หลังจากจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว หยู่เหวินเห้าก็เรียกหยวนชิงหลิงเข้าวัง ไปหาฮู่เฟยเพื่อพูดคุย คิดหาวิธีการ กล่อมเสด็จพ่อออกจากวัง
หยู่เหวินเห้าคิดว่า เสด็จพ่อรู้สึกว่าค่ายาแพง ค่ารักษาแพง สำหรับราชสำนักแล้วเป็นคุณมากกว่าโทษ เพราะว่า ตอนที่เก็บภาษีนั้นเก็บได้เยอะมาก
หยู่เหวินเห้าก็ไปตรวจสอบ ภาษีที่โรงหมอและร้านยาในเป่ยถังส่งให้นั้นค่อนข้างเยอะอยู่ เสด็จพ่อเคยจนจนรู้สึกกลัว ไม่ว่าอะไรที่สามารถเพิ่มการจัดเก็บให้กับท้องพระคลังได้ เขาล้วนยินดีจะทำ
เขาคิดว่า ครั้งนี้ค่ายาแพงขึ้นสิบยี่สิบอีแปะเท่านั้น ประชาชนที่สามารถไปหาหมอในโรงหมอ คงไม่สนใจนัก
แต่ว่า นี่เป็นความคิดของคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงส่ง ความคิดของเขา เป็นความคิดที่ว่าต้องเป็นเช่นนั้นเช่นนี้ วิธีการที่ดีที่สุด คือให้เขาไปเห็นเองกับตา เข้าใจความทุกข์ยากของประชาชน จึงต้องทำใจแข็งเพื่อการปฏิรูป
หยวนชิงหลิงเข้าวังตามที่เขาบอก สำหรับฮู่เฟยนางสามารถพูดตรงๆได้ ฮู่เฟยเป็นคนที่รู้เหตุรู้ผลรู้ว่าอะไรควรไม่ควร และสนับสนุนรัชทายาทกับหยวนชิงหลิงมาก ได้ยินเรื่องที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว นางถอนหายใจ พูดว่า “เมืองหลวงก็เป็นเช่นนี้หรือ ข้าคิดว่ามีแต่พื้นที่ห่างไกลยากลำบากเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ ตอนที่ข้าอยู่ชายแดน ค่ารักษาของโรงหมอก็แพงมาก ประชาชนทั่วไปไม่มีทางไปหาหมอได้ ถ้าไม่สามารถก็ได้แต่ไปหายาสมุนไพรมากินเอง หรือไม่ก็ไปหาหมอเท้าเปล่า ข้ายังจำได้มีบ่าวรับใช้คนหนึ่งในจวน น้องชายของนางตกลงมาจากต้นไม้ ตอนแรกบาดเจ็บไม่สาหัสมาก แต่ไม่มีเงินไปหาหมอ แม่ของนางจึงขึ้นเขาไปหายาสมุนไพรมาปิดแผลให้ ปิดไปปิดมา แผลนั่นก็เป็นหนองขึ้นมา บวมขึ้นมาเป็นก้อนใหญ่ ไข้สูงอยู่หลายวัน บ่าวคนนั้นจึงคุกเข่าลงตรงหน้าข้า ขอร้องให้ข้าเชิญท่านหมอมาดูน้องชายนาง แต่สายเกินไปแล้ว ท่านหมอไปดูแล้ว บอกว่าอาการหนักไม่สามารถช่วยได้แล้ว แต่ถ้าหากสามารถได้รับการรักษาตั้งแต่แรก ชีวิตนี้ก็คงไม่ต้องเสียไป ”
หยวนชิงหลิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ คนที่เป็นเช่นนี้ เกรงว่าจะมีไม่น้อย
แต่ว่า จะทำอย่างไรได้เล่า โรงหมอในเป่ยถังไม่ว่าจะเป็นค่าตรวจรักษาหรือค่ายา ราคาล้วนสูงมาก นี่ไม่ใช่แค่แห่งเดียว แต่เป็นเช่นนี้ทั้งประเทศ
“เช่นนั้นก็รบกวนฮู่เฟยช่วยด้วย”หยวนชิงหลิงพูด
ฮู่เฟยบอกว่า “พระชายารัชทายาทวางใจเถอะ ข้าน่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมให้ฮ่องเต้ออกไปเดินเล่นนอกวังได้ ฮ่องเต้ก็สมควรออกไปเดินบ้าง ใต้หล้านี้เป็นของเขา แต่เขากลับอยู่ในแต่ในวังทั้งวัน ไม่รู้ถึงความยากลำบากของราษฎร ได้อย่างไรกัน”
คำพูดนี้ สนมคนอื่นนั้นไม่กล้าพูดอย่างแน่นอน ฮู่เฟยเองก็ไม่ได้อาศัยว่าเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ นิสัยนางเป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“เช่นนั้นก็ขอบพระทัยฮู่เฟยมากเพคะ”หยวนชิงหลิงลุกขึ้นคำนับ
ฮู่เฟยมองนาง พูดยิ้มๆว่า “ช่างอิจฉาพวกเจ้าสองสามีภรรยาจริงๆ ถ้าหากเป็นคนอื่น เกรงว่าคงจะไม่คุยเรื่องบ้านเมืองกับเจ้าเช่นนี้ แต่เจ้าห้าไม่ปิดบังอะไรกับเจ้าเลย ยังยินดีจะให้เจ้าช่วยเหลือ ดีมากจริงๆ ”
หยวนชิงหลิงยิ้ม “ฮู่เฟย เขาให้ข้าช่วย ข้ายังสามารถช่วยเขาได้ เขาจึงบอกว่าดีไม่ใช่หรือ ข้ายังต้องเจอเรื่องเหนื่อยอีก ”
ฮู่เฟยส่ายหน้า “ไม่ สามารถช่วยเหลือคนที่ตัวเองรักได้ ก็ถือว่าดี ข้ายังหวังว่าฮ่องเต้จะสามารถพูดคุยเรื่องกังวลใจเหล่านี้กับข้าบ้าง แต่เขาไม่เคยพูดเลย แม้บางทีจะอารมณ์เสียขึ้นมา ก็แค่ให้ข้าได้เห็นนิสัยเขาเท่านั้น ข้าไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“เสด็จพ่ออารมณ์เสียกับท่านหรือ”หยวนชิงหลิงนิ่งอึ้ง เป็นไปไม่ได้กระมัง เสด็จพ่อรักฮู่เฟยมาก คนที่รู้มองแวบเดียวก็ดูออก ปกติแล้วเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ตั้งครรภ์แล้วยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่
ฮู่เฟยพูดยิ้มๆว่า “เขาไม่ได้อารมณ์เสียใส่ข้า เพียงแต่ตอนที่มาหาข้าที่นี่ ใบหน้าบูดเบี้ยวนั้นยังเก็บไม่หมด บางครั้งมู่หรูกงกงคอยรับใช้อยู่ข้างๆ ก็เอามู่หรูกงกงมาระบายอารมณ์ บางครั้งข้าเห็นแล้ว กงกงช่างลำบากจริงๆ ”
หยวนชิงหลิงหัวเราะขึ้นมา จริง มู่หรูกงกงบางครั้งก็ถูกรังแกเกินไป แต่จะทำอย่างไรได้ เสด็จพ่อนั้นห่างมู่หรูกงกงไม่ได้เลย
“น้องสิบเล่า”หยวนชิงหลิงมาถึงตั้งนานแล้ว เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นองค์ชายสิบ
“ไปหาฮองเฮา”ฮู่เฟยพูด
หยวนชิงหลิงรู้สึกคาดไม่ถึงอยู่บ้าง “ไปหาฮองเฮา ฮองเฮาเรียกเขาไปหรือ”
ฮู่เฟยพูดว่า “เป็นตัวเขาเองที่บ่นอยากจะไปหาฮองเฮา ไปเล่นกับพี่แปด แต่ว่า……”
ฮู่เฟยเบี่ยงศีรษะ มีท่าทีอยากจะพูดแต่ก็ไม่พูด
“ทำไมหรือ”หยวนชิงหลิงเห็นเช่นนี้ ก็ถามขึ้น
ฮู่เฟยกดเสียงลงต่ำ “ข้ารู้สึกว่ากุ้ยเฟยกับฮองเฮาช่วงนี้เป็นมิตรกันมาก ไปอยู่เป็นเพื่อนทุกวันไม่ว่า ยังให้คนสร้างห้องครัวเล็กๆเป็นการเฉพาะไว้ในตำหนักอีกด้วย บางครั้งก็พักอยู่ที่ตำหนักของฮองเฮาเลย กุ้ยเฟยกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ รัชทายาทเล่าให้ฟังได้หรือไม่”
หยวนชิงหลิงย่อมรู้อยู่แล้ว แต่ว่าฮู่เฟยเป็นคนที่แต่ไหนแต่ไรก็ไม่มีความอยากรู้อยากเห็นหรือยุ่งเรื่องของผู้อื่น ทำไมจึงถามขึ้นมา คิดว่าคงเกรงว่ากุ้ยเฟยกับฮองเฮาจะร่วมมือกันทำอะไรไม่รู้ ท้ายที่สุดแล้วตอนนี้นางอยู่ในช่วงที่ถูกโปรดปราน ให้กำเนิดลูกชายแล้วยังตั้งครรภ์อีก เป็นแม่คนแล้ว จะระมัดระวังขึ้นมาบ้าง
เรื่องนี้นางคิดว่าบอกให้ฮู่เฟยรู้ก็ใช่ว่าจะไม่ได้ จึงได้เล่าเรื่องที่กุ้ยเฟยเคยขอร้องก่อนหน้านี้ให้นางฟัง
ฮู่เฟยได้ยินแล้ว ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง “ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้นี่เอง เช่นนั้นก็ยังดีหน่อย”
“ฮู่เฟยอย่าได้กังวลมากไป หลายปีมานี้เกิดเรื่องขึ้นมากมาย คิดว่าวังหลังก็คงไม่กล้าก่อเรื่องซ้ำอีก”
ฮู่เฟยถอนหายใจเบาๆ “ข้าไม่เป็นกังวลไม่ได้ ก่อนหน้านี้มีคนเคยเสนอต่อหน้าหวงกุ้ยเฟย ว่าวังหลังไม่มีการคัดเลือกนางสนมมาเป็นเวลานานแล้ว ถึงเวลาจัดการคัดเลือกแล้ว บอกว่าเป็นกฎระเบียบที่บรรพบุรุษกำหนดไว้ ไม่สามารถให้ฮ่องเต้โปรดปรานข้าแค่คนเดียว”
“ใครเป็นคนเสนอ”หยวนชิงหลิงประหลาดใจ เรื่องนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อน
สีหน้าของฮู่เฟยมีความกังวลอยู่เล็กน้อย “ฉินเฟย”
หยวนชิงหลิงคิดไม่ถึงว่าฉินเฟยจะสามารถสร้างคลื่นลมไม่สงบได้ เดิมคิดว่าหลังจากหยู่เหวินจุนตายไปแล้ว ฉินเฟยก็ควรจะใช้ชีวิตอย่างซื่อสัตย์แล้ว
“ตอนนี้ในวังหลังคนที่อายุน้อยที่สุดก็คือข้า ฮ่องเต้เองก็มาที่ตำหนักข้าอยู่เสมอ และตั้งแต่องค์ชายใหญ่จากไปแล้ว ฮ่องเต้ไม่เคยไปเยี่ยมนางที่ตำหนักอีกเลย นางยังแค้นใจที่ข้าสนิทสนมกับเจ้า ย่อมต้องหาทางจัดการข้า หัวใจถึงจะสะใจ”
ฮู่เฟยพูดแล้ว ก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ไม่เหมาะสม รีบอธิบายว่า “อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้หมายความว่าเจ้าทำให้ข้าเดือดร้อนนะ”
หยวนชิงหลิงส่ายหน้า “ไม่ เหตุผลนั้นเป็นเพราะข้าจริงๆ จึงทำให้ฮู่เฟยถูกนางแค้นใจไปด้วย เพียงแต่ข้าคิดว่านางคงไม่ก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีกแล้ว คิดไม่ถึงว่านางจะเสนอเรื่องการคัดเลือกนางสนมขึ้นมา ที่จริงฮ่องเต้ก็ไม่ได้มีความคิดนี้ สุดท้ายแล้วน่าจะไม่เห็นด้วยกระมัง หวงกุ้ยเฟยว่าอย่างไรบ้าง ”
ฮู่เฟยพูดว่า “หลายวันก่อนไปน้อมทักทาย หวงกุ้ยเฟยได้พูดเรื่องนี้ต่อหน้าทุกคน หลักๆคืออยากจะฟังความคิดเห็นของทุกคน ที่จริงใครก็ไม่มีทางคัดค้าน เพราะว่านอกจากนี่จะเป็นกฎระเบียบที่บรรพบุรุษปฏิบัติสืบทอดกันมาแล้ว ยังเป็นเพราะว่าพวกนางเองก็ไม่ได้รับความโปรดปรานสักเท่าไหร่แล้ว ข้าได้รับความโปรดปรานมาเป็นเวลานาน ทุกคนต่างก็ไม่ค่อยชื่นชอบสักเท่าไหร่ ไม่สู้เลือกคนที่อายุน้อยเข้ามาแย่งชิงกับข้าเสียหน่อย แค่ได้ดูความคึกคักก็ยังดี ”
คำพูดเหล่านี้ของฮู่เฟยดูจะระอาใจอยู่บ้าง ที่จริงตอนแรกที่เลือกเข้าวังรับใช้ฮ่องเต้ นางก็รู้แล้วว่าภายหน้าต้องมีคนที่อายุน้อยกว่านางถูกเลือกเข้าวัง ฮ่องเต้ยังทรงอ่อนเยาว์ อยู่ในวัยหนุ่มแน่น ให้กำเนิดองค์ชายอีกแปดคนสิบคนก็ไม่ใช่ปัญหา