ฮู่เฟยเงยหน้าขึ้น มีความแปลกใจเล็กน้อย “ฝ่าบาท นี่เกรงว่าจะไม่เหมาะสมนะเพคะ”
ฮ่องเต้หมิงหยวนโบกมือ “ไม่เหมาะสมได้อย่างไร? ข้าตัดสินใจแล้ว พรุ่งนี้เช้าก็จะไปบอกกับไท่ซ่างหวง”
“เพียงแต่” ฮู่เฟยรู้สึกว่าไม่เหมาะสมจริงๆ นั่งตัวตรงจ้องมองฮ่องเต้หมิงหยวนกล่าวว่า “แม้ว่าอ๋องชินทุกท่านก็มีการพระราชทานแต่งตั้ง แต่แต่งตั้งไม่มาก อีกทั้งล้วนมีผลงานถึงจะมีการพระราชทานแต่งตั้ง เจ้าสิบไม่เคยขึ้นสนามรบทำความดีความชอบให้ประเทศมาก่อน พริบตาเดียวก็ได้รับหัวเมืองห้าหัวเมือง เกรงเพียงว่าจะทำให้คนวิพากษ์วิจารณ์ว่าท่านลำเอียงได้”
ทีแรกฮ่องเต้หมิงหยวนคิดว่าฮู่เฟยจะดีใจมาก ไหนจะรู้เลยกลับทำให้เขาเสียอารมณ์ได้เพียงนี้ อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าไม่พอใจทันที “ผู้ใดกล้าวิพากษ์วิจารณ์ หัวเมืองทั้งห้านี้เป็นทะเลทรายเวิ้งว้าง ดินไม่มีปุ๋ย จึงพระราชทานแต่งตั้งให้ ทุกปีจะมีรายได้มากน้อยเพียงใดกัน? หากว่าข้าคิดจะลำเอียงเจ้าสิบจริงๆ ก็สามารถแบ่งพระราชทานแต่งตั้งเมืองอื่นได้ จะต้องเป็นสถานที่ที่นกไม่วางไข่เช่นนี้ทำไม?”
ฮู่เฟยเห็นเขาโกรธ คิดว่าเขาที่ทำเช่นนี้ ก็เพราะเจตนาดีต่อตนเองและเจ้าสิบครั้งหนึ่ง ทำไมจะต้องขุ่นข้องหมองใจกับเขาด้วย? เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็อ่อนลง “หากท่านต้องการทำเช่นนี้จริงๆ เช่นนั้นหม่อมฉันก็ขอบพระทัยแทนเจ้าสิบละกันเพคะ!”
ฮู่เฟยพูดพลาง โน้มตัวลงคำนับเขา
ฮ่องเต้หมิงหยวนยื่นมือไปประคองข้อมือของนาง ประคองนางขึ้นมา มองดูแก้มอวบอิ่มอย่างเห็นได้ชัดของนาง กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ายอมรับว่าข้าค่อนข้างให้ความลำเอียงเจ้าสิบอยู่บ้าง นั่นเป็นเพราะเขาเป็นลูกที่เจ้าให้กำเนิด ข้าปรารถนาจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดแก่เขา แต่ตำแหน่งรัชทายาทนี้ได้กำหนดไว้แล้ว ข้าไม่อาจแตะต้องพื้นฐานของประเทศเพื่อเขาได้ อีกทั้งเจ้าห้าก็สอดคล้องกับความพึงพอใจของข้า เขาเหมาะที่สุดที่จะเป็นบุคคลที่ได้รับเลือกเป็นรัชทายาท ข้าชดเชยให้เจ้าสิบ เพื่อรับรองว่าทั้งชีวิตนี้ของเขาจะไร้กังวล หากว่าในอนาคตรัชทายาทหวาดระแวงเขา อย่างน้อย ก็ยังมีอีกที่ที่เขาสามารถไปได้ และสถานที่ที่นี้ รัชทายาทก็ไม่ยื่นมือออกไปควบคุมได้”
ฮู่เฟยตอบรับเสียงหนึ่ง นางก็ไม่ได้รู้มากมายเช่นนี้ คิดแค่เพียงหากหัวเมืองทั้งห้านี้ไม่ได้มีค่านัก คนอื่นไม่เสียดาย และสามารถทำให้รัชทายาทวางใจได้ เช่นนั้นเรื่องนี้ก็สามารถจัดการเช่นนี้ได้
นางเองก็ไม่อยากทำให้ฮ่องเต้ไม่พอพระทัยเพราะเรื่องนี้ อย่างไรเสีย ตอนนี้เขาก็กำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สุขสมดั่งหวัง ทั้งภายในและภายนอกประเทศสงบสุขทั้งผืนแผ่น เวลานี้อย่าสร้างความอึดอัดใจให้เขา ไม่เช่นนั้นก็จะทำให้อารมณ์เสียเป็นอย่างมากแล้วจริงๆ
เมื่อฮ่องเต้หมิงหยวนมีพระประสงค์ออกมา ฮู่เฟยจึงนําคนในตำหนักมาขอบพระทัยพระมหากรุณาธิคุณพร้อมกัน ตอนนี้ในตำหนักมีความปีติยินดีเป็นอย่างมาก
แต่คำพูดที่เจ้าสิบว่าอ๋องซุน กลับทำให้จิตใจของฮู่เฟยถูกบดบังด้วยเงามืด
ก่อนหน้านี้เจ้าสิบบอกว่าอนาคตต้องการจะเป็นฮ่องเต้ เคยพูดออกจากปากอย่างไร้กาลเทศะมาครั้งหนึ่งแล้ว เด็กไร้เดียงสาพูดความจริงอย่าถือสาบางอย่าง อันที่จริงก็เป็นความวิตกกังวลที่ยิ่งใหญ่
เมื่อก่อนนางไม่เคยมีความคิดที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมประเภทนี้ ต้องป้องกันอะไร ระวังอะไร รอบคอบอะไร แต่ว่า หวงกุ้ยเฟยกับนางเคยวิเคราะห์กันมาก่อน ตอนนี้นางได้รับความโปรดปรานอย่างมหาศาล หากไม่ระมัดระวังคำพูดและการกระทำ จะเกิดปัญหาได้ง่าย ตัวนางเองไม่สำคัญ แต่เมื่อเป็นมารดา ก็ต้องคิดถึงลูกจึงจะได้
ดังนั้น หลังจากที่ฮ่องเต้หมิงหยวนจากไป นางจึงถามเจ้าสิบ “เป็นผู้ใดที่บอกกับเจ้าว่าท่านพี่รองของเจ้าอ้วนเหมือนหมู?”
เดิมทีเจ้าสิบก็รู้สึกน้อยใจกับเรื่องนี้อยู่แล้ว ตอนนี้ได้ยินเสด็จแม่เอ่ยขึ้นอีก จึงคิดว่าจะตำหนิเขา จึงเบะปากกล่าวว่า “เสด็จแม่ ข้าสำนึกผิดแล้ว ต่อไปข้าไม่พูดว่าท่านพี่รองเหมือนหมูตัวหนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮู่เฟยเห็นท่าทางของเขาเหมือนจะร้องไห้ ถอนใจเบาๆ ยื่นมือไปจูงเขาเข้ามา “เสด็จแม่ไม่ได้จะตำหนิเจ้า เพียงแต่ เจ้าพูดจาดูหมิ่นพี่ชาย เป็นเรื่องเสียมารยาทเป็นอย่างมาก ผิดข้อห้าม ไม่มีความเคารพ เข้าใจหรือไม่? ต่อพี่ชาย เจ้าจำต้องมีจิตใจเคารพรัก ไม่สามารถพูดคำดูหมิ่นออกจากปากได้ ตอนนี้เจ้าอายุยังน้อย พวกท่านพี่ก็รักและเอ็นดูเจ้า ไม่อยากจะถือสาเจ้า แต่ถ้าเจ้าไม่มีความเคารพไร้มารยาทอยู่ตลอดเช่นนี้ ทุกคนก็จะไม่ชอบเจ้า เพิกเฉยต่อเจ้า ไม่สนใจเจ้า เจ้าอยากให้เป็นเช่นนั้นหรือไม่ล่ะ?”
เจ้าสิบได้ยินเสด็จแม่พูดเช่นนี้ ในใจก็กลัวขึ้นมา บิดมือน้อยๆอันอ้วนท้วน “ข้าไม่ต้องการเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ ข้าชอบพี่แปด ชอบพี่เก้า ข้าอยากเล่นกับพวกเขาพ่ะย่ะค่ะ”
ฮู่เฟยจับมือเขาไว้ “ชอบพี่แปด ชอบพี่เก้า แล้วพี่ชายคนอื่นๆเจ้าไม่ชอบหรือ? ท่านพี่ห้าล่ะ? ท่านพี่ห้ากับท่านพี่สะใภ้ห้าดีต่อเจ้ามาก ยังมีพวกเด็กๆพวกหลานชายอีก เจ้าชอบหรือไม่?”
เจ้าสิบลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “เมื่อก่อนข้าชอบท่านพี่ห้า แต่ตอนนี้ข้าไม่ชอบแล้ว แต่ข้าชอบหลานชาย พวกเด็กๆหลายชายและเจ้าแฝดข้าล้วนชอบ”
ฮู่เฟยรู้สึกเหน็บหนาวใจเล็กน้อย “ทำไมเมื่อก่อนชอบท่านพี่ห้า แต่ตอนนี้กลับไม่ชอบท่านพี่ห้าแล้วล่ะ? ท่านพี่ห้าไม่ดีกับเจ้าหรือ?”
เจ้าสิบรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจจนอยากจะร้องไห้ “เพราะต่อไปท่านพี่ห้าจะเป็นฮ่องเต้ เป็นฮ่องเต้ ก็จะไม่ชอบพี่น้องของเขาแล้ว เพราะกลัวว่าพี่น้องของเขาจะแย่งตำแหน่งฮ่องเต้จากเขา แต่ข้าก็ไม่กลัวท่านพี่ห้า ข้าเป็นลูกชายคนที่เสด็จพ่อโปรดปรานที่สุด หากท่านพี่ห้ารังแกข้า เสด็จพ่อก็จะระบายความโกรธแทนข้า ตีท่านพี่ห้าอย่างรุนแรง ท่านพี่ห้ามักจะถูกเสด็จพ่อตีเสมอ”
ฮู่เฟยสูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ “ทำไมเจ้าถึงคิดแบบนั้น? ใครบอกเจ้า?”
เจ้าสิบเหลือบตาที่มีน้ำตาขึ้น “ทุกคนล้วนพูดกันเช่นนี้น่ะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮู่เฟยกัดฟันกรอด “ทุกคนนี้ มีผู้ใดบ้างล่ะ?”
“ราษฎรที่อยู่ภายนอก”
ฮู่เฟยโกรธจัด เขาเคยพบราษฎรภายนอกเมื่อใดกัน? กระทั่งยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าราษฎรหมายความว่าอะไร นางระงับความโกรธไว้ แล้วพูดปลอบต่อ “เช่นนั้นเจ้าบอกเสด็จแม่มา เป็นผู้ใดบอกกับเจ้าว่าราษฎรภายนอกพูดเช่นนี้?”
“แม่นมหยู้พูดพ่ะย่ะค่ะ เดิมทีนางก็ล้วนพูดเช่นนี้ ข้าต้องการปกป้องตัวเองและเสด็จแม่ ข้าจะต้องดีกับเสด็จพ่อมากๆ เอาใจเสด็จพ่อ” เจ้าสิบกล่าว
ดวงตาของฮู่เฟยเย็นยะเยือกลง นางนั่งตัวตรง “ได้ เจ้าไปเล่นเถอะ”
เจ้าสิบเห็นว่าเสด็จแม่ไม่ได้โกรธ จึงเผยใบหน้าดีอกดีใจออกมา “ได้พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นหม่อมฉันไปแล้ว”
หลังจากเจ้าสิบออกไป ฮู่เฟยรับสั่งด้านนอกตำหนักคำหนึ่ง “เรียกแม่นมหยู้มาพบข้า!”
“เพคะ!” นางข้าหลวงตอบรับ
ความรู้สึกโกรธจัดในใจของฮู่เฟยลบเลือนได้ยาก แม่นมหยู้เป็นคนที่ท่านย่าจัดให้เข้ามาในวังในตอนนั้น เชื่อถือได้เป็นที่สุด คนในวังที่นางไว้ใจมากที่สุดก็คือนาง จะคิดได้อย่างไรว่านางจะพูดจาเหลวไหลต่อหน้าเจ้าสิบได้ เหลวไหลสิ้นดี
หลังจากนั้นไม่นาน แม่นมหยู้เดินเข้ามาแล้ว น้อมตัวทำความเคารพแล้วกล่าว “ท่านหญิง ท่านหาข้าน้อยหรือเพคะ”
ฮู่เฟยจ้องมองนางตาเขม็ง เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “องค์ชายสิบพูดจาว่าร้ายอ๋องซุนต่อหน้าฮ่องเต้ ทั้งยังพูดอีกว่าวันหน้าท่านพี่ห้าของเขาจะเป็นฮ่องเต้ ก็จะต้องบีบคั้นพี่น้องอย่างไรๆ ทำให้จิตใจของเขาเกิดความหวาดกลัว ไม่ชอบรัชทายาทแล้ว เจ้าพูดอะไรกับเขากันแน่? เจ้าอย่าคิดแก้ตัว เขาบอกข้าแล้ว คำพูดเหล่านี้ล้วนเป็นเจ้าพูดกับเขา”
แม่นมหยู้ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เดินขึ้นหน้าก้าวหนึ่งกดเสียงต่ำแล้วกล่าว “ท่านหญิง ข้าน้อยเคยพูดคำเหล่านี้กับองค์ชายสิบจริงเพคะ แต่ล้วนบอกเขาตามรูปแบบของบทละครพื้นเมือง คิดไม่ถึงเลยว่าองค์ชายจะฉลาดขนาดนี้ กลับคิดไปถึงตัวเองได้ ท่านหญิง ความจริงองค์ชายเป็น…….อาจจะเป็นไปได้มากนะเพคะ!”
“เจ้าหุบปาก คำพูดนี้สามารถพูดได้หรือ? เจ้าไม่รู้ขอบเขตเลยรึ?” ฮู่เฟยโกรธเป็นอย่างมาก จะเป็นลมไปโดยตรง คำพูดนี้เป็นการก่อกบฏเป็นการขัดขืนเพียงใด? แม่นมหยู้เสียสติไปแล้วหรือ?
แม่นมหยู้เบ้ปาก “ท่านหญิง คำพูดนี้ของข้าน้อยไม่สามารถพูดต่อสังคมภายนอกได้ แต่เบื้องหน้าท่านหญิงมีอะไรที่พูดไม่ได้กันเพคะ? ตอนนี้ฝ่าบาททรงโปรดปรานองค์ชายสิบ ทุกคนล้วนเห็นอยู่ และวังหลังทั้งหมดในตอนนี้แม้จะตั้งขึ้นแต่เป็นการสมมุติ ฝ่าบาทโปรดปรานท่านเพียงผู้เดียวโดยเฉพาะ หากท่านกับองค์ชายสิบต้องการคิดหาหนทางเพื่อเกียรติยศความร่ำรวยอันยิ่งใหญ่ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก ท่านใคร่ครวญดูเพคะ?”