ท้องของฮู่เฟยเจ็บจนหายใจไม่ออกทันที จุดที่เจ็บปวดตรงท้องแผ่กระจาย นางค่อยๆ ดึงมือกลับมา ขณะที่คนในตำหนักโหวกเหวกด้วยความร้อนรน นางก็ค่อยๆ ผ่อนลม แต่การผ่อนลมนี้ภาพเบื้องหน้ากลับมืดแล้วหมดสติไป
ทันใดนั้นหมอหลวงทางตำหนักฉินคุนสองคนก็ถูกเรียกไปตำหนักฉ่ายหมิงโดยด่วน แม้ไม่บอกว่าเรื่องอะไร แต่ใจหยวนชิงหลิงก็ตึกตัก เพราะยาเร่งคลอดในกล่องยาย่อมไม่ปรากฏขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล และเวลานี้บรรดาพวกนางก็ไม่มีใครใกล้ถึงกำหนดวันคลอด และถึงจะคลอดก่อนกำหนด ก็ย่อมต้องตาย
มีคนมารายงานหวงกุ้ยเฟย นางจึงลุกขึ้นจากไปทันที สีหน้าตื่นตระหนกเล็กน้อย
หยวนชิงหลิงตามออกไป ถามหวงกุ้ยเฟย “เกิดเรื่องอันใดหรือเพคะ?”
หวงกุ้ยเฟยกล่าวเสียงหนัก “คนตำหนักฉ่ายหมิงมารายงาน ว่าเจ้าสิบกระแทกถูกท้องของฮู่เฟย ตอนนี้ฮู่เฟยปวดท้องไม่หาย ข้าจะไปดูสักหน่อย เจ้าอย่าไป อยู่ดูท่านโสวฝู่ก่อน หากจำเป็นเร่งด่วน ฝ่าบาทจะส่งคนมาตามเจ้าเอง”
ทางโสวฝู่ตอนนี้ยังต้องเฝ้าอยู่ตลอด แขวนน้ำเกลืออยู่ ใกล้จะต้องเปลี่ยนอีกน้ำเกลืออีกแล้ว จึงเอ่ย “เพคะ หากมีเรื่องก็ทรงให้คนมาหาหม่อมฉันนะเพคะ”
“ได้!” ครั้นหวงกุ้ยเฟยกล่าวจบ ก็รีบร้อนไปตำหนักฉ่ายหมิงทั้งท้องโต
เดิมฮ่องเต้หมิงหยวนกำลังหารือราชกิจอยู่ในห้องทรงอักษร เมื่อมีคนในตำหนักมารายงานว่าฮู่เฟยเจ็บจนหมดสติไป ก็ไปตำหนักฉ่ายหมิงอย่างเร่งด่วน
หลังจากเข้าตำหนักก็ได้ยินว่าเจ้าสิบน้อยชนใส่ฮู่เฟย ถึงทำให้นางปวดท้องยากจะทนไหว ตกตะลึงพลัน สั่งให้ลากคนที่ปรนนิบัติใกล้ชิดฮู่เฟยไปโบยอย่างเดือดดาล ปล่อยโทสะยกหนึ่งแล้วถึงนั่งอยู่ข้างกายฮู่เฟย กุมมือนาง
ฮู่เฟยได้สติ แต่ความเจ็บปวดยากจะทนไหว มีเลือดออก รีบเรียกตัวหมอหลวง พอจับชีพจรแล้วสีหน้าหมอหลวงก็เคร่งเครียด รายงานฮ่องเต้หมิงหยวนว่าต้องรมหญ้าอ้ายและเพิ่มปริมาณยาบำรุงครรภ์
“รม!” ฮ่องเต้หมิงหยวนเอ่ยทันที
มือใหญ่ของเขาปกอยู่บนใบหน้าซีดขาวเหงื่อผุดของฮู่เฟย พึมพำปลอม “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร รมหญ้าอ้ายก็หายแล้ว”
ฮู่เฟยกุมท้อง เม้มริมฝีปากแน่น ขมวดคิ้วอดกลั้นต่อความเจ็บปวด เม็ดเหงื่อหยดใหญ่ที่หน้าผากไหลย้อย เมื่ออดกลั้นต่อความทรมานพักหนึ่งแล้วจึงเอ่ยถามด้วยความอ่อนแรง “เจ้าสิบล่ะเพคะ?”
ฮ่องเต้หมิงหยวนกุมมือนาง ในดวงตาแวบความขุ่นเคืองเล็กน้อย “วางใจเถอะ ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะสั่งสอนเขาให้ดี”
ฮู่เฟยถอนหายใจหนัก “ฝ่าบาท มารดาเมตตาลูกทรพี บิดาก็เช่นกันเพคะ!”
ฮ่องเต้หมิงหยวนอือทีหนึ่ง “เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง เจ้าอย่าคิดมาก พักหน่อยเถอะ”
ฮู่เฟยไร้เรี่ยวแรงแล้วจริงๆ กอปรกับความเจ็บปวดที่มาเป็นระยะ นางขมวดคิ้วอดทนกับความทรมานนี้ แต่กลับค่อยๆ ผลักมือของฮ่องเต้หมิงหยวนออก
หมอหลงมารมหญ้าอ้าย ยาก็สั่งให้คนไปต้ม รอให้ต้มเสร็จแล้วก็ยกมา
ฮ่องเต้หมิงหยวนถอยออก มองหน้าฮู่เฟยที่ทรมานเหลือแสน จิตใจเขาทั้งตกใจและเจ็บมาก โดยเฉพาะฮู่เฟยผลักมือเขาออกในช่วงที่นางกำลังทรมาน ทั้งที่นางพึ่งพิงเขาขนาดนั้นมาตลอด
หวงกุ้ยเฟยเข้ามาในช่วงที่เขากำลังหวาดกลัว เมื่อถามอาการแล้วก็รีบเดินมา ไม่มีเวลาสนใจกลิ่นหญ้าอ้ายที่ขึ้นจมูก นั่งอยู่ขอบเตียงฮู่เฟย เอาผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อที่หน้าผากนาง สีหน้าของหวงกุ้ยเฟยแย่มาก เพราะการรมหญ้าอ้ายหมายถึงสถานการณ์ของฮู่เฟยหนักมาก
เมื่อฮู่เฟยลืมตาขึ้นเห็นหวงกุ้ยเฟยก็ร้องไห้ออกมาทันที บีบมือของหวงกุ้ยเฟยร้องไห้เอ่ย “ท่านหญิง หม่อมฉันรู้สึกว่าเด็กในท้องไม่ไหวแล้วเพคะ”
หวงกุ้ยเฟยซับน้ำตาให้นาง ปลอบใจเสียงเบา “อย่าคิดมาก ก็มิใช่รมหญ้าอ้ายอยู่หรือ? ไม่เป็นไร ทำใจให้สบาย ห้ามร้องไห้ ร้องไห้แล้วจะยิ่งเจ็บ”
ฮู่เฟยมองหวงกุ้ยเฟย ในดวงตาถึงมีความรู้สึกพึ่งพิงที่ฮ่องเต้หมิงหยวนคุ้นเคยในสมัยก่อน นางไม่ปล่อยมือหวงกุ้ยเฟย แต่กลับไม่ร้องไห้ไม่ส่งเสียง อดทนเงียบๆ
ฮ่องเต้หมิงหยวนหันไปถามคนในตำหนักว่าเรื่องในวันนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร คนในตำหนักไม่กล้าปิดบัง บอกเล่าตามความจริงทั้งหมด
ฮ่องเต้หมิงหยวนขมวดคิ้ว เดิมคิดว่าเล่นซนชนถูกฮู่เฟย แต่คิดไม่ถึงว่าจะจงใจชนแล้ววิ่งหนี อดพิโรธถามขึ้นไม่ได้ “เขาล่ะ?”
คนในตำหนักตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ สะอื้นเอ่ย “องค์ชายสิบชนท่านหญิงแล้วก็วิ่งออกไปเพคะ แม่นมตามไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่เห็นเสด็จกลับตำหนักเพคะ”
“ตามตัวกลับมา!” ฮ่องเต้หมิงหยวนตวาด
“เพคะ!” คนในตำหนักรีบหันตัวออกไปส่งคนตามเจ้าสิบน้อย
ครู่หนึ่งเจ้าสิบน้อยก็ถูกนำตัวมา ทำหน้าน้อยใจ ยังไม่ทันเข้าตำหนักก็ร้องไห้เสียแล้ว “เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ หม่อมฉันผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เขาวิ่งเข้ามาแล้วถลาคุกเข่าตรงหน้าฮ่องเต้หมิงหยวน น้ำตาไหลพราก
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองเขา ผิดหวังเหลือประมาณ โมโหเอ่ย “เหตุใดเจ้าจึงซนเช่นนี้? เจ้ารู้ว่าท่านแม่เจ้ากำลังตั้งครรภ์ ยังชนใส่ท้องนางอีก เจ้าไม่รักท่านแม่เจ้าแล้วหรือ?”
เจ้าสิบน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นเอ่ย “ท่านแม่ด่าหม่อมฉัน ทรงตีหม่อมฉันด้วย เสด็จพ่อยังตีหม่อมฉันไม่ลงเลย หม่อมฉันกลัว หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจพ่ะย่ะค่ะ ใครบอกให้ท่านแม่จะตีหม่อมฉันล่ะ?”
เจ้าสิบน้อยร้องไห้ระบายความคับอก ทำให้ฮ่องเต้หมิงหยวนสูดลมเย็น
เดิมเขาคิดว่าเจ้าสิบก่อเรื่องร้ายแรงเช่นนี้แล้ว เขาต้องรู้ว่าตัวเองทำผิด ทว่ากลับยอมรับผิดแต่ปาก แต่ยังแก้ต่างอีก เขารู้สำนึกที่ไหน? นี่เขาใช้ความโปรดปรานของเขา ไร้ความเกรงกลัว แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่เห็นอยู่ในสายตา
ฮ่องเต้หมิงหยวนโกรธจนปลายนิ้วชา “นางสั่งสอนเจ้า เพราะเจ้าทำผิด ทำผิดก็ต้องถูกลงโทษถูกด่า เจ้ายังกล้าโต้แย้งอีก? เชื่อไหมว่าข้าจะโบยเจ้า?”
การตวาดนี้ทำเอาเจ้าสิบน้อยตกตะลึง หยุดร้องไห้พลัน มองเขาชะงักงัน ในดวงตามีความน้อยใจที่ทำอะไรไม่ถูก ขอเพียงยอมรับผิด เสด็จพ่อก็จะให้อภัยเขา แต่ครั้งนี้เหตุใดเสด็จพ่อไม่ให้อภัยเขาเล่า?
ทันใดนั้นก็นั่งลงกับพื้น ร้องไห้เสียงดัง “เสด็จพ่อเป็นคนเลว เสด็จพ่อเป็นคนเลว”
ฮ่องเต้หมิงหยวนโมโหจนฉุดเขาขึ้นมา เจ้าสิบตกใจดีดดิ้น หันไปกัดมือของฮ่องเต้หมิงหยวนแน่น ฟันของเด็กคมจริง กัดด้วยความตกใจพริบตาเดียวก็มีเลือดซึม
ทุกคนตะลึงงัน
องค์ชายสิบทำร่างมังกรบาดเจ็บ ห้อเลือด นี่เป็นความผิดร้ายแรงเพียงใด?
เมื่อเจ้าสิบน้อยกัดฮ่องเต้หมิงหยวนแล้วก็หันตัววิ่งออกไป
ความเดือดดาล ในที่สุดก็ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ฮ่องเต้หมิงหยวนมองข้อมือที่เจ็บแปลบและมีเลือดไหล ดวงตาเกิดพายุคลั่ง “จับไว้! แล้วกุมตัวแยกอยู่ในตำหนักตามลำพัง ห้ามผู้ใดเข้าใกล้!”
เมื่อฮู่เฟยได้ยินดังนั้นก็พยายามยันตัวลุกขึ้น หวงกุ้ยเฟยกุมมือนาง คิดว่านางเห็นห่วงว่าเจ้าสิบจะถูกลงโทษ ปลอบเสียงเบา “วางใจเถอะ ฝ่าบาทมิทรงทำเกินไปหรอก ทรงรู้จักประมาณ”
ฮู่เฟยน้ำตาร่วง มองหวงกุ้ยเฟย อดทนต่อความเจ็บปวดเอ่ย “หม่อมฉันซุกซนแต่เล็ก ท่านพ่อเอาใจหม่อมฉัน ไม่ว่าอะไรก็ตามใจ ดีที่ได้ท่านย่าอบรม หม่อมฉันถึงไม่ทำผิด หากไม่อบรมเจ้าสิบอีก ชาตินี้ต้องจบสิ้นแน่ ตอนนี้ถูกลงโทษ ถูกตีก็ดี ด่าก็ดี อย่างไรก็อยู่ข้างตัวพ่อแม่ หากวันข้างหน้าได้ใจจนเป็นนิสัย ไปข้างนอกใครจะยอมให้เขาเล่าเพคะ?”
นางสูดลมหายใจเข้าลึก ชายดวงตาเปื้อนน้ำตามองฮ่องเต้หมิงหยวนที่พิโรธหนัก มู่หรูกงกงรีบเข้ามาจัดการบาดแผลให้เขาแล้ว ความตกใจเจ็บปวดในดวงตาเขา ไม่อาจเก็บซ่อน อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าสิบจะกัดเขา
ฮู่เฟยเอ่ย “หม่อมฉันไม่หวังให้เขาโดดเด่นเหมือนพี่ห้า แต่ต่อให้ถ่อมตนอย่างพี่รองเขาก็ยังดี ฝ่าบาท ไม่เข้มงวดรุนแรงได้ แต่จะเอาใจเกินไปไม่ได้เพคะ จิตใจรักบุตรของผู้เป็นแม่ คือการทำเพื่อทั้งชีวิตเขา มิใช่ทะนุถนอมเขาในเวลานี้เพคะ”
จิตใจฮ่องเต้หมิงหยวนซับซ้อนมาก มองนางทีหนึ่ง เอ่ย “เจ้าพักเถอะ ไม่ต้องยุ่ง ข้าจะลงโทษเขาเอง”