แต่ว่า นี่ก็ช่างยอดเยี่ยมเกินไปแล้วล่ะนะ? คะแนนเต็มทั้งหมด แม้แต่วิชาภาษาและวรรณคดีก็ได้คะแนนเต็ม นี่จะเป็นไปได้ยังไง? แม้ว่าข้อที่เป็นความเข้าใจและการตีความด้านหน้าจะถูกหมด แต่การเรียงความต้องการจะได้คะแนนเต็มจริงๆก็ไม่ได้ง่ายนัก
ฐานะที่เป็นคุณครู เห็นคะแนนแบบนี้เขาดีใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะไม่ใช่นักเรียนในชั้นเรียนของเขา แต่เขาก็ยังหวังว่าพวกนักเรียนทั้งหมดจะสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีได้ ได้สละกำลังอันน้อยนิดของตัวเองสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้ประเทศ
โดยประมาณนี่ก็คงจะเป็นความปรารถนาของผู้สอนธรรมดาๆทุกคนสินะ
อีกทั้ง นักเรียนคนนี้สอบได้ดีขนาดนี้ ก็เป็นเกียรติกับโรงเรียนนี่
ครูใหญ่ดันกรอบแว่นตาเล็กน้อย มองดูเขา คุณครูจาง นี่คือใบคะแนนของนักเรียนหยู่เหวินหวงห้องของพวกคุณ
คุณครูจางกระโดดขึ้นมาทั้งตัว ตกตะลึงถึงขีดสุด ตัวเดียว……นักเรียนหยู่เหวินหวง? เป็นเขา?
ครูใหญ่ถอดแว่นตาลง หยิบกระดาษทิชชูเช็ดที่หางตา เสียงก็สะอึกสะอื้นเล็กน้อย ไม่ผิด เป็นเขา พวกเราเก็บสมบัติล้ำค่าได้แล้ว หลายปีแล้ว ในที่สุดก็มีอัจฉริยะออกมาคนหนึ่งแล้ว
เป็นเขา? แต่คะแนนก่อนหน้านี้ของเขา…… คุณครูจางตะลึงปากอ้าตาค้าง ยังไม่สามารถเชื่อได้ เหมือนเป็นความฝันเช่นนั้น
ประเดี๋ยวผมจะไปพูดคุยกับผู้ปกครองสักหน่อย คะแนนก่อนหน้านี้เป็นอย่างไรไม่สำคัญนี่นา ที่สำคัญก็คือคะแนนหลังจากนี้ของเขา คุณครูจาง วันนี้ที่ผมเรียกคุณมาน่ะ เพราะมีเรื่องต้องการจะปรึกษาคุณ นักเรียนหยู่เหวินหวงอยู่ที่ห้องหกไม่ได้ ผมตั้งใจว่าจะให้เขาย้ายไปที่ห้องหนึ่ง
คุณครูจางตะลึงเล็กน้อย เพิ่งจะดึงสติกลับมาได้ความปลื้มใจบนใบหน้ายังไม่ทันเบ่งบานออกมา ก็ค่อยๆแข็งทื่อแล้ว
หัวหน้าระดับชั้นฟางรีบกล่าว คุณครูจาง คุณอย่าเข้าใจผิด ไม่ได้บอกว่าต้องการจะแย่งนักเรียนที่ดีของคุณไป เพียงแต่คุณก็เป็นคนชอบคนที่มีความสามารถ ใช่หรือไม่? นักเรียนมีคะแนนที่ดีเช่นนี้ หากว่าอยู่ที่ห้องหกต่อ คะแนนของเขาจะต้องมีผลกระทบอย่างมากเป็นแน่ แบบนั้นก็เป็นการทำลายสิ่งของให้สูญค่าโดยเปล่าประโยชน์แล้วจริงๆ
คุณครูจางบีบใบคะแนน ในใจสับสน เขาเห็นด้วยกับคำพูดของหัวหน้าระดับชั้น จริงๆห้องหกก็…….ไม่ค่อยจะชอบเรียน หากว่านักเรียนหยู่เหวินหวงอยู่ที่ห้องหก กลัวเพียงแค่คะแนนจะดิ่งลงไปอย่างรวดเร็ว เด็กในช่วงอายุนี้ ได้รับผลกระทบจะสภาพแวดล้อมโดยรอบได้ง่ายเป็นที่สุดแล้ว
ทั้งห้องเรียนล้วนไม่มีใจในการเรียน รู้จักเพียงแค่อยู่ปะปนกันไปวันวัน ไม่เกินหนึ่งเดือน ก็คงจะถูกทำให้กลมกลืนกัน
เขากล่าว ประเดี๋ยวผมจะไปคุยกับเขา เขาน่าจะตกลง
แบบนั้นก็ดีเป็นอย่างมากจริงๆ คุณครูจาง สุดสัปดาห์ฉันเชิญคุณไปกินข้าว พวกเราพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ครูใหญ่พูดด้วยความดีใจ
ในใจของคุณครูจางก็ยังคงดีใจอยู่ กล่าวว่า ดีครับ นัดกันสุดสัปดาห์
จดหมายลาออกใบนั้น ก็นอนอยู่ในกระเป๋าถือของเขาเงียบๆ เขาไม่ได้หยิบออกมา แม้ว่านักเรียนหยู่เหวินหวงจะย้ายห้องเรียน แต่เขาก็อยากอยู่ที่โรงเรียนเป็นประจักษ์พยานคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยของนักเรียนคนนี้
ขณะที่เขาเดินออกจากห้องทำงานของครูใหญ่ ได้ยินครูใหญ่ยังชื่นชมอยู่ยกใหญ่ เขายิ้มแล้วยิ้มอีก กลับไปเตรียมวิชาโฮมรูม
วันจันทร์มีวิชาโฮมรูมหนึ่งคาบเรียน อันที่จริงก็คือเวลาที่คึกคัก สุดสัปดาห์เด็กๆกลับมาก็มักจะไม่มีทางจะทุ่มเทได้ จะต้องปลุกเร้าใจอย่างต่อเนื่อง กล่าวคำพูดปณิธานความมุ่งมั่นปรารถนาให้พวกเขาฟัง
วันนี้ฝีเท้าที่ก้าวกลับไปที่ห้องเรียนของเขาก็เบาและเริงร่าเป็นพิเศษ
เมื่อเข้าห้องเรียน ก็มองไปที่นักเรียนหยู่เหวินหวงก่อนแวบหนึ่ง เขานั่งเงียบๆในแถวสุดท้าย ดวงตาสีดำเข้มมองดูเขาเข้ามา จากนั้นก็มีการกระทำหนึ่งลุกขึ้นมาด้วยจิตใต้สํานึก
หลี่จื่อเยว่ฟุบนอนอยู่ข้างกายเขา เดิมทีพวกเขาทั้งสองไม่ได้นับว่าเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะ แต่หลี่จื่อเยว่ลากโต๊ะและเก้าอี้เข้ามา ทั้งสองก็นับว่านั่งด้วยกันแล้ว กลายเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะ
เขาเดินไปบนแท่นบรรยาย พวกนักเรียนลุกขึ้นอย่างเกียจคร้าน ทักทายว่าสวัสดีคุณครูคำหนึ่ง
บรรยากาศการเรียนนี้ ไม่เหมาะสมกับนักเรียนหยู่เหวินหวงจริงๆ
คุณครูจางรู้สึกว่าการตัดสินใจของครูใหญ่ไม่ผิด