หยู่เหวินเห้าเชื่อเขา เชื่อใจเขาและก็เชื่อฝีมือทางการแพทย์ของเขา เจ้าหยวนเคยพูดกับเขาหลายครั้ง ฝีมือการผ่าตัดของพี่ชายดีอย่างมาก เป็นศัลยแพทย์ที่ยอดเยี่ยม เขาเต็มใจที่จะมอบชีวิตของเขาให้กับเขา
เมื่อตกลงแล้วว่าจะทำการผ่าตัด ก็ต้องทำการตรวจก่อนการผ่าตัดทั้งหมด
ก่อนอื่นต้องหากรุ๊ปเลือด คนที่อยู่ที่นี่ล้วนเป็นคนฝึกฝีมือการต่อสู้ ร่างกายแข็งแรงดี หลังจากถามแล้วว่าไม่มีโรคประจำตัวอะไร ก็เริ่มทำการตรวจกรุ๊ปเลือด
ฟางหวูเตรียมห้องผ่าตัด เลือกห้องมาหนึ่งห้อง ทำความสะอาดฆ่าเชื้อ แล้วก็หาสิ่งของที่ต้องใช้ในการทำการผ่าตัดในกล่องยาออกมา นางควบคุมกล่องยาได้ไม่ดีเท่าหยวนชิงหลิง แต่สิ่งที่ต้องใช้ล้วนมีครบ
เพราะก่อนหน้านี้หลังจากดื่มน้ำจื่อจินลงไปแล้วอาการดีขึ้น ดังนั้นจึงถามข้าวต้มไปบ้าง ในท้องมีอาหาร ดังนั้นการผ่าตัดจึงไม่สามารถดำเนินทันที ยังต้องรออีกหลายชั่วโมง ดังนั้นจึงทำได้เพียงเติมน้ำเกลือก่อน
และหลังจากหลายชั่วโมงแล้ว ก็เป็นตีสาม พี่ชายหยวนจึงตัดสินใจที่จะทำการผ่าตัดในวันพรุ่งนี้ เพราะการผ่าตัดตอนกลางคืนใช่ว่าจะกระทำไม่ได้ แต่เพราะแสงสว่างที่นี่ไม่ค่อยดี พรุ่งนี้หากมีแสงอาทิตย์ ก็ไม่ต้องใช้แสงสว่างจากตะเกียง
เขาไปตรวจดูห้องผ่าตัด มองดูบนหลังคาไม่มีกระเบื้องใส แสงสว่างไม่ดี เขาจึงให้ทังหยางเปลี่ยนเป็นกระเบื้องใสหลายแผ่น ให้แสงอาทิตย์ในวันพรุ่งนี้ส่องเข้ามา สามารถเพิ่มความสว่างในห้องผ่าตัดได้
หลังจากฟางหวูตรวจเลือดให้กับหยู่เหวินเห้า พบว่าเกล็ดเลือดและฮีโมโกลบินของเขาค่อนข้างต่ำ จึงเติมโปรตีนให้เขา หากไม่ดีขึ้น ก็ต้องทำการให้เลือดก่อน
ผ่าอกรักษาปอด สำหรับพี่ชายหยวน ไม่ถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ แต่เนื่องจากสภาวะที่ยากลำบาก เขาจึงพูดกับฟางหวูอีกครั้งว่า ต้องแน่ใจว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด สิ่งที่คนสามารถควบคุมได้ ล้วนควบคุมทั้งหมดให้ดี
ทุกคนต่างเอาความหวังทั้งหมดฝากไว้ที่พี่ชายหยวนกับฟางหวู ไม่ใช้กำลังภายในช่วยหมุนเวียนเลือดกับให้ยาอีก มองดูยาที่ไหลผ่านท่อแปลก ๆ เข้าไปในร่างกายขององค์ชายรัชทายาท และองค์ชายรัชทายาทก็ดูอาการดีขึ้นกว่าเดิม ทุกคนจึงต่างเชื่อมั่นพี่ชายหยวนอย่างไม่สงสัย
ตอนนี้ทุกคนหวังเพียงว่าพรุ่งนี้อากาศจะแจ่มใส แล้วทุกอย่างก็พร้อมแล้ว
รอถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าแจ่มใส ห้องผ่าตัดที่เสริมด้วยกระเบื้องใส ถูกฆ่าเชื้ออีกครั้ง ก่อนที่หยู่เหวินเห้าจะถูกย้ายเข้าไป
และคนที่มีกรุ๊ปเลือดเหมาะสม ก็ต้องทำการฆ่าเชื้อแล้วก็เข้าไปรออยู่ด้านข้าง เพราะอุปกรณ์มีจำกัด จึงต้องทำการให้เลือดโดยตรง
ก่อนที่จะมีการใช้ยาสลบ หยู่เหวินเห้าที่สติค่อนข้างเลือนรางแล้ว คว้าจับมือพี่ชายหยวนขึ้นมาในทันใด พร้อมพูดขึ้นด้วยดวงตาเป็นประกายว่า “รอแปบหนึ่ง เจ้าหยวนมาแล้ว”
พี่ชายหยวนอึ้ง นึกว่าเขาหวังอยากให้น้องสาวมา จึงพูดปลอบด้วยเสียงเบาว่า “วางใจ นางอยู่ระหว่างทางแล้ว คิดว่าพรุ่งนี้ก็น่าจะมาถึง รอเมื่อนางมาถึง ฤทธิ์ยาสลบของเจ้าก็หมดแล้ว น่าจะตื่นแล้ว”
“ไม่ นางมาแล้ว” หยู่เหวินเห้าพยายามลืมตาขึ้น มองไปทางหน้าประตู สายตาฉายแววเป็นประกาย
หลายคนที่อยู่เตรียมให้เลือดต่างแปลกใจมาก เกาะหน้าต่างแล้วมองไปทางด้านนอก และแล้วก็ได้ยินเสียงกีบม้าดังขึ้น
สักพัก ด้านนอกก็มีเสียงพูดคุยกันดังขึ้น
“มาแล้วจริงหรือ?” พี่ชายหยวนคาดไม่ถึง เดิมคิดว่าอีกสองวันนางถึงจะมาถึง เจ้าคนนี้ ไม่คิดถึงชีวิตแล้วจริงๆ
ฟางหวูถือกล่องยาและน้ำยาฆ่าเชื้อออกไป แล้วก็เห็นพวกหยวนชิงหลิงมาถึงแล้วจริงๆ ทังหยางกำลังเล่าสถานการณ์ให้นางฟัง เห็นฟางหวูออกมา หยวนชิงหลิงน้ำตา พร้อมรีบถามขึ้นว่า “เขาเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฟางหวูดูนางเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ความเหนื่อยล้ายังไม่จางหาย สายตากลับเต็มไปด้วยความกังวล จึงพูดขึ้นว่า “กำลังเตรียมการผ่าตัด รีบฆ่าเชื้อเข้าไปเถอะ”
นางรีบรับกล่องยามา เดินไปยังห้องอีกห้องอย่างรวดเร็ว ในกล่องยามีเสื้อปลอดเชื้อ หลังจากนางเปลี่ยนเสร็จแล้ว สวมผ้าปิดปาก จากนั้นก็ออกมาฆ่าเชื้อหน้าประตู การกระทำทั้งหมด นางทำได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ไม่มีความตื่นตระหนกกังวลเป็นพิเศษ
หลังจากฆ่าเชื้อแล้ว นางให้ฟางหวูฆ่าเชื้ออีกครั้ง แล้วก็เข้าไปในห้องผ่าตัดพร้อมนาง
ระหว่างทางเร่งเดินทางมาอย่างกังวล ไม่ได้หยุดพักผ่อน เหนื่อยล้าอย่างที่สุด แต่เห็นเขานอนอยู่บนเตียงผ่าตัด กำลังยิ้มดีใจให้กับนางด้วยริมฝีปากขาวซีด นางหายเหนื่อยล้าในทันที รีบเดินไปจับมือของเขาไว้ สิบนิ้วประสานกัน มองลึกเข้าไปในสายตาของเขา ดวงตาแดงก่ำพร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบาว่า “ข้ามาแล้ว”
เขาพยักหัวเล็กน้อย เผยให้เห็นสายตาที่ดีใจและคิดถึงอย่างไม่ปิดบัง ตั้งแต่ได้รับบาดเจ็บ เขามีสติที่สุดก็คือตอนนี้
เขารู้ว่านางจะต้องมา
ความไม่สบายใจและเป็นกังวลล้วนจางหายไปหมด ต่อให้เป็นอย่างไรต่อไป เขาสามารถได้เห็นหน้านางครั้งนี้ ก็เพียงพอแล้ว
จ้องมองสักพัก แล้วเขาก็ค่อยๆหลับตาลง
ตอนที่พวกเขากำลังพูดคุยจ้องมองตากัน พี่ชายหยวนได้ฉีดยาชาเข้าไปในสายน้ำเกลือแล้ว
หยวนชิงหลิงหายใจออกเบาๆ ตั้งสติ ปรับอารมณ์ ทำให้ตัวเองอยู่ในสภาวะที่เป็นมืออาชีพ
พี่ชายหยวนเป็นหมอผ่าตัดหลัก หยวนชิงหลิงกับฟางหวูเป็นผู้ช่วย เสียบอ็อกซิเจน จากนั้นก็เริ่มดำเนินการผ่าตัด
ไม่มีเครื่องมือช่วย ทุกอย่างต้องใช้สายตาจริง แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของพี่ชายหยวน ถือมีดผ่าตัดไว้ ลงมือผ่าตรงหน้าอก ในวินาทีที่มีเลือดพุ่งออกมา คนที่อยู่ด้านข้างต่างก็ตื่นตระหนกตกใจ
ทุกคนแทบหยุดหายใจ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจออก กลัวว่าจะเป็นการรบกวนพี่ชายหยวน หากมีดของเขากรีดผิดตำแหน่ง งั้นก็เท่ากับว่าจะเสียชีวิต
แต่ในขณะที่พวกเขาไม่กล้าพ่นลมหายใจออกมา กลับได้ยินพี่ชายหยวนพูดล้อเล่นขึ้นมาในทันใดว่า “ผิวหนังบนหน้าของน้องเขยไม่เลว เจ้าคนนี้น่าจะหมั่นออกกำลังกายไม่น้อยมั้ง?”
เสียงของเขา ดังอยู่ในห้องผ่าตัดอย่างอึดอัด ใจของทุกคนตกไปอยู่ตาตุ่ม แทบอยากจะดึงเขาออกมากระทืบสักรอบ เขาถือมีดผ่าหน้าอกขององค์ชายรัชทายาทอยู่นะ ยังจะพูดเล่น?
เดิมคิดว่าพระชายารัชทายาทจากดุเขา กลับคิดไม่ถึง พระชายารัชทายาทพูดขึ้นว่า “เขาเป็นคนฝึกฝีมือการต่อสู้ กล้ามเนื้อหน้าอกหน้าท้องล้วนไม่เลว”
“อืม แต่เขาก็เคยได้รับบาดเจ็บมาไม่น้อย ดูรอยแผลเต็มบนตัว น่าสงสารจริงๆ”
“ส่วนมากเป็นรอยแผลเป็นตอนที่ไปทำเสร็จ บางส่วนเป็นการถูกลอบสังหาร โชคดีที่ก่อนหน้านี้ พบเจอสถานการณ์เลวร้ายแต่ไม่มีอันตรายใดๆ” หยวนชิงหลิงพูดขึ้นอย่างสงบจิตสงบใจ นางกำลังปลอบใจตนเอง ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ถึงสถานการณ์จะเลวร้ายแต่ก็จะไม่มีอันตรายใดๆ
พี่ชายหยวนอืมหนึ่งคำ มีเลือดพุ่งผ่านสายตาของเขา จึงพูดขึ้นว่า “คีมห้ามเลือด”
หยวนชิงหลิงยื่นไปให้ ฟางหวูเอาผ้าขนหนูเช็ดเลือดที่หน้าผากให้เขา การแสดงออกของทั้งสามคนนั้นสงบอย่างผิดปกติ
แต่ธนาคารเลือดเคลื่อนที่หลายคน ที่อยู่ด้านข้าง ตกใจจนแทบล้มลงกับพื้น
การผ่าตัดกำลังดำเนินไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน หลังจากผ่าหน้าอกแล้ว ทุกอย่างเป็นเหมือนอย่างที่พี่ชายหยวนวินิจฉัย กระดูกซี่โครงหัก ปอดถูกแทง ปอดด้านขวามีเนื้อตาย จะต้องทำการตัดทิ้ง ไม่สามารถซ่อมรักษาได้
เลือดไหลค่อนข้างมาก ดังนั้นต้องให้เลือด ฟางหวูมาเจาะเลือด แล้วเอาไปเติมเข้าร่างกายหยู่เหวินเห้า
ในใจหยวนชิงหลิงไม่กลัวเลยสักนิด ตลอดทางนางคิดว่าตนเองจะตื่นเต้นอย่างมาก แต่ไม่เลย มีพี่ชายอยู่ด้วย ช่วยคลายความกดดันให้นางอย่างมาก
การผ่าตัดดำเนินไปกว่าสองชั่วโมง ความเร็วนี้ไม่ถือว่าไว แต่ก็ยังดี เพราะยังไงนี่ก็เป็นการกระทำจนประสบความสำเร็จภายใต้การที่ไม่มีเครื่องมือใดใดช่วย
สุดท้ายเย็บแผลต่างๆ หยวนชิงหลิงเป็นคนทำ พี่ชายหยวนฟังการทำงานของหัวใจและปอด แล้วยื่นมือออกมาทำท่าโอเคให้กับนาง