ผู้คุมหอพักโน้มน้าวให้ทุกคนกลับไปด้วยเสียงสะอึกสะอื้น แต่ไม่ว่าใครก็ไม่ไป มีคนขึ้นไปด้านหน้าก้าวหนึ่ง กล่าวสะอึกสะอื้น“พวกเราจะอยู่เป็นเพื่อนตู้เหวินจื้อที่นี่”
“ใช่ พวกเราจะอยู่เป็นเพื่อนเขา พวกเราไม่ไป”
เพื่อนนักเรียนตะโกนประโยคนี้ด้วยเสียงสะอึกสะอื้นทีละคนๆ เสียงแต่ละประโยคตกเข้าหูของตู้เหวินจื้อ เสียงร้องไห้ของเขาค่อยๆต่ำลงไป
หลี่เจี้ยนฮุยพยุงหยู่เหวินหวงไว้ มองดูเขาแวบหนึ่ง แวบหนึ่งนี้ เป็นความนับถืออย่างจริงใจ
หากว่าไม่ใช่เขา ตู้เหวินจื้อก็ตายไปแล้ว
“นายไม่เป็นไรหรอกนะ?” หลี่เจี้ยนฮุยถามเบาๆคำหนึ่ง
“ไม่เป็นไร!” ในใจของหยู่เหวินหวงก็เป็นทุกข์มาก เขากลับพิงไปทางข้างกายของหลี่เจี้ยนฮุยเล็กน้อย สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย “พ่อของเขา……”
มีเพื่อนนักเรียนห้องหนึ่งและเพื่อนนักเรียนหอพักเดียวกับเขากระซิบเบาๆว่า“คืนนี้เขารับโทรศัพท์สายหนึ่ง วางโทรศัพท์แล้วก็หัวเราะจากนั้นพูดประโยคหนึ่ง คุณพ่อของฉันเสียชีวิตแล้ว เขาหัวเราะแล้วพูด พวกเราคิดว่าเขาพูดเล่น”
“นักเรียนหยู่เหวินหวง นายกล้าหาญมากจริงๆ” มีเพื่อนนักเรียนคนขึ้นก้าวขึ้นมาคุยกับเขา
“ใช่แล้ว นายกล้าหาญมากจริงๆ ฉันกลัวว่านายจะตกลงไปแล้วซะอีก”
“สูงขนาดนั้น นายกล้าได้ยังไง? นายยอดเยี่ยมมากจริงๆเลย”
หลังจากที่เพื่อนนักเรียนค่อยๆเข้ามา ก็ต่างพากันชื่นชมเขา
แม้แต่หลี่เจี้ยนฮุยก็ส่งแววตานับถือมาทางเขา
แต่ในใจของหยู่เหวินหวงกลับเป็นทุกข์มาก
เพราะว่า เขากลับมาครั้งนี้ รู้สึกว่าผู้เฒ่าในบ้านสองท่านนั้นแก่ชราขึ้นเป็นอย่างมากอย่างเห็นได้ชัด เสียงร้องไห้ใจสลายของตู้เหวินจื้อนั้นทำให้เขาตื่นกลัวอย่างกะทันหัน มีวันหนึ่งเขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับการเกิดแก่เจ็บตายเช่นนี้
ก่อนหน้านี้ไม่ได้ไปคิด ไม่ใช่ไม่รู้ว่าชีวิตจะต้องสิ้นสุด แต่เพราะพวกเขาทั้งครอบครัวล้วนสามารถยืดชีวิตได้ยาวมาก เขาไม่ได้ไปคิดถึงคุณตาคุณยาย ไม่ได้ไปคิดถึงปู่ทวด
ครูใหญ่พาคุณครูสองสามคนรีบวิ่งตามเข้ามา ออกคำสั่งให้เหล่านักเรียนกลับไปนอนอย่างมีระเบียบ
หยู่เหวินหวงและหลี่เจี้ยนฮุยกลับไปที่หอพักของพวกเขา เด็กไม่กี่คนที่จะย่างเข้าสู่อายุสิบแปดปีนั่งนิ่งเงียบมาโดยตลอด บางทีนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาคิดทบทวนถึงเรื่องชีวิตอย่างจริงจัง
มือสองข้างของหลี่จื่อเยว่กอดเข่าไว้ ก้มหน้าลงบนหลังมือแล้วเช็ดน้ำตา
สุดท้ายขี้เหนียวหมิงลุกขึ้นยืนขึ้นมาก่อน ไปหน้าประตูหอพักหยิบโทรศัพท์ขึ้น เสียบบัตรโทรศัพท์ กดโทรออกไป “พ่อ นอนแล้วเหรอครับ? ไม่มีอะไร ผม……แค่คิดถึงพ่อนิดหน่อย”
ประโยคสุดท้าย ก็แฝงด้วยเสียงสะอื้นเล็กน้อย
หลังจากที่เขาวางโทรศัพท์แล้ว เป็นหลี่จื่อเยว่โทรไป
ทีละคนทีละคน ผลัดกันโทรศัพท์ออกไป สุดท้ายเป็นหลี่เจี้ยนฮุย เขายืนนิ่งเงียบอยู่หน้าโทรศัพท์เป็นเวลานาน ในที่สุดถึงจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “พ่อครับ แม่ครับ ผมคิดพ่อแม่แล้ว!”
หยู่เหวินหวงสังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้กดหมายเลข
นักเรียนคนอื่นๆก็สังเกตเห็นแล้ว ปั๋วจื่อพูดคำหนึ่ง “อะฮุย นายไม่ได้กดหมายเลข…….”
เหยี่ยโซ่วรีบดึงเขาไว้ทันที ส่ายหน้าให้เขา
ปั๋วจื่อตกใจเล็กน้อย ไม่เข้าใจนิดหน่อย แต่เหยี่ยโซ่วก็ฉุดเขาไว้ไม่ให้เขาพูดจา
หลังจากที่หลี่เจี้ยนฮุยวางโทรศัพท์ก็เดินกลับมา ฝีเท้าค่อนข้างเลื่อนลอย ถึงเตียงเขาก็นั่งลง ยืดเท้าสองข้างบนเตียง แล้วทั้งคนก็ล้มตัวลงไปบนเตียงไม้กระดาน
ที่นอนของเขาถูกหยู่เหวินหวงเอาออกไปแล้ว และที่นอนเดิมที่ถูกราดไปด้วยเจลอาบน้ำแชมพูสระผมก็ทิ้งไว้ด้านหลัง
ดวงตาของเขาค่อนข้างงงงวยเล็กน้อย ว่างเปล่า แต่น้ำตาไหลออกมาจากตาหางตา
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกนะ” หยู่เหวินหวงถามเขาคำหนึ่ง
เขาเอียงศีรษะ มองดูหยู่เหวินหวงตรงๆ เพื่อให้มั่นใจว่าหยู่เหวินหวงไม่ได้มีเจนตาร้าย จึงเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาเล็กน้อย ส่ายหัว “ไม่เป็นไร”
เหยี่ยโซ่วนั่งอยู่ข้างๆเขา และไม่ได้พูดจา อยู่เป็นเพื่อนด้วยกันเงียบๆ แต่มือของเขาวางอยู่บนไหล่ของหลี่เจี้ยนฮุย กดลงเบาๆ
ทุกคนล้วนรู้สึกว่าในครอบครัวของหลี่เจี้ยนฮุยน่าจะเกิดเรื่องอะไรมาก่อน แต่ไม่มีใครกล้าถาม
หอพักอื่นๆที่เหลือก็เหมือนกับหอพักนี้ ทยอยกันออกไปโทรศัพท์หาครอบครัว มีบางครั้งในหนึ่งภาคเรียนพวกเขาไม่ได้โทรศัพท์ไปหาที่บ้านเลยสักสาย
แต่คืนนี้ อยากฟังเสียงของคุณพ่อคุณแม่เป็นพิเศษ