บทที่ 66 อยู่ด้วยกัน
หลินจ้าวหยูนที่นั่งอยู่บนรถเริ่มกระวนกระวายใจ แม้ตระกูลฉางจะเทียบไม่ได้กับตระกูลของเธอ แต่ที่นี่คือเมืองหมิงจูไม่ใช่เมืองเยี่ยนจิง
ดั่งที่ว่ากันว่าพลังมังกรก็ไม่อาจสยบคนพาลได้ เธอคิดถึงชีวิตดีๆ ในเมืองเยี่ยนจิง หลังจากที่มาถึงเมืองหมิงจูเธอก็ถูกกดขี่มาตลอด ความรู้สึกแบบนี้ทำให้หลินจ้าวหยูนรู้สึกหดหู่ใจขึ้นมาทันที
สิบนาทีผ่านไปแล้ว ทำไมถังเฉายังไม่กลับมา หลินจ้าวหยูนอดไม่ได้ที่จะกังวล……ถ้าเกิดเรื่องกับพี่เขย แล้วเราจะบอกพี่สาวยังไง?
ในขณะที่ความคิดนี้ยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของเธอ ก็มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินออกมาจากคลับเฮาส์ และสองคนนี้ก็คือถังเฉากับเฟิ่งหวง
เมื่อเห็นภาพนี้ หลินจ้าวหยูนจึงจะรู้สึกโล่งอก “กลับมาสักทีนะคะพี่เขย หนูคิดว่าพี่……”
“คิดว่าพี่ทำไม?”
ถังเฉายิ้มมองเธอและรู้ถึงความกังวลที่เธอแสดงออก
“เปล่า ก็แค่กังวลหน่อย”
หลินจ้าวหยูนพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอให้ความสำคัญกับถังเฉา
“แล้ว เรื่องของฉางเซ่าเฟิงเป็นยังไงบ้างคะ?” หลินจ้าวหยูนถามอีกครั้ง
“เรียบร้อยแล้ว”
“หา? เรียบร้อยแล้ว?”
หลินจ้าวหยูนถึงกับตกใจ นี่มันผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีก็จัดการเรียบร้อยแล้ว? แต่เธอกลับลืมไปว่าเธอรู้สึกกังวลแค่ไหนในช่วงที่ถังเฉาไม่อยู่
ถังเฉาพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลินจ้าวหยูนถึงจะมั่นใจว่าเขาจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่เธอก็อดถามไม่ได้ว่า “พี่เขยจัดการยังไงคะ?”
“เรื่องนี้เธอไม่ต้องห่วงหรอก”
ถังเฉาพูดเกริ่น “รอดูหนังสือพิมพ์วันพรุ่งนี้สิ”
หลินจ้าวหยูนประหลาดใจ “ทำไมต้องดูหนังสือพิมพ์ด้วย?”
ถังเฉาไม่ได้ตอบคำถามเธออีก สายตาของเขามองออกไปนอกหน้าต่างรถแล้วมีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
ไม่เกินวันพรุ่งนี้ ตระกูลฉางก็จะติดต่อเขาเอง
ถังเฉาพาน้องสาวภรรยาที่สีหน้าซีดเซียวตลอดทางกลับไปคฤหาสน์จื่อหยวน และในขณะนี้เพิ่งจะสองทุ่มครึ่งเท่านั้น
เฟิ่งหวงจำได้ว่าถังเฉาต้องกลับให้ถึงบ้านก่อนสามทุ่ม ดังนั้นเธอจึงเร่งความเร็วให้สุดขีดตลอดทางกลับบ้าน
น้องสาวภรรยาคนนี้เคยคิดว่าตัวเองนั้นมีทักษะในการขับรถที่ดี แม้จะไม่ถึงขั้นนักแข่ง แต่การขับขึ้นเขาลงดอยก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ แต่หลังจากที่เธอได้สัมผัสทักษะการขับรถของเฟิ่งหวงแล้ว เธอก็ไม่กล้าอวดฝีมือในการขับรถของเธออีกเลย
ในระหว่างทางกลับ ใบหน้าของเธอซีดเซียวและรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนตลอดทาง ในที่สุด หลังลงจากรถเธอก็อดไม่ได้ที่จะอาเจียนออกมาทันที
ทันทีที่เปิดประตูเข้าบ้านก็มีเสียงชัดเจนดังออกมา “คุณพ่อกลับมากแล้ว!”
เมื่อได้ยินเสียงของถังเสี่ยวลี้ ถังเฉาก็มีความสุขในทันใด “ดึกป่านนี้แล้วเสี่ยวลี้ยังไม่นอนอีกเหรอ?”
ในขณะที่พูด เขาก้มลงแล้วกางแขนและอุ้มถังเสี่ยวลี้ขึ้นมา
“คุณพ่อไม่อยู่ ผมนอนไม่หลับค่ะ” ถังเสี่ยวลี้พูดอย่างน้อยใจ
ถังเฉาพูดด้วยความรู้สึกผิดว่า “พ่อขอโทษครับ เสี่ยวลี้ คืนนี้พ่อไปทำธุระมา”
“หึ ถ้าวันหลังคุณพ่อกลับดึกอีก หนูจะไม่สนใจคุณพ่อแล้วล่ะ”
ถังเสี่ยวลี้ยกมุมปากขึ้นด้วยหน้าเย่อหยิ่ง
“……”
นี่เป็นครั้งแรกที่ถังเฉาเห็นถังเสี่ยวลี้แสดงสีหน้าแบบนี้ เขาจึงถามอย่างทำตัวไม่ถูก “ทำไมล่ะครับ”
ถึงอย่างไรความสัมพันธ์ของแม่กับลูกก็แน่นแฟ้นกว่าอยู่แล้ว
จากนั้นเขาเห็นถังเสี่ยวลี้ที่ดูเหมือนผู้ใหญ่แล้วพูดอย่างจริงว่า “ก็ตอนคุณพ่อไม่อยู่ เสี่ยวลี้เห็นคุณแม่แอบร้องไห้คนเดียวประจำเลย”
“ในเมื่อคุณพ่อกลับมาแล้ว คุณพ่ออยู่เป็นเพื่อนคุณแม่นานๆ หน่อยได้ไหมคะ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของถังเสี่ยวลี้ ทั้งถังเฉากับหลิยชิงเสว่ก็ตกอยู่ในความเงียบ
ในใจถังเฉาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด แต่หลิยชิงเสว่กลับจมอยู่กับเรื่องในอดีต
“ได้สิครับ”
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ถังเฉาก็ตอบตกลง
มือเล็กๆ คู่นั้นของถังเสี่ยวลี้ก็ปรบมือด้วยความดีใจแล้วพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “ดีจังเลย คุณพ่อจะมีเวลาอยู่กับพวกเราแล้ว”
เมื่อเห็นถังเสี่ยวลี้ยิ้มอย่างมีความสุข ถังเฉากับหลิยชิงเสว่ก็รู้สึกโล่งใจไปด้วย
จากนั้นถังเสี่ยวลี้ก็พูดขึ้นอีกครั้ง “คุณพ่อคะ งั้นคืนนี้คุณพ่อนอนกับเสี่ยวลี้กับคุณแม่ได้ไหมคะ?”
“……”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังเสี่ยวลี้ ถังเฉากับหลิยชิงเสว่ถึงกับอึ้ง สายตาของทั้งสองสบเข้าหากัน จากนั้นก็แยกจากกันอย่างรวดเร็ว
หลินจ้าวหยูนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เห็นรายละเอียดเล็กๆ นี้ แต่เธอทำได้เพียงยืนกะพริบอย่างเงียบๆ
คำพูดใสซื่อของเด็ก
แต่บางทีคำพูดใสซื่อของเด็กมันมักจะเป็นความจริงเสมอ
สายตาของหลินจ้าวหยูนเหมือนเรดาร์ที่กวาดมองถังเฉากับหลิยชิงเสว่ สองคนนี้ยังไม่ได้นอนด้วยกันจริงหรือ?
หลินจ้าวหยูนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้สูง
การมีถังเสี่ยวลี้นั้นเกิดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ และห้าปีที่ผ่านมาเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสามีของเธอหน้าตาเป็นอย่างไร แม้ว่าชายคนนี้จะกลับมาแล้ว แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่ดี
ด้วยนิสัยของพี่สาว เธอจะไม่ยอมให้ผู้ชายบุกเข้าไปในห้องของเธอและนอนกับเธออย่างแน่นอน……แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะเป็นสามีตามกฎหมายของเธอก็ตาม
จากนั้นสักพักหลิยชิงเสว่ก็ดึงสติกลับมาและพูดตำหนิด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เสี่ยวลี้ ลูกพูดอะไร ใครสอนลูกพูดแบบนี้?”
ถังเสี่ยวลี้ตกใจจนตัวหดและหนีไปหลบข้างหลังถังเฉา เหลือเพียงศีรษะที่โผล่ออกมาแล้วมองหลิยชิงเสว่ด้วยความกลัว
ระหว่างพ่อกับแม่เขากลัวแม่มากกว่า และติดพ่อมากกว่า
ถังเฉารีบห้ามอย่างรวดเร็ว “อย่าทำให้ลูกตกใจสิ”
หลิยชิงเสว่เพิ่งตระหนักว่าเธอมีปฏิกิริยาที่แข็งกร้าวเกินไป ดังนั้นเธอจึงผ่อนน้ำเสียงลงแล้วพูดอีกครั้ง “เสี่ยวลี้ แม่ขอโทษนะ แม่ไม่ได้ตั้งใจจะดุลูก แต่ลูกต้องบอกแม่ว่าใครสอนลูกพูดอย่างนั้น?”
“ค่ะ……”
จนขณะนี้ ถังเสี่ยวลี้ถึงจะกล้าเดินออกมาจากหลังของถังเฉาแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เพื่อนๆ หลายคนในโรงเรียนอนุบาลก็นอนกับพ่อแม่ทุกคืนเลยนะคะ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ น้ำเสียงของถังเสี่ยวลี้ก็กลายเป็นน้อยใจและเริ่มร้องไห้ออกมา “เพื่อนๆ คนอื่นยังมีพ่อแม่นอนด้วยเลย หนูก็อยากนอนกับพ่อแม่บ้าง……”
จากนั้นถังเสี่ยวลี้ก็ร้องไห้ออกมา ทำให้ถังเฉากับหลิยชิงเสว่ต้องรีบปลอบเขาทันที
“โอเคๆ เดี๋ยวพ่อจะนอนกับเสี่ยวลี้เอง เสี่ยวลี้ไม่ร้องนะ” ถังเฉาพูดอย่างอ่อนโยน
“แล้วคุณแม่ล่ะคะ?”
ถังเสี่ยวลี้มองไปที่หลิยชิงเสว่อย่างไม่เต็มใจ
ณ เวลานี้ คนที่ต้องลำบากใจก็คือหลิยชิงเสว่ เธอมองไปที่ถังเฉาด้วยสายตาที่ซับซ้อนและไม่รู้จะตอบอย่างไร
เมื่อเห็นหลิยชิงเสว่ไม่พูดอะไร ถังเสี่ยวลี้ก็คิดว่าแม่ของเธอไม่เต็มใจ ดังนั้นเธอจึงร้องไห้หนักมากกว่าเดิม “ฮือ……คุณแม่ไม่ยอม คุณแม่เป็นคนใจร้าย…..”
และทันใดนั้น สีหน้าของหลิยชิงเสว่ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เธอจำใจต้องตอบตกลง “แม่ตกลง แม่ตกลง……”
น้ำตาของถังเสี่ยวลี้หยุดไหลเหมือนก๊อกน้ำที่ถูกปิดไป เขาหาวแล้วพูดว่า “คุณแม่คะ หนูง่วงแล้ว”
จากนั้นเขาก็กางมือเล็กๆ สองข้างออกเพื่อจะกอดแม่ของเขา
หลิยชิงเสว่ทำได้เพียงอุ้มถังเสี่ยวลี้ขึ้นมาอย่างปฏิเสธไม่ได้ จากนั้นเธอหันกลับมาพูดกับถังเฉาว่า “งั้นเดี๋ยวคุณขึ้นมานอนข้างบนนะ”
เธอทิ้งท้ายไว้คำเดียวก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับถังเสี่ยวลี้
ถังเฉายังคงยืนสับสนอยู่กับที่และไม่มีการตอบสนองไปชั่วขณะ
แต่ก่อนจากกันเขาเห็นเพียงรอยยิ้มที่ซุกซนของถังเสี่ยวลี้ที่อยู่ในอ้อมแขนของหลิยชิงเสว่