เขาพูดเสร็จ ลุกขึ้นมาสะบัดชายผ้าแล้วจากไป เหมือนดั่งลมไป อย่างที่เขามา
ไร้ความวิกฤตแล้ว ในใจฮ่องเต้หมิงหยวนกลับไม่ดีใจเลยสักนิด เพราะประโยคก่อนที่ฮ่องเต้หมิงหยวนพูดก่อนจากไปนั้น ทำให้เขารู้สึกกดดันกับถูกข่มขู่ เหมือนตำแหน่งฮ่องเต้นี้ไม่ใช่ของเขา แต่เป็นการขโมยมา เขาสามารถมาเอาคืนได้ทุกเวลา
มู่หรูกงกงค่อยๆฟื้นตื่นขึ้นมา รีบเปิดม่านดู พร้อมพูดขึ้นอย่างร้อนใจว่า “ฮ่องเต้”
ฮ่องเต้หมิงหยวนโบกมืออย่างเหนื่อยล้า พร้อมพูดขึ้นว่า “คืออ๋องชินเฟิงอัน”
บนพื้น มีรอยเลือดที่เขากระอักออกมา แดงเป็นจุดๆ เหมือนที่ไท่ซ่างหวงกระอักออกมาในวันนั้น เขาจึงเข้าใจแล้วว่า วันนั้นไท่ซ่างหวงโกรธโมโหขนาดไหน ถึงได้กระอักออกมาเป็นเลือดกะทันหัน
มู่หรูกงกงได้ยินว่าคืออ๋องชินเฟิงอัน จึงค่อยวางใจ พร้อมพูดขึ้นว่า “งั้นก็ยังดี”
พวกฉินเฟยก็วิ่งเข้ามา เอามือทาบอกแล้วก็ร้องไห้ขึ้นมา พร้อมพูดขึ้นว่า “น่ากลัวมากเลย น่ากลัวมากเลย”
ฮ่องเต้หมิงหยวนมองดูฉินเฟย แล้วก็คิดว่าการมาหานางไม่ใช่การตัดสินใจที่ฉลาด เขาเป็นเหมือนอย่างที่อ๋องชินเฟิงอันพูดแบบนั้น หลบหนี ไม่ยอมที่จะเผชิญหน้า
การบริหารประเทศ เขาหลีกเลี่ยงเรื่องหนักกระทำเรื่องเล็ก กลัวเกิดการผิดพลาด เพราะผลของการผิดพลาดนั้นทำให้เกิดความรุนแรง ขอเพียงภายในช่วงเวลาที่เขาดำรงตำแหน่ง ไม่เกิดเหตุรุนแรง ไม่ให้คนรุ่นหลังเห็นว่าเขาเป็นฮ่องเต้ไร้ความสามารถ
“ฉินเฟย ข้าชาญฉลาดไหม?” ฮ่องเต้หมิงหยวนถามนาง
เดิมฉินเฟยกำลังร้องไห้ ทันใดนั้นก็กลับอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ชาญฉลาด ฮ่องเต้ชาญฉลาดอยู่แล้ว ประชาชนล้วนต่างพูดเช่นนี้”
“นั่นเป็นเพราะว่า พวกเขายังไม่ได้เจอกษัตริย์ชาญฉลาด กษัตริย์ที่ดีที่แข็งแกร่ง มีเพียงกษัตริย์ที่แข็งแกร่งจริงๆ ถึงจะทำให้เป่ยถังยิ่งใหญ่เข้มแข็งขึ้น ส่วนข้าประนีประนอมมาตลอด ทำทุกอย่างให้ผ่านไปได้ด้วยดี เมื่อทำทุกอย่างให้ผ่านไปได้ด้วยดี ประเทศชาติก็จะอ่อนแอ” ฮ่องเต้หมิงหยวนหัวเราะเหมือนอย่างร้องไห้ ทรุดพร้อมพูดขึ้น
วันนี้ เป็นปีที่สิบสามที่เขาขึ้นครองราชย์ เรื่องที่เกิดขึ้นหลายวันนี้ เป็นเรื่องที่ฮ่องเต้หมิงหยวนเห็นว่ารุนแรงที่สุดภายในสิบสามปีมานี้ ล้มล้างแนวคิดของเขาโดยสิ้นเชิง นโยบายของเขา กลยุทธ์การปฏิรูปทั้งภายในและภายนอกของเขา
ประวัติศาสตร์เป่ยถังในหนึ่งปีนี้ปรากฏเกิดเหตุการณ์อย่างเข้มข้น แต่ส่วนใหญ่เป็นการศึกที่รบกับเป่ยโม่ในครั้งนี้ คิดว่าการเปลี่ยนแปลงของเป่ยถัง เริ่มจากการศึกในครั้งนี้
ส่วนเกิดอะไรขึ้นภายในวัง เกิดอะไรขึ้นกับฮ่องเต้หมิงหยวน กลับไม่มีบันทึกไว้อย่างเป็นทางการ ถึงขั้นไม่มีบันทึกไว้ด้วยซ้ำว่า อ๋องชินเฟิงอันเคยนำกองกำลังมาล้อมพระราชวัง
นี่เป็นอีกเรื่อง ต่อไปจะไม่มีการพูดถึง
หลังจากอ๋องชินเฟิงอันสั่งสอนฮ่องเต้หมิงหยวนแล้ว ก็ตรงไปยังพระตำหนักฉินคุน
คำพูดที่สง่างาม ยังไงก็ยังมีคำพูดส่วนตัวที่ยังไม่ได้พูดออกมา เขามาเพื่อฉู่เสี่ยวอู่กับไท่ซ่างหวง
ในพระตำหนักฉินคุน ชายาเฟิงอันมาถึงก่อนแล้ว รอหลังจากอ๋องชินเฟิงอันมาถึง ประตูใหญ่ถูกปิด พี่น้องหลายคนได้มารวมตัวกันครั้งแรก หลังจากแยกย้ายจากกันตอนทำศึก
ชายาเฟิงอันเห็นเขามา จึงไปหาโสวฝู่ฉู่พร้อมกับเซียวเหยากง ปล่อยให้ทั้งสองคนพี่น้องคุยกัน หลังจากเขานั่งลงแล้วก็พูดกับไท่ซ่างหวงว่า “ใช้ทั้งกำลังข่มเหง ใช้ทั้งกำไรหลอกล่อ แก้ปัญหาได้หลายมุมมองพร้อมกัน หากเขายังเป็นตัวของตัวเอง ก็ไม่มีวิธีอื่นที่ดีแล้ว”
ไท่ซ่างหวงถอนหายใจอย่างหนัก พร้อมพูดขึ้นว่า “หรือเป็นเพราะข้าเข้มงวดกับเขาเกินไป เดิมเขาก็ไม่ใช่คนที่มีความสามารถอะไร”
“อบรมสั่งสอน ใช่ว่าจะไม่มีความสามารถ” อ๋องชินเฟิงอันพูดขึ้น
“ครั้งนี้ข้าก็ถูกเขาทำให้ตกใจ ตอนที่พวกเราเจรจามาได้ห้าเมืองนั้น เดิมก็เพื่อใช้ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของทั้งห้าเมืองสร้างกลายเป็นฐานปกป้องของเป่ยถัง เพื่อเป็นการข่มเป่ยโม่ ข้าไม่เคยคิดเลยว่า เขากลับละเลยสิ่งนี้ไปอย่างสิ้นเชิง ยังเห็นว่าข้าลำเอียง ข้าตกตะลึงอย่างมาก รูปแบบสงครามที่ชัดเจนนี้ ทำไมเขาถึงกลับไม่รู้ตัวเลย? ช่างน่ากลัวยิ่งนัก” เลือดที่เขากระอักออกมานั้น ไม่ใช่เพราะเขาเถียง แต่เขาไม่รู้ถึงประโยชน์ของห้าเมืองนั้นที่มีต่อเป่ยถัง คิดเพียงว่าเป็นสิ่งที่ได้มาจากชัยชนะ ในการทำศึกเท่านั้น
ท่าทีความคิดที่แคบไม่รู้จักมองการณ์ไกลเช่นนี้ จะไม่ทำให้เขากลัวได้อย่างไร? และเขายังพูดอย่างมั่นใจว่า เพื่ออนาคตพี่น้องจะได้ไม่เป็นศัตรูกัน มีความคิดแบบนี้ เขาไม่กล้าตายด้วยซ้ำ
“แต่ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว จากเรื่องในครั้งนี้ สามารถเห็นได้ว่าความคิดของเขาไม่ใหญ่โต ไม่แยกแยะระหว่างประเทศกับครอบครัว” ไท่ซ่างหวงถอนหายใจหนัก พร้อมพูดขึ้นว่า “การปกครองในกาลต่อไป ความขัดแย้งระหว่างเขากับองค์ชายรัชทายาทยังจะมีเรื่อยๆ ห้าปี สิบปี หรืออีกยี่สิบปีข้างหน้า เมื่อมีความคิดที่จะปลดองค์ชายรัชทายาท แล้วยกองค์ชายสิบมาแทน ถึงตอนนั้น ข้าคงไม่ได้เห็นแล้ว ไม่สามารถห้ามได้แล้ว ทำได้เพียงปล่อยให้เป่ยถังถูกเขาลากดิ่งลงเหวลึก หากไม่ใช่เพราะกังวลเรื่องนี้ ครั้งนี้ก็คงไม่สั่งสอนเขารุนแรงขนาดนี้”
อ๋องชินเฟิงอันพูดปลอบว่า “ไม่ต้องคิดมาก ใช้ชีวิตบั้นปลายของเจ้าอย่างมีความสุข ข้ากับพี่สะใภ้ของเจ้าตกลงกันแล้ว ในสิบปีนี้จะอยู่ที่เป่ยถัง หากเกิดอะไรขึ้น ข้าจะกลับมาสนับสนุนให้องค์ชายรัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์ ส่วนเจ้า ในเมื่อถอนตัวออกมาแล้ว งั้นก็หาอะไรที่ชอบทำ อย่าสุ่มหัวกันอยู่แค่สามเฒ่า อยู่ด้วยกันไปนานๆ จะยิ่งทำให้รู้สึกว่าตนเองแก่เฒ่าใกล้ตาย”
ไท่ซ่างหวงอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่อยู่กับพวกเขา แล้วจะไปอยู่กับใคร?”
“ทำเรื่องอะไรที่ชอบ ตอนที่ยังหนุ่มแล้วไม่ค่อยได้ทำ”
ไท่ซ่างหวงพูดขึ้นด้วยเสียงเศร้าว่า “ตอนที่ข้าหนุ่มข้าไม่ได้ทำอะไรบ้าง? ใช่ว่าเจ้าไม่รู้”
อ๋องชินเฟิงอันอมยิ้ม มองดูเขาพร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าเคยชอบผู้หญิงคนหนึ่งไหม?”
“ไม่ชอบได้อย่างไร? ชอบหมดเลย”
“ไม่ใช่ชอบอย่างที่เจ้าพูดแบบนั้น เป็นชอบแบบแม่นมสี่กับโสวฝู่แบบนั้น แบบข้ากับพี่สะใภ้เจ้าแบบนั้น”
ไท่ซ่างหวงยิ่งงง พร้อมพูดขึ้นว่า “แตกต่างกันหรือ?”
“แตกต่างตรงที่เจ้าชอบคุยกับนางมาก ต่อให้ไม่พูดอะไร ได้นั่งอยู่กับนาง ก็รู้สึกสบายใจอย่างมาก”
ไท่ซ่างหวงครุ่นคิด แล้วก็พูดขึ้นว่า “ก็มีอยู่หนึ่งคน”
“ใคร?”
“ฮูหยินใหญ่หยวนที่มาจากแคว้นต้าซิงคนนั้น นางพูดจาดูสง่าอย่างมาก มีความรู้เยอะ”
อ๋องชินเฟิงอันหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “อืม ได้”
“นางอายุมากกว่าข้า”
“ข้าได้คัดค้านความรักระหว่างพี่สาวกับน้องชาย”
ไท่ซ่างหวงเกือบสำลักน้ำลายตัวเองตาย รับโบกมือพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ชอบทำอะไรพวกนี้ พูดคุยกับนางได้ อย่างอื่นไม่อยาก เจ้าอย่าพูดไปเรื่อย จะเป็นการทำให้ชื่อเสียงคนอื่นเสื่อมเสีย”
อ๋องชินเฟิงอันมองดูเขา ในใจอดไม่ได้ที่จะเสียดาย พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าหก คนเราทั้งชีวิต ขอให้เป็นเรื่องที่ดี ล้วนต่างลองทำ ข้าไม่อยากให้เจ้าคิดถึงแต่ประเทศชาติ คิดถึงตัวเองบ้าง ไม่ใช่จะให้เจ้าหาภรรยามาอยู่ด้วยกัน เพียงแต่ลองใช้ชีวิตอีกแบบหนึ่ง อย่าเฝ้าอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต ภายในพระราชวังนี้ มีทางเข้าเพียงทางเดียว เล็กเกินไป”
คำพูดประโยคนี้ พูดแทงใจไท่ซ่างหวงมาก เขาพูดขึ้นอย่างสนใจว่า “ใช่ ข้าวางแผนว่าหลังจากเรื่องนี้สงบแล้ว ก็จะออกจากวัง หรือไปบุกเบิกพื้นที่รกร้าง หรือทำการค้าขาย หรือไปเปิดเหมือง หรือไปขุดหยก ใช้ชีวิตอย่างไม่เหมือนเดิมถึงจะสนุก”
อ๋องชินเฟิงอันพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “ได้ ทำตามอย่างที่เจ้าอยากทำ”
เจ้าเฒ่าร่ำรวยนี้ เกือบลืมไปแล้วว่าเขามีเมืองทอง
“ตอนที่ไปขุดเหมือง เรียกข้าด้วยนะ” อ๋องชินเฟิงอันพูดขึ้น
ไท่ซ่างหวงถามขึ้นอย่างยิ้มแย้มว่า “พี่เหว่ยก็ชอบเข้าเหมืองหรือ? แต่ก็สนุกจริงๆ”
“อืม” เขาชอบขนทองมากกว่า
ผ่านไปหลายสิบปีแล้ว อ๋องชินเฟิงอันต้องยอมรับว่า ความคิดของเจ้าหกกับเขา เปลี่ยนแปลงไปอย่างพลิกฟ้าพลิกดิน ตอนนี้เขาเห็นว่าการขุดเหมือง….สนุก?