บัลลังก์หมอยาเซียน – บทที่ 1652 ชื่นชมอีกหลายส่วน

บทที่ 1652 ชื่นชมอีกหลายส่วน

ฉะนั้น นางเปลี่ยนวิธีการพูดอีกแบบหนึ่ง ที่จริงท่านพ่อข้าก็หวังว่าเจ้าจะตอบตกลง เขาบอกว่าเมื่อวานหลังจากคุยกับเจ้าแล้ว รู้สึกว่าภายหน้าเจ้าจะประสบความสำเร็จได้ เป่ยถังกับแคว้นจินจะเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันไปอีกเป็นหมื่นปี ด้วยเหตุนี้ เขาหวังว่าเจ้าจะสามารถมีชีวิตที่ดีต่อไปได้ สามารถนั่งอยู่บนบัลลังก์ของฮ่องเต้แห่งแคว้นจินต่อไป ทั้งสองแคว้นก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน 

ใบหน้าของจิ่งเทียนเป็นประกาย  เขาพูดเช่นนี้จริงหรือ เขายังพูดอะไรถึงข้าบ้าง เจ้าบอกข้ามาให้หมด เร็วเข้า 

เจ๋อหลานรู้สึกลำบากใจขึ้นมาบ้างเล็กน้อย ต้องโกหกอีกแล้ว

 เขาบอกว่าอีกห้าหกปีข้างหน้า แคว้นจินของพวกเจ้าจะเป็นรูปเป็นร่าง บอกว่าเจ้าเป็นคนมีความสามารถ 

 ยังมีอะไรอีก ยังมีอีกหรือไม่ จิ่งเทียนตื่นเต้นมาก เมื่อวานตอนที่พูดคุยกัน ไอดอลมีความเย็นชาอยู่ช้าง ยังคิดไปว่าเขาคงไม่ชอบตนเองสักเท่าไหร่

 อืม บอกว่าเจ้าหน้าตาดี 

 หน้าตาดี ออ แล้วยังมีอีกหรือไม่ มีหรือไม่ 

 มีน่ะมี แต่เมื่อคืนคุยกันเยอะมาก ข้าก็ลืมไปบ้างแล้ว 

จิ่งเทียนสั่งให้คนไปยกน้ำชามาให้นาง เจ้าคิดดู ลองคิดดูดีๆ นึกได้ประโยคหนึ่งก็บอกข้าประโยคหนึ่ง  

เจ๋อหลานเห็นเขากระตือรือร้นมาก ในใจก็ร้องขึ้นว่า ท่านพ่อ ทำไมเมื่อคืนท่านไม่พูดให้มากหน่อย แต่งเรื่องไม่เป็นจริงๆ

 ยังบอกอีกว่าเจ้าศึกษาเรื่องการสอบคัดเลือกได้ดีมาก เปิดการสอบเพื่อคัดเลือกผู้มีความสามารถ จึงจะสามารถช่วยให้ประเทศชาติมีคนที่มาช่วยแบกรับภาระเพิ่มขึ้นได้  

 ยังมีอีกหรือไม่ 

เจ๋อหลานดื่มชาไปคำหนึ่ง เอ่ยอย่างลำบากใจว่า  คิดไม่ออกแล้วจริงๆ แต่อย่างไรเสีย ก็ชื่นชมเจ้าไม่น้อยทีเดียว อีกอย่าง เขาเองก็ยินดีที่จะช่วยเจ้ารักษาโรค ถ้าหากเจ้าไม่ตอบตกลง คาดว่าเขาคงไม่พอใจสักเท่าไหร่ 

 ตกลง ข้าตกลง จิ่งเทียนพยักหน้ารัวๆ แล้วพวกเราจะเข้าวังกันเมื่อไหร่ ไปตอนนี้เลยหรือ  

 เจ้าไม่ตื่นเต้นแล้วหรือ เจ๋อหลานถามเขายิ้มๆ

จิ่งเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยังคงตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย แต่ว่าดีกว่าเมื่อวานมากแล้ว เมื่อวานข้าไม่รู้ว่าเขาชอบข้าหรือไม่ ตอนนี้ได้ยินสิ่งที่เจ้าพูดแล้ว ข้าก็วางใจ ข้าต้องทำตัวดีๆก็พอ 

 วันนี้พี่ใหญ่ของข้าก็จะกลับมาด้วย 

 พี่ใหญ่ของเจ้า หยู่เหวินหลี่หรือ จิ่งเทียนรู้จักรัชทายาทแห่งเป่ยถังคนนี้ แต่ว่า เขาสืบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขาได้ไม่มากนัก ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนเช่นไรกันแน่

 ตอนนี้เขาฝึกงานอยู่ในกองทัพ 

จิ่งเทียนคิดว่าอายุไล่เลี่ยกัน น่าจะคุยกันได้ จึงเอ่ยขึ้นว่า  เช่นนั้นก็รบกวนเข้าช่วยแนะนำให้รู้จักด้วย 

เจ๋อหลานพูดว่า  ได้ เช่นนั้นเจ้าก็เปลี่ยนชุด พวกเราเข้าวังกัน คืนนี้มีงานเลี้ยงในครอบครัว 

 งานเลี้ยงในครอบครัว จิ่งเทียนไม่ไหวแล้ว ตื่นเต้นขึ้นมาอีกแล้ว

 ใช่ คืนนี้เป็นงานเลี้ยงในครอบครัว ท่านพ่อบอกว่าพรุ่งนี้ จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเจ้า เชิญขุนนางในราชสำนักมาร่วมด้วย 

งานเลี้ยงใหญ่ละก็ จิ่งเทียนไม่รู้สึกตื่นเต้น เขาไม่กลัวงานใหญ่

แต่งานเลี้ยงในครอบครัว โดยเฉพาะคำว่าครอบครัว ทำให้หัวใจเขาเกิดรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ

แนวคิดเกี่ยวกับครอบครัว เขาแทบจะไม่มีเลย

เขาเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นชุดสีเหลืองสดใสปักลายมังกรขด รัดเกล้าหยกทอง และหนุ่มน้อยหน้าตาหล่อเหลาสูงศักดิ์ก็ยืนอยู่ตรงหน้าของเจ๋อหลาน

ที่สุดแล้วก็กำเนิดจากราชวงศ์ และกุมอำนาจมาสักพักแล้ว บนใบหน้ามีความน่าเกรงขามของการเป็นฮ่องเต้ที่ลบเลือนไม่ได้ เพียงต่อต่อหน้าเจ๋อหลาน เขาจะพยายามทำให้ดูอ่อนลงเสมอ พยายามทำท่าทีเป็นพี่ชายข้างบ้านที่แสนดี

อะเฉินกับเซินกงกงมาเป็นเพื่อนเขาด้วยในครั้งนี้ แต่ในเมื่อเป็นงานเลี้ยงในครอบครัว ย่อมไม่สามารถพาพวกเขาเข้าวังไปด้วยได้ พรุ่งนี้ค่อยพาเข้าไปก็ยังไม่สาย

รถม้ารออยู่นอกโรงเตี๊ยม สวีอีขับรถม้าด้วยตนเอง อะเฉินส่งออกไปถึงหน้าประตู คุยกับสวีอีอยู่ชั่วครู่ รถม้าก็ออกเดินทางสู่วังหลวงทันที

หลังจากเข้าวังแล้ว สวีอีทำตามที่ได้รับคำสั่งเอาไว้ส่งพวกเขาไปที่ตำหนักเจ๋อเยว่

ทังหยางเดินเข้ามาต้อนรับเขา โค้งตัวพูดว่า ฮ่องเต้ ฮ่องเต้ของพวกเรายังมีราชกิจต้องพูดคุย เชิญพระองค์เข้าไปนั่งก่อนหรือไม่ก็ให้กระหม่อมพาไปชมอุทยานอวี้ฮัว  

เจ๋อหลานถามทังหยาง  ท่านลุงทัง พี่ใหญ่ยังกลับมาไม่ถึงหรือ 

 องค์หญิง รัชทายาทอยู่ระหว่างการเดินทางกลับมา เชื่อว่าไม่ช้าก็คงจะมาถึง 

 ก็ได้ พี่จิ่งเทียน ข้าจะพาพี่ไปเดินชมอุทยานอวี้ฮัว เจ๋อหลานพูดกับจิ่งเทียนเสร็จแล้ว ก็หันไปพูดกับทังหยาง ท่านลุงทัง ข้าจะเป็นคนพาเขาเดินเที่ยวชมเอง ท่านไปทำงานเถอะ 

ทังหยางมองเจ๋อหลานอย่างอ่อนโยน พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง เช่นนั้นท่านกับฮ่องเต้ไปเถอะ  

ทั้งสองไปเดินชมอุทยานอวี้ฮัวอยู่ชั่วครู่ มู่หรูกงกงก็รีบวิ่งซอยเท้าเข้ามาเชิญ  ฮ่องเต้แห่งแคว้นจิน องค์หญิง พวกองค์รัชทายาทกลับมาถึงแล้ว 

เจ๋อหลานได้ยินว่าพี่ใหญ่กลับมา สีหน้าก็ดีใจ และไม่ได้คิดมากถึงคำพูดของมู่หรูกงกง รีบหันไปพูดกับจิ่งเทียนว่า พวกเรารีบไปกันเถอะ ข้าคิดถึงพี่ใหญ่มาก 

เขาดึงข้อมือของจิ่งเทียนแล้ววิ่งไปทางตำหนักเจ๋อเยว่

จิ่งเทียนพลางวิ่ง พลางมองไปที่ข้อมือของตนเอง ถูกนางจับเอาไว้แน่น นิ้วที่เรียวราวสามารถกำข้อมือของเขาเอาไว้ได้ ร้อนผะผ่าว รู้สึกสบายมาก

จิตใจว้าวุ่นตลอดทาง วิ่งตามนางข้ามสะพานโค้ง วิ่งผ่านระเบียงทางเดิน จนไปถึงลานของตำหนักเจ๋อเยว่ ก็พบหนุ่มน้อยที่สวมชุดทหารคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าอย่างสง่างาม สายตาของเขามองไปบนมือของพวกเขา เจ๋อหลานปล่อยมือ เดินเข้าไปกอดพี่ใหญ่ เอ่ยอย่างดีใจว่า  พี่ใหญ่ ในที่สุดท่านก็กลับมาถึงแล้ว 

สายตาของหยู่เหวินหลี่อ่อนโยนลง ยื่นมือไปกอดน้องสาว แล้วจึงค่อยๆปล่อยนางออก เจ้ากลับมา พี่ใหญ่ก็ต้องกลับมาแน่  

เขามองจิ่งเทียน จากนั้นก็ปล่อยตัวน้องสาว ปฏิบัติตามธรรมเนียมมารยาท ประสานมือคำนับต่อฮ่องเต้แห่งแคว้นจิน ได้ยินชื่อเสียงมานาน ในที่สุดก็ได้พบกัน  

น้ำเสียงเย็นชา แต่กลับรู้สึกถึงความเป็นศัตรูได้ชัด

จิ่งเทียนรับรู้ได้ แต่กลับคำนับคืนด้วยรอยยิ้ม  องค์รัชทายาท  

 น้องสาว ทางด้านหลัง มีเสียงที่สดใสส่งผ่านมา

เจ๋อหลานยังไม่ทันได้หันกลับไป จิ่งเทียนก็หันหน้าไปดูก่อนแล้ว และตกใจจนต้องถอยร่นไปก้าวหนึ่ง ทำไมจึงยังมีรัชทายาทอีกสองคนเล่า

แต่จากนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่า รัชทายาทเป็นแฝดสาม หน้าตาเหมือนกันหมด ก่อนหน้านี้เคยตรวจสอบแล้ว

เพียงแต่ใบหน้าที่เหมือนกันปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา รู้สึกตกตะลึงอยู่บ้าง

เหมือนกันมากไปแล้ว

ยังมีหนุ่มน้อยที่อายุน้อยกว่าหน่อยอีกสองคน น่าจะเป็นพี่สี่กับพี่ห้าของเจ๋อหลาน หน้าตาของพี่สี่กับพี่ห้าไม่ได้เหมือนกันขนาดนั้น คล้ายกันแค่แววตาเท่านั้น

ห้าพี่น้อง ยืนตัวตรงและเต็มไปด้วยความเป็นศัตรูยืนอยู่ตรงหน้าจิ่งเทียนเช่นนี้เอง ไม่ได้สนใจในน้ำเสียงของเจ๋อหลานที่ดูยินดีเลยแม้แต่น้อย พี่รอง พี่สาม พี่สี่ พี่ห้า พวกท่านก็กลับมาด้วยหรือ พวกท่านกลับมาทำไม 

 พอรู้ว่าเจ้าพาฮ่องเต้แห่งแคว้นจินกลับเมืองหลวง ย่อมต้องกลับมาต้อนรับแขก คนที่พูดคือทังหยวน และมองจิ่งเทียนอย่างระแวงแวบหนึ่ง

จิ่งเทียนมองดูพวกเขา รู้สึกหนังศีรษะชาขึ้นมาในทันที

เขารู้ว่าพวกเขาต่างก็อยู่ที่หัวเมืองต่างๆ ตอนนี้ได้เดินทางกลับมาเพราะเขา แม้จะรู้ว่าพวกเขานั้นรักและเอ็นดูเจ๋อหลานมาก แต่ว่า คิดไม่ถึงว่าจะให้ความสำคัญถึงขั้นนี้

ในสายตาที่มองน้องสาวราวกับเป็นชีวิตของตัวเอง เขาคืออะไร ไม่จำเป็นต้องพูด เป็นศัตรูแน่นอน

แต่ว่า แม้ว่าพวกเขาจะแสดงความเป็นศัตรูออกมา แต่ก็ยังคงเดินเข้ามาประสานมือคำนับ

เขาอดที่จะประหลาดใจไม่ได้ การอบรมสั่งสอนช่างดีจริงๆ

เพราะเมื่อเทียบกับเป่ยถังแล้ว แคว้นจินก็แค่แคว้นเล็กๆ รัชทายาทในแคว้นใหญ่จะพูดดูถูกเขาสักหน่อย ก็คงไม่มีใครว่าอะไรเขา

โดยเฉพาะ ยังมีเรื่องที่เคยแต่งตั้งฮองเฮาก่อนหน้านี้ด้วย ทุกการเคลื่อนไหว ไม่มีจุดบกพร่องเลย กระทั่งยังรายงานชื่อของตัวเองออกมาด้วยซ้ำ

แต่ว่า พวกเขาแสดงท่าทีชัดเจน แต่กลับปฏิบัติต่อกันอย่างครบถ้วนสมบูรณ์

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาแบ่งแยกเรื่องบุญคุณความแค้นได้ชัดเจน มีความเป็นศัตรูต่อเขา แต่เคารพในการเป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นจิน

จิ่งเทียนรู้สึกว่าเขาได้เรียนรู้อีกเรื่องแล้ว

ในใจรู้สึกชื่นชมฮ่องเต้แห่งเป่ยถังขึ้นมาอีกหลายส่วน

 

บัลลังก์หมอยาเซียน

บัลลังก์หมอยาเซียน

Status: Ongoing

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: “เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง”หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: “ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น”อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: “เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่” หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: “ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท