พระชายาซุนเพ่งมองนาง “ทำไม? เจ้าจะแต่งกับใคร?”
“ทำไม? ท่านไม่ดีใจแทนข้าหรือ?” จวิ้นจู่จิ้งเหอยิ้มแล้วเอ่ยถาม
พระชายาซุนร้อนใจเป็นที่สุด “ข้าดีใจบ้าอะไร ข้าจะดีใจอะไรล่ะ? เจ้าแต่งกับใคร? เป็นคนของตระกูลใด? ลักษณะนิสัยเป็นอย่างไร? คนในจวนซับซ้อนหรือไม่? แม่สะใภ้เป็นคนเรื่องมากหรือไม่? พี่สาวน้องสาวของสามีเจ้าเล่ห์ร้ายหรือไม่? ฝ่ายตรงข้ามเคยแต่งงานหรือเปล่า? มีลูกชายลูกสาวไหม?”
คำถามเป็นพวงติดกันถูกพ่นออกมาจากปากของพระชายาซุน เรียงกันทีละอย่างๆ ชัดเจนไร้ที่เปรียบ และเป็นจริงมากที่สุด ฟังออกได้ว่านางเป็นคนที่ห่วงใยจวิ้นจู่จิ้งเหอที่สุด จะแต่งงานของนางประโยคเดียว นางก็ได้ช่วยนางฉวยจับปัญหาที่สำคัญที่สุดแล้ว
เดิมทีจิ้งเหอมองดูนางแบบหยอกล้อ ได้ยินนางถามเช่นนี้ ตะลึงงันไปชั่วขณะ นัยน์ตามีหมอกชั้นหนึ่งพรั่งพรูขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เบ้าตาแดงเล็กน้อย “ท่านพี่สะใภ้รอง ขอบคุณท่านมาก!”
“เจ้ายังรู้จักเรียกข้าว่าท่านพี่สะใภ้รองคำหนึ่ง เจ้า……เฮ้อ เจ้าแต่งงานเช่นนี้แล้ว น้องสามจะทำอย่างไรล่ะ?” พระชายาซุนร้อนใจจนกระทืบเท้า
“ไม่ใช่ว่าท่านรู้สึกว่าเขาไม่ดีต่อข้ามาตลอดหรือ ไม่ยอมที่จะสนใจเขาหรือเพคะ?” จิ้งเหอกล่าว
พระชายาซุนเองพูดพลางเบ้าตาก็แดงแล้ว “เมื่อก่อนเขาไม่ดีกับเจ้าจริงๆ ไม่สมควรได้รับการอภัยจริงๆ แต่……ตอนนี้เจ้ากำลังจะแต่งงานนี่ เจ้าเป็นการเอาชีวิตเขาเชียวนะ ในจิตใจของเขาคิดอย่างไร ข้ารู้ดี ก็เพราะรู้ว่าเขารักเจ้า แต่กลับทำเรื่องเช่นนั้นออกมาเพื่อทำร้ายเจ้า ข้าจึงไม่ให้อภัยเขา แต่ในโลกนี้ ก็หาคนผู้หนึ่งที่รักเจ้าเช่นนี้ไม่ได้แล้วจริงๆ”
คำพูดนี้ของพระชายาซุน พูดจนจิตใจของทุกคนล้วนเป็นทุกข์อย่างที่สุด แม้แต่ฮู่เฟยที่ไม่ค่อยได้ไถ่ถามถึงเรื่องราวของพวกเขาทั้งสองมากนัก ได้ยินแล้วก็เบ้าตาแดงขึ้นมา
โดยเฉพาะพระชายาอานรู้สึกทุกข์ใจเป็นพิเศษ หลบหน้าไปเช็ดน้ำตา อ๋องเว่ยและจวิ้นจู่จิ้งเหอตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ทั้งหมดล้วนเกิดจากน้ำมือของเจ้าสี่
จิ้งเหอกล่าวเบาๆคำหนึ่ง “ในเมื่อท่านไม่เห็นด้วยที่ข้าจะกลับมาอยู่กับเขาอีกครั้ง เช่นนั้นท่านคือต้องการให้ข้าอยู่คนเดียวจนแก่เฒ่าหรือเพคะ?”
“เช่นนั้นไม่ได้!” พระชายาซุนแหงนหน้ามองนางทันที น้ำเสียงค่อนข้างหนักแน่น “อยู่คนเดียวจนแก่เฒ่าไม่ได้ ดูฮูหยินเหยาเช่นนั้น ช่างน่าสงสารนัก ทุกครั้งที่ข้าพบนาง ข้ารู้สึกกระทั่งว่านางกำลังจะขึ้นราแล้ว”
จวิ้นจู่จิ้งเหอเหลือบมองนาง “เช่นนั้นท่านจะให้ข้าทำอย่างไรเพคะ?”
พระชายาซุนพูดไม่ออกชั่วขณะ!
จวิ้นจู่จิ้งเหอหัวเราะเจื่อนๆเสียงหนึ่ง “สถานการณ์ของข้าในตอนนี้ทำตัวไม่ถูกเป็นที่สุด ข้าแต่งงานไม่ได้ คืนดีไม่ได้ เหงาไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะต้องจัดการตัวเองอย่างไรล่ะเพคะ? หลายวันมานี้ข้าอยู่ในจวน ผู้อาวุโสในตระกูลมองข้าด้วยสายตาสงสารทุกวัน ลองหยั่งเชิงทั้งทางตรงทางอ้อมว่าข้าควรจะแต่งงานแล้ว ถึงกระทั่งมองหาตัวเลือกที่เหมาะสมให้ข้า หากข้าออกจากจวนไปสำนักแม่ชี เงียบสงบก็เงียบสงบ แต่สุดท้ายจิตใจข้าก็ไม่สงบนี่ ข้าตัดใจทิ้งครอบครัวไม่ลง ออกจากเมืองหลวง…….บอกตามตรง ข้าเหนื่อยล้าแล้ว เดินไปแห่งใดก็ล้วนเป็นคนแปลกหน้า อยากหาคนคุยด้วยสักคนก็ไม่ได้ ความเหงาแบบนั้น ท่านรู้หรือไม่? ว่าเป็นการเปล่งออกมาจากในวิญญาณ เมื่อครู่ท่านพี่สะใภ้รองบอกว่าฮูหยินเหยากำลังจะขึ้นราแล้ว ข้าคิดว่าเป็นข้าที่ใกล้จะขึ้นราแล้วจริงๆ บางครั้งข้าอยากไปหาพวกท่านเพื่อพูดคุยเป็นอย่างมาก แต่เมื่อข้าไปหาพวกท่าน สายตาที่พวกท่านมองข้า ข้ารู้สึกเหมือนเป็นการมองลูกสุนัขที่บาดเจ็บตัวหนึ่ง แม้แต่พูดจาก็ต้องระมัดระวัง กลัวเพียงอย่างเดียวว่าหากพูดผิดไปประโยคหนึ่งจะทำให้ข้าเป็นทุกข์ใจ ข้าซาบซึ้งใจเป็นที่สุดที่พวกท่านดีต่อข้า แต่ว่า ทำเหมือนข้าเป็นคนปกติ บางที ทุกคนก็อาจจะไม่ได้กดดันขนาดนี้ก็ได้เพคะ”
คำพูดนี้ ทำให้ทุกคนน้ำตาเอ่อขึ้นมาแล้ว ทำให้คนเป็นทุกข์ใจมาก เมื่อคิดว่านางใช้ชีวิตด้วยความลังเลกระวนกระวายเช่นนี้ ทุกคนก็ล้วนอัดอั้นตันใจอย่างอธิบายไม่ออกจริงๆ
พระชายาอานพยายามฝืนกลั้นน้ำตาไว้ โดยปกติแล้วนางรู้จักวางตัว งานเฉลิมฉลองวันนี้ ไม่สามารถหลั่งน้ำตาโดยง่ายดายได้ กล่าวสะอึกสะอื้น “โล่โล่ ขอโทษ ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้าสี่ จริงๆข้า……ข้าไม่สามารถแก้ตัวให้เขาได้ เพราะเขาทำร้ายจนพวกท่านสามีภรรยาเป็นอย่างวันนี้”
จวิ้นจู่จิ้งเหอมองดูนาง ทอดถอนใจเสียงหนึ่ง “ดูสิ ข้ารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ แต่ละคนแย่งกันเอาความผิดไว้ที่ตัว สองปีมานี้ ข้าคิดทบทวนอยู่หลายครั้ง พระชายาอาน ท่านพูดประโยคนี้ ถูกต้องเพียงครึ่งเดียวนะ ก็ไม่ได้เป็นความผิดของอ๋องอานทั้งหมด กลอุบายเหล่านั้นของเพื่อนเก่า ข้าและพระชายารัชทายาทล้วนไม่ได้ติดกับ ทำไมเขาถึงติดกับได้? เพียงแต่ หากบอกว่าเจ้าสามผิด แล้วความผิดอยู่ที่ใดล่ะ? ผิดที่เขาไม่เชื่อใจข้าหรือ? แต่ทำไมเขาถึงไม่เชื่อใจข้า? ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ก็ยังเป็นระหว่างพวกข้าสามีภรรยาที่มีปัญหากันตั้งนานแล้ว ถึงได้ทำให้คนมาฉวยโอกาสได้ ข้าไม่อาจทำให้เขาเชื่อใจข้าได้ทั้งหมด ข้าก็ต้องรับผิดชอบ เรื่องเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นบนตัวของรัชทายาทและพระชายารัชทายาท แม้กระทั่งบนตัวของท่านพี่สะใภ้รองกับท่านพี่รอง มีเพียงพวกเราเท่านั้น…….ด้วยเหตุนี้ จะโทษใครได้ล่ะ? และตอนนี้จะโทษใคร แล้วจะมีความหมายอะไรอีกล่ะเพคะ?”
นางพูดจบ ก็มองดูสีหน้าที่ผิดหวังของทุกคน ตบมือแล้วหัวเราะ “วันนี้เป็นวันที่ดีมากเพียงใด เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองนะเพคะ ต้องยิ้ม อย่าพูดถึงเรื่องเหล่านั้นเลย ล้วนผ่านไปแล้ว ปล่อยให้มันจางหายไปเถอะเพคะ”
ทุกคนพยายามมีชีวิตชีวา หัวเราะเล็กน้อย แต่พระชายาซุนกลับยังคงเพ่งมองนางและถามว่า “เช่นนั้นเจ้าจะแต่งงานกับใคร?”
จวิ้นจู่จิ้งเหอหัวหัวเราะ เอ่ยขึ้นอย่างจริงจังว่า “แต่งงานกับเทพสงครามเพคะ!”
ทุกคนล้วนตะลึง พระชายาซุนถามอย่างงงงัน “อะไร? เทพสงคราม? เทพสงครามคนไหน?”
จวิ้นจู่จิ้งเหอมองดูนาง “ก็คือเทพสงครามผู้นั้นที่หม่อมฉันต้องการแต่งงานด้วยเพคะ”
ทุกคนล้วนสับสนไปหมด แต่ฮู่เฟยตะลึงงันครู่หนึ่ง แล้วมองนางด้วยความประหลาดใจ “เจ้า เจ้าเช่นนี้เป็นแต่งงานที่ไหนกัน? นี่เจ้าคือตั้งใจว่าอนาคตจะไม่แต่งงานหรือ?”
หยวนหย่งอี้และพระชายาซุนก็เข้าใจได้ทันที สตรีชาวบ้าน หากไม่อยากแต่งงาน แต่ก็กลัวว่าจะถูกคนนินทาอีก จึงเดินตามพิธีการ เอาตัวเองไปแต่งงานกับเทพแห่งการทอผ้า เทพแห่งการเย็บปัก เทพบุปผา เทพงูจำพวกนั้น ด้วยเหตุนี้ ด้วยความเคารพเทพเจ้าที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนของครอบครัวฝ่ายหญิง ปกติแล้วจึงไม่กล้าบังคับให้แต่งงานอีก และคนรอบข้างก็จะไม่กล้าจับผิด อย่างไรเสีย ก็ไม่มีใครรู้ว่าเทพเซียนเหล่านี้มีอยู่จริงหรือไม่ ทันทีที่นินทากล่าววาจาชั่วร้าย ก็กลัวว่าจะถูกเทพเจ้าลงโทษ!
มีความสุขอย่างสุขสงบ
แต่นางไม่แต่งงานกับเทพแห่งการทอผ้าเทพบุปผา แต่กลับเอาตัวเองไปแต่งงานกับเทพสงคราม นี่กลับทำให้คนสนใจอยู่เล็กน้อย
เพราะว่า ก่อนหน้านี้อ๋องเว่ยเคยได้รับการชื่นชมจากไท่ซ่างหวงมาก่อน บอกว่าเขาเป็นเทพสงครามแห่งเป่ยถัง
นางต้องการที่จะเอาตัวเองไปแต่งงานกับอ๋องเว่ยในอดีตหรือ?
พระชายาซุนถอนหายใจ “ทำไมเจ้าต้องทำเช่นนี้เล่า?”
จวิ้นจู่จิ้งเหอกล่าว “นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด ข้าแต่งงานแล้ว ครอบครัวข้าจะได้ไม่ต้องเจรจาเรื่องแต่งงานให้ข้าอีก ในจวนก็จะไม่มีแม่สื่อมาเยือนถึงบ้านทุกวัน พวกเขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าหลังจากที่ข้าตายจะไร้วัดไร้ที่อยู่และร่องรอยอย่างโดดเดี่ยว ข้าแต่งงานแล้วสามารถย้ายออกไปอยู่อาศัยเองได้อย่างเปิดเผย ดังนั้น ทำครั้งเดียวได้ประโยชน์หลายอย่าง พวกท่านไม่จำเป็นต้องเกลี้ยกล่อม ข้าทำตามใจตัวข้าเอง ข้าอยากทำเช่นนี้ ก็จะต้องทำเช่นนี้แน่นอน หวังว่าทุกคนจะเคารพการเลือกของข้าเพคะ”
ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง นำกล่าวคำอวยพรเล็กน้อยเป็นคนแรกโดยฮู่เฟย ฟังแล้วดูน่าขัน ทว่า ทุกคนล้วนพยายามจริงใจเป็นที่สุด หวังว่านางจะสามารถสงบสุขและมีความสุขได้จริงๆ
แม้ว่าพระชายาซุนยังจะอยากจะพูดอะไรอีกเล็กน้อย แต่ว่า ผ่านในสมองของนางไปรอบหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร นางหาคนมาแต่งงานด้วยจริงๆ เช่นนั้นนางก็ไม่วางใจ มักจะรู้สึกว่าผู้ชายใต้หล้าล้วนไม่ได้รักนางเท่าอ๋องเว่ย
แต่ไม่แต่งงานเช่นนี้แล้ว ทั้งชีวิตนี้ของนาง ก็เหลือจะทน เพราะว่า ตั้งแต่นี้นางเพื่ออ๋องเว่ยแล้วจะไม่แต่งงาน อ๋องเว่ยอาจจะไม่ได้เพราะนางจึงไม่แต่งงานอีก ผู้ชายล้วนเป็นพวกลืมง่ายทั้งนั้น