บัลลังก์หมอยาเซียน – บทที่ 1741 พร้อมใจทำงานร่วมกัน

บทที่ 1741 พร้อมใจทำงานร่วมกัน

ในตอนที่ที่ทั้งคณะตามเจ้าเมืองโจว กลับมา พวกเขาต่างก็สวมหน้ากากก่อน

อะซี่มองเจ้าเมืองโจว ที่ระหว่างนั่งอยู่บนหลังม้า ร่างกายก็ยังสั่นเทาไม่หยุด แอบกระซิบพูดกับหรงเยว่ว่า  ดูไปแล้วใต้เท้าคนนั้นช่างน่าสงสารจริง ๆ เลย จนป่วยหนักขนาดนี้แล้วแท้ ๆ ยังต้องออกมาต้อนรับขบวนเสด็จอีก แค่ส่งใครมาแทนก็ได้แล้วไม่ใช่รึ? 

เนิ่นนานหลายปีที่อะซี่อาศัยอยู่ในวังมาโดยตลอด มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับหยู่เหวินเห้าและหยวนชิงหลิงเหมือนเป็นสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่ง ทั้งสองต่างปฏิบัติกับนางดีมาก เรียกได้ว่าพวกเขารักใคร่เอ็นดูนางอย่างยิ่ง ดังนั้น ในความคิดแบบตายตัวตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาของนาง ก็คือหยู่เหวินเห้ายังคงเป็นพี่ชาย ผู้มีตำแหน่งเป็นอ๋องฉู่คนนั้น ส่วนหยวนชิงหลิงก็ยังคงเป็นพี่หยวน พี่สาวคนดีคนเดิมของนางไม่เคยเปลี่ยน

หรงเยว่พูดด้วยรอยยิ้มว่า  อะซี่ สำหรับเจ้าเมืองโจว ฮ่องเต้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า เป็นดั่งเง็กเซียนฮ่องเต้เจ้าแห่งสรวงสวรรค์ เง็กเซียนฮ่องเต้เสด็จมา เจ้าอยากมาต้อนรับหรือไม่ล่ะ? 

อะซี่ยิ้มพลางพูดว่า  ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมาอยู่แล้วน่ะสิ 

หลังจากมาถึงที่ทำการปกครองแล้ว หยู่เหวินเห้าไปพบคุณย่าก่อน ค่อยจูงมือหยวนชิงหลิงมานั่งลง เพื่อรับการน้อมทักทายของบรรดาขุนนางน้อยใหญ่

คนของจวนปกครองทั้งหมดคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกัน หยู่เหวินเห้าไม่ได้ออกคำสั่งเป็นการจำเพาะอะไร เพียงสั่งว่าให้ทุกคนจงต่อสู้กับโรคระบาดด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

เจ้าหน้าที่น้อยใหญ่ของทั้งเมืองหวูกุ้ยต่างร่วมใจกันทำงานอย่างขันแข็ง ภายในระยะเวลาห้าวัน ก็สามารถนับจำนวนของผู้ป่วยได้ สำนักการแพทย์ได้จัดเตรียมสถานที่แห่งหนึ่ง เพื่อใช้สำหรับรักษาผู้ป่วยวิกฤตในตัวเมือง โดยมีหยวนชิงหลิงและคุณย่าหยวนเป็นผู้นำในการรักษา

เดิมทีการที่ฮ่องเต้มายังจวนปกครองของเมืองหวูกุ้ยนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการเปิดเผย แต่เนื่องจากเขาต้องการระดมหมอและบุคลากรทางการแพทย์ทั่วเมือง ด้วยเหตุนี้ หยู่เหวินเห้าจึงอนุญาตให้เจ้าเมืองโจว ประกาศต่อสาธารณชนว่าเขาอยู่ที่นี่

ทันทีที่ข่าวกระจายออกไป หมอในโรงหมอต่าง ๆ ล้วนให้ความร่วมมือกันอย่างล้นหลาม เรียกเก็บเพียงค่ารักษาพยาบาลในอัตราที่ต่ำที่สุดจากประชาชน แน่นอนว่า ยาทั้งหมดถูกแจกจ่ายโดยทางการไปยังโรงหมอต่างๆ ซึ่งทางโรงหมอไม่จำเป็นต้องรับภาระจ่ายค่ายาใด ๆ ทั้งสิ้น

ทุกคนดูราวกับไม่หลงเหลือความเห็นแก่ตัวไปในบัดดล ทุกคนมีจุดประสงค์เดียว นั่นคือ การรักษาผู้ป่วย ขับไล่โรคระบาด ร่วมใจกันเพื่อมอบคำอธิบายที่ดีที่สุดแก่ฮ่องเต้ เพื่อให้ฮ่องเต้ทรงรับรู้ได้ว่า เจ้าหน้าที่ทุกคนในเมืองหวูกุ้ยนั้นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ฮ่องเต้ทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดี พวกเขาจึงรู้สึกเคารพเทิดทูนฮ่องเต้เสมือนดั่งเทพบนสรวงสวรรค์ ฮ่องเต้คือความเชื่อมั่นของพวกเขา และความเชื่อมั่นเป็นแรงผลักดันที่ทรงพลัง

คุณย่าหยวนมีประสบการณ์มากมายด้านโรคระบาด แม้ว่าการสื่อสารของที่นี่จะยังไม่พัฒนา แต่เนื่องจากการประสานงานระหว่างกันมีประสิทธิภาพสูง ไม่ถึงครึ่งเดือน ก็ค่อย ๆ ก้าวเข้าสู่ชัยชนะทีละขั้นทีละตอนแล้ว

นั่นก็คือ แทบไม่มีผู้ป่วยรายร้ายแรงปรากฏอีก และจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ก็ลดลงอย่างมากเช่นกัน

เจ้าเมืองโจว ซาบซึ้งใจหาใดเปรียบ ถึงขั้นพูดว่าตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งมา เขาไม่เคยเห็นเจ้าหน้าที่

น้อยใหญ่ร่วมแรงแข็งขันขนาดนี้ ทั้งไม่เคยเห็นประชาชนให้ความร่วมมือมากขนาดนี้มาก่อนเลย

แม้แต่พ่อค้าวาณิช ก็พากันบริจาคเงินอย่างไม่เห็นแก่ตัวแม้แต่น้อย

แม้ว่าการแพร่ระบาดจะยังไม่ถึงกับควบคุมได้หมดอย่างสมบูรณ์ ขอแค่มีการควบคุมได้ไม่เกิดการ

แพร่ระบาดต่อ การใช้ยาได้รวดเร็วทันท่วงทีในระยะเริ่มแรกของโรค ก็สามารถป้องกันไม่ให้โรค

กำเริบขึ้นมาอีก ซึ่งก็จะเหมือนกับปีก่อน ๆ ที่ผ่านมานั่นเอง

การแจกชาสมุนไพรในเมืองหวูกุ้ยมีบทบาทอย่างมากในครั้งนี้ เนื่องจากชาสมุนไพรจัดสรรโดย

ทางการ ไม่คิดเงินจากประชาชน ผู้ป่วยจำนวนมากจึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเงินค่ายา คิดกังวลไปว่า

ต้องต้มกินต่อเนื่องหลายวันกว่าจะหาย จึงปฏิเสธการกินยา

หลังจากควบคุมการแพร่ระบาดได้แล้ว หยู่เหวินเห้าจึงสั่งให้เจ้าเมืองโจว ออกประกาศ

ใจความว่าสามวันหลังจากนี้ เขาจะพาฮองเฮาไปยังโรงหมอต่าง ๆ เพื่อพบปะทักทายและปลอบ

ขวัญ หากประชาชนคนใดต้องการรับเสด็จ จะต้องสวมหน้ากากโดยไม่มีข้อยกเว้น

เจ้าเมืองโจว รู้สึกกังวลอย่างยิ่ง กลัวว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน หรืออาจมีพวกมือสังหารที่ชั่วร้ายแอบปะปนอยู่ท่ามกลางประชาชน คิดว่าไม่จำเป็นต้องไปโรงหมอเพื่อทักทายหรือปลอบขวัญก็ได้

แต่หยู่เหวินเห้าบอกกับเขาว่า  ทุกปีเมืองหวูกุ้ยมักมีโรคระบาดชนิดนี้เสมอ อย่างไรก็จำเป็นต้องร่วมมือกันกับโรงหมอ บางครั้งการกล่าวคำชมหรือคำขอบคุณ จะมีประโยชน์มากกว่าคำสั่งที่

เข้มงวด ข้าจะไปกล่าวขอบคุณด้วยตัวเองสักครั้ง เช่นนี้แล้วหากมีโรคระบาดเกิดขึ้นอีกในอนาคต

พวกเขาก็จะเต็มใจรับการชี้แนะจากโรงหมอแต่โดยดี 

หยวนชิงหลิงยังกล่าวเสริมอีกว่า  นั่นเป็นเรื่องจริง ถึงขั้นที่ว่าในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา บรรดาหมอทุกท่านล้วนเรียกเก็บค่ารักษาแค่เพียงเล็กน้อย กระทั่งมีบางคนไม่เก็บเงินเลยด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก 

หากโรงหมอเปิดดำเนินการตามปกติ ก็สามารถทำเงินได้มากมายภายในเวลาเพียงครึ่งเดือน ดังนั้น

ทั้งการเสียสละ และการทำงานที่เหนื่อยยากลำบากของหมอทั้งหลาย ควรค่าแก่การยกย่อง

เจ้าเมืองโจว รู้สึกตื้นตันใจมาก เขาแค่กังวลเรื่องความปลอดภัยของฮ่องเต้ แต่ในเมื่อฝ่าบาทกับฮองเฮาทรงยืนยันหนักแน่น เขาก็พร้อมจะปฏิบัติตามพระบัญชา

 

บัลลังก์หมอยาเซียน

บัลลังก์หมอยาเซียน

Status: Ongoing

ด็อกเตอร์แพทย์หญิงอัจฉริยะข้ามภพกลายเป็นพระชายาของอ๋องฉู่ เพิ่งมาถึงก็เจอผู้ที่บาดเจ็บสาหัส นางยึดถือจรรยาแพทย์ไปทำการช่วยเหลือ กลับเกือบถูกคนให้ร้ายไท่ซ่างหวง(เสด็จพ่อของฮ่องเต้)ป่วยวิกฤต นางไม่มีวิธีรักษา ถูกอ๋องอำมหิตผู้น่าเกลียดเข้าใจผิดตำหนิเอา หรือว่าเป็นคนดีมันยากนัก? ชายผู้นี้เอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีนางไม่ว่า ที่อดไม่ได้คือเขายังกล้าแต่งชายารองทำให้นางสะอิดสะเอียนอีกอ๋องอำมหิตพูดอย่างเย็นชาว่า: “เจ้ามีดีอะไรให้ข้าแค้นเจ้า ข้าเพียงแค่เกลียดเจ้า? แค่เห็นเจ้าแวบแรกก็รู้สึกขยะแขยง”หยวนชิงหลิงใบหน้ายิ้มรับพร้อมกล่าวว่า: “ไฉนข้าไม่รังเกียจท่านอ๋องเพคะ? เพียงแค่ทุกคนล้วนเป็นสุภาพชน ไม่อยากไม่ไว้หน้าก็เท่านั้น”อ๋องอำมหิตพูดเย้ยหยันว่า: “เจ้าอย่านึกว่าตั้งท้องลูกของข้าแล้วข้าจะนับว่าเจ้าเป็นพระชายา ดื่มยาถ้วยนี้ ข้ากับเจ้าขาดกัน อย่ามาขัดขวางการแต่งงานของข้ากับคุณหนูสองตระกูลฉู่” หยวนชิงหลิงยิ่มแฉ่งพร้อมกล่าวต่อว่า: “ท่านอ๋อง นี่ชอบพูดเล่นเสียจริงเพคะ ท่านอยากแต่งก็แต่งเลยเพคะ ข้ามีลูกให้ดูแล ค่อยแต่งงานใหม่ ไม่มีใครเป็นก้างขวางคอใคร ถึงเวลานั้นมีการจัดเหล้าครบเดือน ขอเชิญท่านอ๋องมาร่วมงานด้วยเพคะ”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท