่นั่งอยู่ด้านข้างหน้าประตู มองดูด้านนอกตลอด หยวนชิงหลิงไปนั่งบนบันไดหินด้านข้างนาง เห็นสายตาของนางเต็มไปด้วยความเป็นกังวล จึงพูดปลอบขึ้นว่า “วางใจ ข้าเพิ่งไปถามไท่ซ่างหวงมาแล้ว ไท่ซ่างหวงบอกว่ามีคนค่อยสืบข่าวอยู่ตลอด ไม่เป็นไร”
อะซี่เท้าคางหันไปมองนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่หยวน เจ้ารู้สึกกระวนกระวายใจไหม?”
“กระวนกระวายใจ?”
“เมื่อกี้จู่ๆข้าก็รู้สึกกระวนกระวายใจ รู้สึกเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้น ข้าเป็นห่วงสวีอีอย่างมาก” อะซี่ห้อยเท้าทั้งคู่อยู่บนขั้นบันไดหิน วางมือออกจากคาง แล้วใช้ปลายนิ้วขีดข่วนหินอ่อนบนขั้นบันไดหิน เสียงขีดข่วนทำให้หงุดหงิด กังวลใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“เจ้าคิดมากไปแล้ว สวีอีมีฝีมือการต่อสู้ล้ำเลิศ จะต้องไม่เป็นไรแน่” หยวนชิงหลิงพูดปลอบ
อะซี่พูดขึ้นด้วยเสียงเศร้าว่า “หากเขากลับมาอย่างปลอดภัย ต่อไปข้าจะไม่ทะเลาะกับเขาแล้ว เขาไม่ชอบอาบน้ำข้าก็จะตามใจเขา และก็จะไม่รังเกียจที่กินอย่างมูมมามแล้ว”
“อะซี่ อย่าคิดมาก เมื่อกี้เจ้ายังพูดปลอบข้าอยู่เลย” หยวนชิงหลิงจับมือของนางไว้ พร้อมพูดขึ้น
“พี่หยวน ในใจของข้ากระวนกระวายอย่างมาก ข้ารู้สึกว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาแล้ว ข้าอยากออกไปตามหาเขา แต่เขาให้ข้าอยู่ที่นี่คอยปกป้องเจ้า และข้าก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ข้ากลัวมาก หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา ข้าจะทำยังไง?”
“สาวโง่ เขาไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องคิดไปเรื่อยเปื่อย” หยวนชิงหลิงก็ฟังนางพูดจนเริ่มกระวนกระวายแล้ว แผนการของหงเล่ในครั้งนี้ จะต้องรอบคอบอย่างมาก เพื่อให้หงเล่ลงมือจู่โจม เจ้าห้าถึงขั้น จัดกองกำลังทหารออกจากเมืองหลวง เขาเองก็เคยพูด คราวนี้เป็นการต่อสู้ที่ค่อนข้างเสี่ยง หากพ่ายแพ้ ผลที่จะตามมาจะร้ายแรงมาก
“เจ้าพูดถูก เขาจะต้องไม่เป็นไร เขามีฝีมือการต่อสู้ที่เก่งขนาดนี้ ข้ายังสู้เขาไม่ได้….” อะซี่พูดอยู่เช่นนี้ กลับยังมองดูหยวนชิงหลิง พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่หยวน เจ้าคิดว่าเทพเทวาดาองค์ไหนค่อนข้างศักดิ์สิทธิ์? ข้าอยากขอให้เทพเทวดาคุ้มครองเขา เขาจะเป็นอะไรไปไม่ได้ หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา ข้าก็จะไม่มีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว”
หยวนชิงหลิงฟังอยู่อย่างปวดร้าว พร้อมพูดขึ้นว่า “ในพระที่นั่งนี้ไม่มีห้องพระ แต่หากเจ้าต้องการอธิษฐาน ก็คุกเข่าอธิษฐานอยู่ที่นี่เถอะ”
อะซี่จึงลงจากบันไดหิน ไปกราบคุกเข่าพร้อมพูดขึ้นว่า “ข้าหยวนหย่งอี้ ที่ผ่านมาเคยประมาทเลินเล่อเพราะความไม่รู้ ไม่เคยเชื่อเคารพพระพุทธเจ้า วันนี้สามีทำเพื่อประชาชนกับแผ่นดินเป่ยถัง จนตนเองตกอยู่ในอันตราย ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองให้เขากลับมาได้อย่างปลอดภัย…”
อะซี่ยังพูดไม่ทันเสร็จ ก็ได้ยินเสียงกลีบม้าดังขึ้น ทั้งสองคนรีบเงยหน้าขึ้นหันไปมอง เห็นทหารม้าเหล็กหลายคนวิ่งพลิ้วมาจนฝุ่นฟุ้งเต็มท้องฟ้า
เมื่อเห็นคนสวมชุดแดงบนหลังม้า ยังมีชายเสื้อคลุมนักรบผืนนั้นบนม้าอีกตัวหนึ่ง อะซี่เข่าอ่อน พร้อมพูดขึ้นว่า “สวีอี…..”
ที่ถูกส่งกลับมาก็คือสวีอีกับหงเย่ ตอนที่องครักษ์ลับผีแบกสวีอีลงมาจากหลังม้า อะซี่ก็โผขึ้นไป เห็นเลือดบนตัวสวีอี สีหน้าของนางขาวซีด พร้อมพูดขึ้นว่า “โอ้พระเจ้า สวีอี สวีอี”
“รีบพาเข้าไป” หยวนชิงหลิงพูดสั่งด้วยเสียงเข้ม มองดูสวีอีแวบหนึ่ง แล้วก็หันไปมองท่านชายหงเย่ ทั้งสองคนบาดเจ็บสาหัส แทบจะเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย
“ช่วยสวีอีก่อน ช่วยสวีอี” อะซี่จับแขนหยวนชิงหลิงไว้ น้ำตาไหลลงอย่างไม่ขาดสาย สีหน้าหวาดกลัวตกตะลึง
“ได้ ข้ารู้ ข้ารู้” หยวนชิงหลิงมองดูนางอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง เข่าอ่อนแทบทรุด ดึงองครักษ์ลับผีคนนั้นไว้ พร้อมถามขึ้นว่า “องค์ชายรัชทายาทล่ะ? องค์ชายรัชทายาทได้รับบาดเจ็บไหม?”
“พระชายารัชทายาทวางใจ องค์ชายรัชทายาทไม่เป็นไร” องครักษ์ลับผีพูดตอบ
ดวงตาหยวนชิงหลิงร้อนผ่าว สั่งให้คนพาสวีอีกับหงเย่ไปด้านหลังจวน ในห้องติดกันสองห้อง หยวนชิงหลิงถูกอะซี่ดึงไปยังห้องของสวีอี ร่างกายอะซี่สั่นเทาอยู่ตลอด พร้อมพูดขึ้นว่า “เร็ว รีบมาดูเขา”
หยวนชิงหลิงตรวจพบชีพจรของสวีอีอ่อนอย่างมาก แต่บาดแผลของเขาล้วนค่อนข้างไม่ลึก มีเพียงตรงหน้าอกมีรอยฝ่ามือหนึ่งรอย เห็นทีคงจะได้รับบาดเจ็บภายใน
ได้รับบาดเจ็บภายใน นางไม่รู้ว่าจะต้องรักษาอย่างไร สามารถทำได้เพียงช่วยปฐมพยาบาลฉุกเฉิน ให้ยากระตุ้นหัวใจ ให้เขามีชีวิตอยู่
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับอะซี่ที่ตื่นตระหนกร้อนใจ หยวนชิงหลิงจึงพูดไม่ออกว่าตนเองไม่รู้ว่าจะรักษาอย่างไร
โชคดีที่ข้างนอกมีคนรายงานขึ้นว่า อ๋องชินเฟิงอันมาแล้ว เขาดูอาการของสวีอี จากนั้นก็พูดกับหยวนชิงหลิงว่า “สวีอียกให้ข้า เจ้าไปจัดการหงเย่”
“ท่านมีฝีมือทางการแพทย์” หยวนชิงหลิงถามขึ้น
“รู้เพียงวิธีรักษาบาดแผล” อ๋องชินเฟิงอันพูดขึ้นอย่างเรียบเฉย
อะซี่ค่อยข้างร้อนใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นพี่หยวน เจ้าห้ามออกไป พวกเจ้าอยู่ช่วยด้วยกันได้ไหม?”
“ออกไปให้หมด” อ๋องชินเฟิงอันพูดสั่งขึ้นว่า “หากยังล่าช้า ชีวิตของเขาก็จะไม่สามารถรักษาไว้ได้แล้ว ไปดูหงเย่”
อะซี่ร้องไห้อกมา มองดูหยวนชิงหลิงอย่างไร้ที่พึ่ง หยวนชิงหลิงลังเลสักพัก แล้วก็ดึงนางออกไป เพราะนางอยู่ที่นี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงฝากความหวังไว้กับอ๋องชินเฟิงอัน
อะซี่ไม่ยอมไป หลังจากออกจากประตูแล้วก็คุกเข่าอยู่ที่หน้าประตู ร้องไห้อยู่ตลอด หยวนชิงหลิงอยู่ปลอบนางที่นี่ไม่ได้ สูดหายใจเข้าลึกๆ ถือกล่องยาแล้วก็เดินเข้าไปในห้องของหงเย่
อาการบาดเจ็บของหงเย่สาหัสมาก มีบาดแผลเต็มไปหมด ตรงหน้าท้องถูกดาบแทง ทะลุผ่านเข้าไป แต่ดูจากสัญญาณชีพ อาการของเขากลับค่อนข้างดีกว่าสวีอี อัตราการเต้นของหัวใจและชีพจรยังอยู่ในช่วงปกติ หลังจากตรวจเรียบร้อยแล้วก็พบร่องรอยผงยาในปาก คิดว่าคงจะมีคนให้เขาทานยาก่อนแล้ว เพื่อห้ามเลือด
เขาไม่ได้หมดสติไปโดยสิ้นเชิง ตาลืมครึ่งปิดครึ่งหนึ่ง ในมือของเขาถืออะไรบางอย่างอยู่ตลอด กำไว้ในฝ่ามือ ตอนที่หยวนชิงหลิงตรวจดูอาการของเขา ก็ไม่สามารถที่จะแก่ฝ่ามือของเขาออก จะต้องมีการเย็บบาดแผล ตอนที่ให้ยาชา ฝ่ามือของเขาถึงค่อยๆเปิดออก