บทที่ 48 ภัยพิบัติอันร้ายแรง
ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งนาที ผู้คนในตระกูลหลินก็ประสบสองสภาพความโศกเศร้าและความสุข
ยังคงจมอยู่กับการตกลงจะร่วมงานต่อและความสุขของครอบครัวตระกูลหลิน วินาทีต่อมา หลี่ถาวก็ได้กล่าวว่าคนเดียวที่จะเป็นตัวแทนได้คือหลินเจิ้นสง และ นอกจากหลินเจิ้นสงแล้วคนอื่นๆในตระกูลหลินจะถูกจดบันทึกไว้ในบัญชีดำของบริษัทลี่จิง!
นี่มันแนวคิดอะไร?
เท่ากับว่า นอกจากหลินเจิ้นสงแล้วคนอื่นๆถูกบริษัทลี่จิงสั่งห้ามแล้ว!
โดยเฉพาะหลินฉ่ายเวยกับโจวเหม่ยหยูน ชื่อของเธอสองคนนั้นถูกหลี่ถาวแยกออกมาต่างหาก สีหน้าสองแม่ลูกนั้นรู้สึกโกรธมาก
“นี่มันอะไรกัน? การสั่งห้ามในโลกธุรกิจ?”
โจวเหม่ยหยูนกล่าวอย่างโกรธ: “ถึงแม้ว่าพวกเขาเป็นบริษัทใหญ่ ก็ไม่สามารถทำเรื่องเอาแต่ใจอย่างนี้ ไม่ได้ ฉ่ายเวย แกไปถามให้รู้เรื่องซิ!”
พวกเธอยังหวังเพื่อจะหารายได้จากการร่วมงานนี้อยู่เลย สุดท้ายกะพริบตาเดียวก็ถูกบันทึกเข้าองค์กรบัญชีดำซะงั้น
หลินฉ่ายเวยก็คิดไม่ตกว่าทำไม ว่าทำไมมีแค่คุณพ่อของตัวเองคนเดียวที่ได้ข้อยกเว้น ตอนนั้น ได้โทรหาเบอร์หนึ่ง
ไม่นาน มีคนรับสาย เป็นเสียงเย็นชาของหลี่ถาวที่ลอยออกมา:“ยังมีเรื่องอะไรอีก?”
“เลขาหลี่ นี่มันหมายความว่าอะไร อะไรคือการที่เราถูกบันทึกในองค์กรบัญชีดำตลอดไป เหมือนว่าพวกเรายังไม่เคยมีเรื่องกับบริษัทลี่จิงไหม?” หลินฉ่ายเวยระงับความโกรธไว้ กล่าวถาม
จากนั้น หลี่ถาวแค่หัวเราะเย็นชา:“นี่เป็นคำสั่งของเบื้องบน ถ้าจะถาม ไปถามประธานหลินไป”
น้ำเสียงที่ดูเหมือนเย้ยหยิ่งนั้น ทันใดนั้นหลินฉ่ายเวยรู้สึกว่าถูกเหยียดหยาม แต่เธอ ยังไม่กล้าที่จะโจมตี เถียงด้วยเหตุผลว่า:“ฉันจะพบประธานหลิน”
“ขอโทษ ด้วยฐานะของคุณ ยังไม่สามารถที่จะพบเจอกับประธานหลิน”
หลี่ถาวอธิบายอย่างมีเหตุผล: “ประธานหลินมีงานให้ยุ่งทุกวัน ตารางงานของทุกวันถูกจัดเต็มหมด จะเอาเวลาที่ไหนมาสนใจเรื่องไร้สาระเหล่านั้นของพวกคุณ?”
“คุณ—-” หลินฉ่ายเวยโกรธจนไม่รู้จะพูดอะไรดี
“คุณหลิน บริษัทลี่จิงทำกับตระกูลหลิน ถือว่ามีความเมตตากรุณามากพอแล้ว หากพวกคุณยังไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงอีก ก็อย่าหาว่าพวกเราใจร้ายละกัน!”
น้ำเสียงหลี่ถาวเปลี่ยนเย็นชาทันที:“คนเป็นคนทำ เบื้องบนดูอยู่ ทำเรื่องชั่วเยอะไป กรรมจะตามสนองแน่”
คำพูดนี้พูดจนทำให้สีหน้าหลินฉ่ายเวยเปลี่ยนไปเล็กน้อย ตระกูลหลินทำเรื่องชั่วอะไร?
คำพูดแบบนี้ หากโดยปกติแล้ว หลี่ถาวจะไม่พูดเด็ดขาด แต่ว่าครั้งนี้ ดูเหมือนว่าประธานหลินจะโกรธจริงๆ มอบอำนาจให้หลี่ถาว เธอถึงได้สั่งสอนตระกูลหลินอย่างนี้
“เลขาหลี่ คุณช่วยไปขอความกรุณากับประธานหลินหน่อยได้ไหม?”
หลินฉ่ายเวยขมปาก กล่าวขอร้อง:“การร่วมมือในครั้งนี้มันสำคัญกับพวกเรามาก”
“ลองนึกดูดีดีว่าช่วงนี้ไปมีเรื่องกับใครหรือเปล่า แล้วค่อยมาคุยกับฉัน”
หลี่ถาวพูดจบอย่างเย็นชา แล้วก็วางสายไป
หลินฉ่ายเวยนำคำพูดทุกคำพูดที่หลี่ถาวพูด พูดซ้ำอีกรอบ ทุกคนในตระกูลหลิน เข้าสู่โหมดนิ่งคิด พยายามนึกว่าช่วงนี้ได้ไปมีเรื่องกับใครมาหรือเปล่า
แต่ว่า นึกมาครึ่งวันละ ก็นึกไม่ออกว่าไปมีเรื่องกับใครมา
“หรือว่าจะเป็นไอ้ไร้ประโยชน์นั่น……”
หลินฉ่ายเวยพูดอยู่คนเดียว แต่หลังจากนั้น ความคิดนี้ก็ถูกลืมไป เขาคงไม่มีความสามารถมากขนาดนี้
นึกไม่ออก ไม่นึกจะดีกว่า ณ เวลานี้ บรรยากาศในห้องรับแขกตระกูลหลินมันแปลกจนบอกไม่ถูก สายตาที่ไม่ปกติของทุกคนมองไปทางหลินเจิ้นสง
บางคนสงสัย บางคนตาแดง ที่มากไปกว่านั้นคือการมองด้วยกันคาดหวัง
หลังสีหน้าที่ดูไม่ได้ของหลินฉ่ายเวยกับโจวเหม่ยหยูนนั้น ก็กลับสู่ปกติ
ความจริง ผลลัพธ์นี้เป็นผลร้ายแรงมากสำหรับครอบครัวอื่นๆ แต่กับครอบครัวหลินฉ่ายเวยแล้ว ความเสียหายก็ไม่มากเท่าไหร่
ไม่ว่ายังไง บริษัทลี่จิงก็ยังไม่ได้ยกเลิกสัญญากับตระกูลหลิน นี่เป็นข่าวที่ดีที่สุดแล้ว
ถึงแม้ว่าตัวแทนจะเปลี่ยนเป็นหลินเจิ้นสง หลินฉ่ายเวยกับโจวเหม่ยหยูนถูกบริษัทลี่จิงสั่งห้าม แต่ว่า หลินเจิ้นสงเป็นพ่อของเธอ ถ้าทำได้ดีแล้ว ก็ยังคงมีรายได้เข้าเหมือนกัน
“เจิ้นสง ตระกูลเรา โดยปกติแล้วก็ดีกับคุณไม่มากก็น้อยใช่ไหม? ไม่ว่าของดีๆอะไร ก็ต้องส่งให้บ้านคุณด้วย”
หลินจ้องมองไปที่หลินเจิ้นสง กล่าวอย่างเสียงแข็งว่า:“รายได้ที่ได้นั้น น่าจะมีส่วนของบ้านเราไหม”
“และยังมี พี่ใหญ่ของบ้าน ฉันเป็นน้องเล็กของพี่ คงจะไม่ทนเห็นเราลำบากแล้วไม่ช่วยหรือเปล่า?”
โจวเหม่ยหลิงน้องสาวของโจวเหม่ยหยูนก็พูดอย่างจี้จุด
“จะละเว้นบ้านเราไม่ได้”
ทุกคนในตระกูลหลินคุยกันปากต่อปาก นี่ยังไม่ทันทำรายได้เลย ก็เริ่มแบ่งผลประโยชน์ละ
โจวเหม่ยหยูนกับหลินฉ่ายเวยมีสีหน้าที่ไม่น่าดูเท่าไหร่ จ้องไปที่หลินจ้องอย่างเกลียดชัง รวมทั้งโจวเหม่ยหลิงด้วย นี่เป็นเงินของตระกูลเขา จะให้คนนอกได้ยังไง?
หลินเจิ้นสงได้ถอนหายใจ กล่าวอย่างเบื่อหน่อยว่า:“หากร่วมมือกับบริษัทลี่จิงสำเร็จ ฉันจะนำเงินที่ได้เข้ากองทุนตระกูลหลิน ทุกคนแบ่งส่วนแบ่งตามที่ทุกบ้านได้รับ”
ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าทุกบ้านก็ดีขึ้นมาหน่อย หลินฉ่ายเวยกับโจวเหม่ยหยูนก็วางใจลง
ถ้าแบ่งตามหุ้นส่วน ก็ยังเป็นบ้านของที่ได้เยอะที่สุด แต่ว่าแค่คิดต้องแบ่งเงินออกไป ภายในใจก็ยังรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่
“ที่ใช่บ้านตระกูลหลินไหม?”
เวลานี้ มีรูปร่างสูงคนหนึ่ง ผู้ชายแปลกหน้าที่ใส่เสื้อสูทเดินเข้ามา หลังมองทุกคนไปรอบๆ ทักทายกล่าวถาม
หลินเจิ้นสงยืนขึ้นมา มองไปที่ผู้ชายคนนี้ กล่าวถาม:“คุณเป็นใคร?”
“ฉันคือเฉินเจี้ยน คือทนายความทางกฎหมายที่บริษัทการบันเทิงฮุยหวงเชิญมา”
ชายคนนั้นได้นำเอกสารของศาลวางไว้บนโต๊ะชา กล่าวอย่างเย็นชาว่า:“นี่เป็นเอกสารส่งมอบจากศาล เนื่องจากตระกูลหลินพวกคุณได้นำมาซึ่งความเสียหายที่ไม่สามารถคำนวณได้ให้แก่ตระกูลหวาง อีกทั้งยังทำร้ายร่างกาย บวกกับความเสียหายทางจิตใจ รวมต้องชดใช้ให้ตระกูลหวางเป็นจำนวนเงินสามสิบห้าล้าน”
“มีกำหนดให้พวกคุณชดใช้หนี้สินนี้ภายในหนึ่งอาทิตย์ ไม่อย่างนั้น ศาลจะใช้มาตรการบีบบังคับ จะสั่งปิดบริษัทตระกูลหลินพวกคุณ และก็จะบังคับโอนย้ายให้คุณหวางหมิ่นเหมิน และทำการหักตามมูลค่าของบริษัท อย่างไรก็ตามพวกคุณก็ต้องชดใช้ในส่วนที่ขาดเหลือ”
บูม—-
ทุกคนในตระกูลหลินงงไปหมดเลย เหมือนดั่งโดนฟ้าผ่าแล้วแข็งตัวอยู่ในที่เกิดเหตุ
สามสิบห้าล้าน?ชดใช้ภายในหนึ่งอาทิตย์?นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง?
“ทนายเฉิน มีความผิดพลาดตรงไหนหรือเปล่าคุณ?”
หลินฉ่ายเวยถามด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว ตกใจจนเสียงสั่น: “คนที่ไปทุบบริษัทตระกูลหวาง คือถังเฉา ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเรา!”
“เป็นอย่างนี้ไม่มีผิด แต่คุณถังเป็นคนของตระกูลหลิน ก็เป็นความจริงที่เถียงไม่ได้”
เฉินเจี้ยนก็ยังหนักแน่น แล้วพูดต่อ:“ตัวเขาเองไม่มีปัญญาที่จะชดใช้เงินมหาศาลสามสิบห้าล้านนี้ ดังนั้น เงินก้อนนี้ พวกคุณต้องมาชดใช้”
คำพูดของเฉินเจี้ยน ทำให้สีหน้าหลินฉ่ายเวยกลับซีดทันที สามสิบห้าล้าน เท่ากับรายได้สองสามปีของบริษัทสาขาย่อยตระกูลหลินแล้ว จะชดใช้ยังไงไหว?
โจวเหม่ยหยูนก็ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่ในหม้อไฟ: “พวกเราตัดขาดความสัมพันธ์กับไอ้ไร้ประโยชน์นั้นแล้ว เขาไม่ใช่คนในบ้านตระกูลหลินเรา!”
สายตาของเฉินเจี้ยนมีแสงเยือกเย็นกะพริบ กลับถามโดยไม่มีความรู้สึกว่า:“คุณว่าตัดความสัมพันธ์ ก็ตัดความสัมพันธ์งั้นเหรอ?”
หยุดนิ่งชั่วคราว เฉินเจี้ยนได้ยื่นคำขาด:“หลังหนึ่งอาทิตย์ หากหนี้สินยังชดใช้ไม่หมด ไม่ก็เอาใบรับรองโฉนดที่ดิน ใบรับรองรถยนต์ และใบรับรองของบริษัทสาขาย่อยมาทำการหักลบหนี้ซะ หรือไม่ก็รอเข้าคุกไปเลย!”
พูดจบคำนี้ ก็ได้จากไปอย่างผ่าเผย เหลือไว้เพียงแต่ทุกคนในตระกูลหลินที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยหน้าที่ซีดเซียว
“จบกัน จบกันหมดแล้ว……