สนทนาไปพอประมาณแล้ว หูชิงหยุนก็มาด้วย ทังหยางให้คนไปเชิญหยวนชิงหลิงออกมา หารือเรื่องขายโรงงานยาพร้อมกับหลิวจิ้งและหูชิงหยุน
เนื่องจากทั้งสองฝ่ายคิดเห็นในทางเดียวกัน อีกทั้งหูชิงหยุนก็ให้ราคาค่อนข้างงาม ดังนั้นหลิวจิ้งจึงสั่นคลอน แต่เขาไม่ได้ตัดสินใจในทันที บอกว่าจะกลับไปหารือกับน้องชายก่อน พรุ่งนี้ถึงให้คำตอบ
หูชิงหยุนแสดงออกว่าเข้าใจ บอกว่าพรุ่งนี้จะมารอฟังข่าวของเขา
ทังหยางยังส่งหลิวจิ้งออกไปด้วยตนเอง ขณะที่ส่งถึงปากประตู ทังหยางก็อมยิ้มพูดขึ้นอีก “คุณชายหลิว คุณชายโปรดอย่าลืมเรื่องที่คุยกันในวันนี้นะขอรับ”
หลิวจิ้งเอ่ย “ใต้เท้าทังวางใจ ในเมื่อข้ารับปากแล้วก็ต้องให้อยู่แล้ว วางใจเถอะ”
ทังหยางประสานมือคำนับ “เช่นนั้นก็ดี ขอขอบคุณคุณชายล่วงหน้า!”
หลิวจิ้งขึ้นรถม้า ผ่อนลมหายใจ พอเห็นทังหยางยังมองมาอยู่ก็คิดจะยกมือขึ้นให้เขากลับ แต่พอยกมือขึ้นแล้วก็รีบวางลงอีก ในเมื่อต้องให้เงิน เช่นนั้นก็จะทิ้งฐานะต่อหน้าพวกเขาไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อเขากลับถึงจวน อาหลิวก็ขึ้นรับเอ่ยถาม “คุณชายใหญ่เจรจาเป็นยังไงบ้างขอรับ?”
หลิวจิ้งเอ่ย “อาหลิววางใจ อีกฝ่ายให้ราคาสูงมาก สองล้านตำลึงแน่ะ แต่เขาจะเอาแค่โรงงานยา สถานพยาบาลกับยาพวกนั้นเขาไม่เอา”
“งั้นพระชายารัชทายาทว่ายังไงขอรับ? ท่านบอกพระชายารัชทายาทว่าจะให้ส่วนแบ่งหรือเปล่า? ทรงเอาหรือไม่ขอรับ?” อาหลิวเอ่ยถาม
หลิวจิ้งนั่งลง หัวเราะเยาะ “มีคนรังเกียจกลิ่นเหม็นคาวของเงินด้วยหรือ? ก็ต้องเอาอยู่แล้ว ข้าจะบอกให้นะ อาหลิว คนในจวนอ๋องฉุ่ แต่ละคนล้วนโลภมาก ทังหยางกับสวีอี ปกติเห็นเขาใหญ่โตวางก้ามแต่ช่วยเรื่องนี้หน่อยเดียวก็จะเอาเงินกับข้า ทังหยางยังกลัวข้าไม่ให้ ถึงปากประตูแล้วยังพูดขึ้นอีกแน่ะ”
“พวกเขาติดตามองค์รัชทายาท เบี้ยหวัดไม่มาก มีโอกาสก็หากินข้างนอก ก็ต้องคว้าโอกาสอยู่แล้วขอรับ แบบนี้ก็ดี ถึงยังไงในจวนนอกจวนท่านก็จัดการสักหน่อย ให้ได้ก็ให้บ้าง คนทั้งจวนอ๋องรับเงินท่านแล้วต่อไปจะได้ง่าย องค์รัชทายาทจะจับผิดท่าน ก็มีคนพูดแทนให้ ก็รับเงินรับผลประโยชน์จากท่านแล้วนี่”
หลิวจิ้งพยักหน้า “ข้าก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน”
เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ท่านแม่หาเรื่องพระชายารัชทายาท แล้วพระชายารัชทายาทก็เป็นคนที่เสด็จตาให้ความสำคัญอีก อาหลิวท่านพูดถูก ป้องกันไม่ให้มาเอาคืนพวกเราพี่น้องทีหลัง ให้เงินแลกความอยู่รอดก็ดีเหมือนกัน แต่ให้ครึ่งหนึ่ง เยอะไปหน่อยหรือเปล่า? โรงงานยาขายสองล้านตำลึง ก็ต้องให้นางล้านตำลึง แล้วที่เหลือยังต้องให้อีกไหม? สถานพยาบาลพวกนั้นก็จะขายเหมือนกัน แล้วยังมียาเยอะแยะพวกนั้นอีก ถ้าให้นางครึ่งหนึ่งหมด งั้นก็หลายล้านตำลึงแล้ว”
อาหลิวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “คุณชายจะเสียดายของนอกกายพวกนี้ไม่ได้เด็ดขาดนะขอรับ ชีวิตตัวเองสำคัญหรือว่าเงินสำคัญ? คนในราชวงศ์แหยมได้หรือ? บทเรียนของเจ้าหญิงท่านลืมไปแล้วหรือยังไง? เจ้าหญิงเป็นพระธิดาแท้ๆ ของไท่ซ่างหวง พอล่วงเกินพระชายารัชทายาทแล้ว คนในวังก็สั่งประหารชีวิตทันที แถมยังส่งตัวท่านพ่อกับท่านปู่ของท่านไปอีก เป็นเพราะไท่ซ่างหวงทรงมีเมตตาถึงได้รักษาชีวิตพวกท่านไว้ได้ แต่ไท่ซ่างหวง…”
เขากดเสียงต่ำลง “ไท่ซ่างหวงจะอยู่ได้อีกกี่ปี? พอไท่ซ่างหวงไปแล้ว ถ้าองค์รัชทายาทจะเล่นงานพวกท่านพี่น้องก็ง่ายอย่างพลิกฝ่ามือ!”
เมื่อหลิวจิ้งได้ยินเขาพูดเช่นนี้แล้วก็กลัวขึ้นมาทันใด รีบเอ่ย “ได้ ข้าเชื่ออาหลิว ให้ก็ให้ไปเถอะ”
อาหลิวอือเสียงหนึ่ง มองแล้วพลางเอ่ย “จริงสิ พวกเขายังถามเรื่องอื่นหรือเปล่าขอรับ?”
หลิวจิ้งเอ่ย “ก็สัพเพเหระนิดหน่อย ไม่ได้ถามเรื่องอื่น”
“ไม่ถามถึงข้าน้อย…หรือคนอื่นในโรงงานยาหรือขอรับ? เพราะพวกเขาจะซื้อโรงงานยา ไม่ต้องทำความเข้าใจสักหน่อยหรือ?” อาหลิวจ้องเขาพลางถาม
หลิวจิ้งเมาอยู่บ้าง ใจคิดแต่เรื่องจะขายโรงงานยา เรื่องอื่นเขาไม่ได้ใส่ใจ เอ่ย “ก็ถามเรื่อยเปื่อยนิดหน่อย อย่างคนดูแลกับเงินเดือนพวกคนงาน ข้าก็พูดไปบ้าง นี่สำคัญด้วยหรือ?”
อาหลิวโล่งอก “ไม่สำคัญขอรับ ก็ต้องพูดได้อยู่แล้ว”
“งั้นพรุ่งนี้ก็ตอบตกลง? ตีเหล็กเมื่อร้อน ข้ากลัวว่าเขาจะไปสืบเรื่องข้างนอกแล้วกลับมากดราคา” หลิวจิ้งยังร้อนใจอยู่บ้าง
“ขอรับ ขายเถอะ!” อาหลิวพูด
หลิวจิ้งพูดขึ้นอย่างดีใจ “งั้นก็ตามนี้ คืนนี้ข้าจะไปเที่ยวที่หอสามบุปผาสักหน่อย พรุ่งนี้ก็ไปขายโรงงานยาที่จวนอ๋องฉู่ อาหลิว พรุ่งนี้ท่านไปเป็นเพื่อนข้า เรื่องหนังสือสัญญาข้าไม่รู้เรื่อง กลัวถูกหลอก”
อาหลิวรับคำเสียงหนึ่ง “ขอรับ พรุ่งนี้จะไปกับท่านด้วย”
วันถัดมา หูชิงหยุนก็พบกับหลิวจิ้งสามพี่น้องที่จวนอ๋องฉู่ เรื่องที่ขายโรงงานยาสำเร็จ ทงผ้านของที่ทำการปกครองก็มาด้วย เป็นสักขีพยานในเรื่องนี้ แล้วลวดทำหนังสือสัญญาแดง (*เอกสารซื้อขายที่ดินที่เสียภาษีและทางการได้ประทับตราแล้ว)
อาหลิวท่านนี้ในที่สุดก็ปรากฏตัว
แต่คนทั้งจวนอ๋องราวกับใจจดใจจ่อกับการซื้อขายนี้ ไม่มีใครสนใจอาหลิว
หูชิงหยุนเป็นคนทำหนังสือสัญญา ยื่นให้หลิวจิ้งอ่าน
หลิวจิ้งดูไม่เป็น และไม่ค่อยรู้เรื่องด้วย น้องชายทั้งสองของเขาก็ย่อมเช่นกัน ดังนั้นจึงยื่นให้อาหลิวอ่าน
เนื่องจากอาหลิวกำลังอ่านหนังสือสัญญา ดังนั้นสายตาของทุกคนจึงรวมอยู่ที่ตัวเขา
อายุประมาณห้าสิบ ผิวหยาบกร้าน ดำคล้ำ เสื้อผ้าดำทั้งชุด ที่แขนมีผ้าพันไว้ นี่เหมือนกับพี่น้องตระกูลหลิว ไว้ทุกข์ให้ฮุ่ยผิง
หลังจากอาหลิงอ่านอย่างละเอียดแล้ว เมื่ออ่านจบก็ยื่นให้หลิวจิ้ง เอ่ย “ไม่มีปัญหา!”
หลิวจิ้งจึงลงชื่อ ประทับรอยนิ้วมือ น้องชายของเขาทั้งสองก็ลงชื่อและประทับรอยนิ้วมือตาม จากนั้นก็ส่งให้ทงผ้านประทับตราของที่ทำการปกครอง เช่นนี้ การซื้อขายก็เป็นอันเสร็จ
หูชิงหยุนหยิบกล่องมา ที่บรรจุข้างในล้วนเป็นตั๋วเงิน ให้หลิวจิ้งเอาไปนับ เรื่องนับตั๋วเงินหลิวจิ้งยังถือว่าคล่อง นับไปพักหนึ่ง จำนวนเงินถูก เขาก็หัวเราะเอ่ย “เถ้าแก่หู โรงงานยาเป็นของท่านแล้ว ขอให้ท่านค้าขายรุ่งเรือง!”
หูชิงหยุนหัวเราะชอบใจ “ขอให้เป็นดั่งที่คุณชายกล่าว”
เขาลุกขึ้นประสานมือ “ขอบคุณทุกท่าน อีกสองสามวันข้าน้อยจะจัดโต๊ะอาหาร ขอเชิญทุกท่านมาเป็นเกียรติด้วย!”
“เกรงใจไปแล้ว ใต้เท้าทัง ส่งใต้เท้าทงผ้านกับเถ้าแก่หูด้วย!” หยวนชิงหลิงหัวเราะเอ่ย
“พ่ะย่ะค่ะ” ทังหยางโค้งคำนับ “ใต้เท้า เถ้าแก่หู ข้าจะไปส่งพวกท่าน!”
ทงพ่านกับหูชิงหยุนประสานมือ เดินตามทังหยางออกไป
หลิวจิ้งเปิดกล่อง ใช้ความรู้สึกหยิบตั๋วเงินครึ่งหนึ่งออกมาวางไว้บนโต๊ะ พูดกับหยวนชิงหลิง “พี่สะใภ้ เงินพวกนี้เป็นค่าน้ำชาท่านพ่ะย่ะค่ะ ขอทรงรับไว้ด้วย!”
หยวนชิงหลิงหัวเราะเอ่ย “ข้ามีธุระ ขอตัวก่อน ใต้เท้าทังจะรับรองทุกท่านเอง”
นางยังไม่บอกว่าจะเอาเงินหรือไม่ พาอะซี่ไปทั้งอย่างนี้
หลิวจิ้งชะงัก มองอาหลิว
อาหลิวง่วงอยู่กับแขนเสื้อ เอ่ยเสียงเบา “ไปเถอะขอรับ วางไว้ตรงนี้ก็พอ นี่เป็นมารยาท ไม่รับซึ่งหน้าหรอกขอรับ”
หลิวจิ้งอ้อเสียงหนึ่ง เขารีบล้วงตั๋วเงินที่มูลค่าต่ำหน่อยจำนวนหนึ่ง ยัดให้สวีอีสองใบ สวีอีรับไว้แบบกึ่งผลัก
สำหรับคนอื่นในจวนที่อยู่ตรงนั้นก็ได้กับจำนวนหนึ่ง รอใต้เท้าทังส่งแขกกลับมาแล้ว หลิวจิ้งก็ดึงเขามาที่ข้างล่างทางเดิน ยัดตั๋วเงินในช่องแขนเสื้อเขาสองสามใบ เอ่ย “ที่เรื่องนี้จัดการได้เร็วขนาดนี้ ต้องขอบคุณใต้เท้าทังที่ใส่ใจลงแรงมาก”
ทังหยางอมยิ้ม “คุณชายเกรงใจไปแล้ว เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
เขาส่งทุกคนออกไปอีกครั้ง มองพวกเขาขึ้นรถม้าจากไป
เมื่อกลับเข้าจวน เขาก็ทำหน้าขรึมทันที เรียกองครักษ์เงาดำ “ส่งคนไปเฝ้าไว้ ถ้าอาหลิวคนนี้ให้คนปล่อยข่าวลือ ก็จับมาสอบสวนหนักทันที!”