บัลลังก์หมอยาเซียน – บทที่ 1229 ราชบุตรเขยหลิวเปลี่ยนไป

บทที่ 1229 ราชบุตรเขยหลิวเปลี่ยนไป

ทั่วทั้งเมืองหลวง ยกเว้นเป่าหยวนถังของฮุ่ยผิง ที่ไม่ได้ดำเนินการ นางไม่ดำเนินปรับราคายาค่ารักษาด้วยซ้ำ ไม่ได้ให้หมอประโรงหมอไปขอใบรับรอง นางกลับเข้าวังไปขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้หมิงหยวนหลายรอบ ให้ฮ่องเต้หมิงหยวนยกเว้นนางเป็นกรณีพิเศษ

เริ่มแรกฮ่องเต้หมิงหยวนไม่สนใจนาง แต่สุดท้ายก็ให้นางเข้าพบ บอกนางเพียงประโยคเดียวว่า ตอนนี้ราชสำนักก่อตั้งโรงหมอหลวง โรงหมอของนางหากยังอยากเปิดต่อไป ก็ให้ไปดำเนินการขอใบอนุญาตที่ทำการปกครองโรงหมอหลวง หากไม่ดำเนินการภายในสามเดือน จะยกเลิกสิทธิ์ในการดำเนินการ

หากฮุ่ยผิงไป เท่ากับเป็นการยอมแพ้หยวนชิงหลิง หากไม่ไปก็ไม่สามารถเปิดโรงหมอต่อไปได้ ความแค้นนี้ นางกลืนไม่ลง และที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อขอใบอนุญาตแล้ว เท่ากับว่าเป่าหยวนถังยอมรับการควบคุมของโรงหมอหลวง นางยิ่งทนรับไม่ได้

ด้วยความร้อนใจ จึงทำได้เพียงกลับไปปรึกษาราชบุตรเขยหลิวกับยอดหมอหลิว ตอนนี้สภาพจิตใจยอดหมอหลิวตอนนี้แตกสลาย เขารู้ว่าไม่สามารถสู้กับพระราชสำนักได้ ยิ่งสู้พระชายารัชทายาทกับท่านชายสี่เหลิ่งไม่ได้

ดังนั้น เขายังคงแน่นให้ฮุ่ยผิงไปขอใบอนุญาต ให้หมอผ่านการประเมิน ปรับเปลี่ยนราคา แล้วดึงผู้ป่วยกลับมา

ส่วนโรงผลิตยา ยังไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของโรงหมอหลวง แต่เขาคิดว่าต่อไปก็ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแล ดังนั้น โรงผลิตยาจะต้องกลับมาดำเนินการโดยเร็วที่สุด ปรับลดราคาให้กลับมาสู่ตลาดอีกครั้ง

ฮุ่ยผิงฟังคำพูดพวกนี้แล้ว คิดเพียงว่ายอดหมอหลิวกับราชบุตรเขยหลิวล้วนเอาความทะเยอทะยานอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าของคนอื่นมาดูถูกศักดิ์ศรีของตนเอง ในใจลึกสั่งสมไฟแห่งความโกรธ มาถึงนาทีนี้ ในที่สุดทั้งหมดก็ถูกระเบิดออกมา นางยกมือปัดสิ่งของบนโต๊ะหนังสือของยอดหมอหลิวหล่นทิ้งบนพื้น พร้อมตะคอกพูดขึ้นว่า “ขี้ขลาดตาขาว ล้วนขี้ขลาดตาขาว ปกติพูดได้อย่างดูดี พูดได้อย่างเก่งขนาดไหน? เมื่อเจอกับปัญหาจริงๆ แม้แต่ผายลมก็ทำไม่ได้ ให้ข้ายอมแพ้ ทำไมข้าต้องยอมแพ้?”

สีหน้ายอดหมอหลิวเคร่งขรึม จ้องมององค์หญิงฮุ่ยผิงด้วยสายตาเยือกเย็น

ราชบุตรเขยหลิวก็ตกตะลึง โกรธจนใบหน้าแดงก่ำ พร้อมพูดขึ้นว่า “ทำไมเจ้าพูดกับท่านพ่อเช่นนี้? เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”

องค์หญิงฮุ่ยผิงพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ข้าพูดผิดหรือ? เจ้าไม่ฟังดูว่าเขาพูดอะไรออกมา? ต่อให้เป็นการทำศึก ก็จะกลัวการทำศึกแล้วยอมแพ้ก่อนไม่ได้ พวกเจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก”

ราชบุตรเขยหลิวพูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ทำให้เจ้าผิดหวังอะไร? หลายปีมานี้ ไม่ใช่เสด็จพ่อหรอกหรือที่ช่วยคิดวางแผน? ด้วยนิสัยหยาบคายของเจ้า สามารถทำธุรกิจใหญ่โตอะไรได้? เจ้าทำได้เพียงสั่งคนไปทุบตี ไปทำลาย ไปฆ่าคน ความสัมพันธ์มากมายล้วนเป็นเสด็จพ่อไปหามา ไม่ใช่เป็นเพราะเจ้าโหดเหี้ยม ชั่วร้าย หรือมีความสามารถ”

ฮุ่ยผิงไม่เคยถูกราชบุตรเขยหลิวต่อว่า ในใจยิ่งโกรธจัด พร้อมพูดขึ้นว่า “ความสัมพันธ์? ความสัมพันธ์ทั้งหมด เขาล้วนใช้เงินซื้อมา ข้าทำอะไร เคยต้องใช้เงินไหม?”

ราชบุตรเขยหลิวพูดขึ้นว่า “หลายวันก่อนเจ้ายังพูดว่า ถึงแม้ท่านพ่อจะจ่ายเงินพวกนั้นไป แต่ก็ล้วนอาศัยเช่นนี้ ถึงสามารถมั่งคั่งได้ขนาดนี้ ครั้งนี้ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมรับ? ลบล้างไม่เห็นคุณความดีของเสด็จพ่อ เจ้าทำเกินไปแล้ว”

ยอดหมอหลิวยกมือ พร้อมพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอีกแล้ว เจ้าหญิงพูดถูก ข้าไม่มีความสามารถ ต่อไปเรื่องการทำธุรกิจ ข้าจะไม่ยุ่งอีก เจ้าหญิง แบ่งสมบัติเถอะ เป่าหยวนถังกับโรงผลิตยา ข้าเอาแค่สองส่วน เจ้าหญิงอยากทำอะไรต่อ ข้าจะไม่ห้าม แบ่งตามหุ้นก็พอ”

สีหน้าองค์หญิงฮุ่ยผิงเยือกเย็น จ้องมองเขาสักพัก หัวเราะเยาะพร้อมพูดขึ้นว่า “สองส่วน? เจ้าอย่าฝัน ข้าจะไม่แบ่งให้เจ้าสักบาท”

“เจ้า…..” ราชบุตรเขยหลิวโกรธจัด กำลังจะพูด ยอดหมอหลิวส่งสายตาให้เขา บ่งบอกให้หุบปาก

หลังจากทะเลาะกันครั้งนี้แล้ว ยอดหมอหลิวย้ายออกมาจากจวนเจ้าหญิง กลับไปอยู่ที่จวนของตนเอง

แต่ราชบุตรเขยหลิว ถึงแม้จะโกรธเคือง โกรธฮุ่ยผิงหลายวัน สุดท้ายก็คืนดีกันแล้ว

ฮุ่ยผิงรู้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ยากลำบากมาก จึงปรึกษากับราชบุตรเขยหลิวว่า ขายโรงหมอที่ซื้อใหม่พวกนั้นออกไป รวบรวมเงินทุนมาพัฒนาโรงผลิตยา ตอนนี้โรงผลิตยายังไม่อยู่ภายใต้ความควบคุมของพวกเขา

นางยังมีช่องว่างอีกมาก

ราชบุตรเขยหลิวก็สนับสนุนการตัดสินใจในครั้งนี้ของนาง และก็เสนอตัวออกหน้าช่วยนางขายร้านออกไป

โรงหมอแปดสิบกว่าแห่ง จะขายออกไปไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องการที่จะขายด่วน ก็ถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องถูกกดราคา ฮุ่ยผิงโกรธโมโหจนไม่มีสติ คิดถึงแต่เพียงเหตุตรงหน้า เพราะฉะนั้น ราคาถูกก็ยอมขาย แต่จะขายก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องขายทีละแห่ง จนไม่มีเรี่ยวแรง ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหลากหลาย

แล้วก็ในตอนนี้ มีพ่อค้าคนหนึ่งมาจากจื๋อลี่ ยอมลงทุนซื้อร้านทั้งหมดแปดสิบกว่าแห่งของนาง แต่ถูกกดราคาลงอย่างมาก หากขายตามราคานี้ เฉพาะร้านนางก็ขาดทุนมากกว่าสองล้านตำลึง ยังไม่นับค่าตกแต่งกับตู้ยาต่างๆในร้าน

ราชบุตรเขยหลิวกลับมาปรึกษาเรื่องนี้กับนาง นางที่เหนื่อยทั้งกายทั้งใจ ถึงแม้จะโกรธที่ถูกกดราคา แต่เมื่อคิดว่าตอนนี้มีโรงหมอพวกนี้ไว้ก็ไม่มีประโยชน์ จึงขายไปก่อนทั้งหมด ให้ราชบุตรเขยหลิวไปจัดการเรื่องนี้ เป็นที่ขายได้มา เอาไปลงทุนโรงผลิตยา ผลิตยาตัวใหม่มาสู้กับยาของเหอซิงถัง

ราชบุตรเขยหลิวมาถึงจื๋อลี่ กลับซื้อจวนหลังใหญ่หลังหนึ่งที่จื๋อลี่ จากนั้นค่อยไปคุยเรื่องซื้อขาย

สามล้านตำลึง ร้านใหม่ทั้งหมดถูกขายออกไป ส่วนที่เช่ามา คนซื้อก็รับเช่นต่อ อย่างน้อยก็ได้ส่วนที่ตกแต่งมาฟรี

สามล้านตำลึงตำลึงนี้ ราชบุตรเขยหลิวไม่ได้เอากลับไป แต่ฝากเอาไว้ที่ร้านแลกเงินในนามชื่อของตัวเอง และเขาก็ไม่ได้กลับไปเมืองหลวงอีก เพียงแค่ใช้คนนำจดหมายไปให้องค์หญิงฮุ่ยผิง บอกว่าเขาเอาเงิน สามล้านตำลึงในส่วนที่เขากับพ่อควรจะได้ ส่วนยาสมุนไพรกับโรงหมออื่นๆ พวกเขาล้วนไม่เอาแล้ว และก็จะไม่ยุ่งอีก

ตอนที่องค์หญิงฮุ่ยผิงได้รับจดหมาย เหมือนดั่งถูกฟ้าผ่าตอนกลางวัน นางจะคาดคิดได้อย่างไรว่า ราชบุตรเขยหลิวที่นอนร่วมเคียงหมอนมาด้วยกันกว่ายี่สิบปี และเชื่อฟังนางทุกอย่าง จะทำเช่นนี้กับนาง นางมาถึงจื๋อลี่อย่างคนบ้า ใช้ความสัมพันธ์ของนางทั้งหมดที่มีไปตามหา สุดท้ายได้รู้ว่าราชบุตรเขยหลิวพาหญิงอื่นมาซื้อจวนอยู่ที่จื๋อลี่

นางจะกล้าเชื่อได้อย่างไรว่า ราชบุตรเขยหลิวหักหลังนางแต่แรกแล้ว? ด้วยความโกรธเคือง จึงพาคนไปทำลาย ราชบุตรเขยหลิวไม่ได้ห้าม ปล่อยให้นางเป็นบ้า จนนางสั่งคนมัดเมียน้อยของเขาแล้วจะนำไปฆ่า ราชบุตรเขยหลิวค่อยมองดูนางอย่างเย็นชา พร้อมพูดขึ้นว่า “หากเจ้ากล้าทำร้ายนางแม้เพียงเส้นผมเส้นเดียว ข้าจะไปที่ทำการปกครอง ฟ้องว่าเจ้าฆ่าคน ก่อเหตุจุดไฟเผาที่จื๋อลี่ในตอนนั้น คนในราชวงศ์ทำผิดมีโทษเทียบเท่าประชาชน เจ้าหญิงครุ่นคิดให้ดี”

องค์หญิงฮุ่ยผิงมองดูสีหน้าเคร่งขรึมของราชบุตรเขยหลิว รู้สึกเยือกเย็นอย่างคนแปลกหน้า โกรธจนกระอักออกมาเป็นเลือด นางใช้แรงทั้งหมดที่มีตบหน้าราชบุตรเขยหลิวหนึ่งที แววตาแตกสลาย กัดฟันพูดขึ้นว่า “ข้าจะฆ่าเจ้า”

ใบหน้าราชบุตรเขยหลิวมีรอยแดงขึ้นมาในทันใด เขามองดูนาง พร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “เป็นสามีภรรยากันมายี่สิบกว่าปี ข้ายอมเจ้าทำตามที่เจ้าสั่งรักเจ้าเป็นห่วงเจ้า แต่ภายในใจของเจ้า ค่าไม่ใช่สามีของเจ้า แต่เหมือนเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่เจ้าเลี้ยงไว้ นอกเหนือจากข้อกำหนดที่เข้มงวด ก็ไม่มีความอ่อนโยน เมื่อสามปีก่อนข้าก็มีเมียน้อยแล้ว เพียงแค่ไม่ให้เจ้ารู้มาตลอด ฮุ่ยผิง สำหรับเจ้าข้าทำดีที่สุดแล้ว”

“ถุย” ฮุ่ยผิงถุยน้ำลายปนเลือดใส่หน้าเขา ดวงตาที่โกรธจัดแฝงไปด้วยเลือด นางเหมือนสิงโตตัวเมียตัวหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บ พูดขึ้นอย่างเจ็บปวดทรมานว่า “ข้าไม่ได้กับเจ้าหรือ? ตอนนั้นทำไมข้าถึงเปิดโรงหมอ? ไม่ใช่เพื่อเจ้าหรือ? เจ้าเปลี่ยนใจไปรักคนอื่น แล้วกลายเป็นความผิดของข้าทั้งหมด เจ้าเคยคิดถึงความดีของข้าไหม?”

บัลลังก์หมอยาเซียน

บัลลังก์หมอยาเซียน

Status: Ongoing

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: “เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง”หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: “ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น”อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: “เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่” หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: “ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท