บทที่ 61 มัจฉาตายตาข่ายขาด
หลังจากเหลียงเจียหมิงวางสาย สีหน้าของซูเซี่ยและลุงเหลียงก็เต็มไปด้วยความโกรธ
พวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับการขู่กรรโชกของเหลียงเจียหมิงเลย ซูเซี่ยดูแลลุงเหลียงที่ป่วยหนักอยู่ทุกวัน แต่เขากลับใช้เป็นเครื่องมือในการขู่กรรโชก
ลุงเหลียงมองไปที่หลินจ้าวหยูนแล้วพูดด้วยเสียงแข็ง “สาวน้อย ไม่ต้องกังหรอกนะ เงินห้าล้านนี้เธอไม่ต้องจ่ายสักเหรียญหรอก รอมันกลับมาก่อน ลุงค่อยสั่งสอนคนไม่ซื่อสัตย์อย่างมัน แค่ก ๆ ……”
ด้วยอารมณ์โกรธ ลุงเหลียงก็ไออย่างรุนแรงอีกครั้ง
ถังเฉารีบลูบหลังให้กับลุงเหลียงแล้วพูดว่า “ลุงเหลียง ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะครับ แต่รอหายป่วยก่อน คุณถึงจะสั่งสอนเขาได้”
ลุงเหลียงส่ายหัวแล้วพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “เสี่ยวเฉาเอ๋ย ลุงรู้ว่าเองหวังดี แต่อาการป่วยของลุงนั้นไม่วันหายแล้ว”
ถังเฉาไม่ได้พูดต่อ แต่กลับหันกลับไปพูดกับหลินจ้าวหยูน “ช่วยหยิบถังขยะให้ที”
หลินจ้าวหยูนสงสัย ทำไมต้องให้หยิบถังขยะมาด้วย?
แต่เธอก็หยิบถังขยะใต้เตียงออกมาตามคำสั่งของเขา
“ลุงเหลียง เดี๋ยวอาจจะรู้สึกไม่สบายหน่อย แต่คุณต้องอดทนหน่อยนะ”
จากนั้น ถังเฉาก็จับข้อมือของลุงเหลียงเบาๆ แล้วเริ่มนวดเบาๆ
จากเดิมที่นวดเบาๆ ช้าๆ ตอนนี้เริ่มเร็วขึ้นและใช้แรงมากขึ้น
ลุงเหลียงเริ่มหายใจเร็วขึ้นและใบ้หน้าก็เริ่มซีดลง ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกอยากอาเจียนขึ้นมาแล้ว
จากนั้น ลำคอของเขากระพืออย่างรุนแรง เปลือกตาทั้งบนและล่างก็กระตุก
จนในที่สุด เขารู้สึกจุกท้องและก้มไปด้านหน้าแล้วเปิดปากกว้าง
“โอ้กกกก……”
ของสีดำกองใหญ่ถูกอาเจียนลงถังขยะ ซึ่งเป็นยาที่หมดอายุทั้งนั้น
“พ่อคะ เป็นอะไรไหมคะ?”
เมื่อเห็นลุงเหลียงอาเจียนออกมา ซูเซี่ยก็รู้สึกตกใจและอยากจะรีบเข้าไปหาเขา แต่ถูกเฟิ่งหวงห้ามเอาไว้
“พ่อคุณไม่เป็นไรหรอก” เฟิ่งหวงพูดเบาๆ
“ผมให้ลุงเหลียงคายยาสมุนไพรจีนที่ไม่ได้ย่อยออกมาทั้งหมดในร่างกายของเขา ตอนนี้ลุงเหลียงน่าจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว” ถังเฉาอธิบาย
จากนั้นเขาหยิบเข็มเงินออกมา ซึ่งเป็นเข็มเงินแบบเดียวกันกับที่ใช้ฝังชายหนุ่มร่างบาง
แต่เมื่อเข็มเงินฝังเข้าไปในตัวของลุงเหลียง เขากลับไม่รู้สึกเจ็บแต่รู้สึกสบายมากกว่า
เมื่อเข็มเงินอยู่ในมือของถังเฉาทุกอย่างก็กลายเป็นความยืดหยุ่นและ คล่องแคล่ว
และในขณะที่ลุงเหลียงฝังเข็ม เหงื่อเม็ดใหญ่ก็ออกเต็มหน้าผากของเขา
“เช็ดเหงื่อ” ถังเฉาพูด
“อ้อ”
หลินจ้าวหยูนรีบหยิบผ้าเปียกมาซับเหงื่อให้กับลุงเหลียงอย่างไม่หยุด
ถังเฉามองไปที่เธอแล้วพูดอีกครั้ง “ผมหมายถึงเช็ดเหงื่อให้ผม”
“หืม?”
หลินจ้าวหยูนรู้สึกงงงวย แต่เมื่อหันกลับมามองถังเฉาเธอก็ถึงกับต้องตกตะลึง
เหงื่อบนหน้าผากของถังเฉามีมากกว่าลุงเหลียงเสียอีก
มีเพียงเฟิ่งหวงเท่านั้นที่รู้สาเหตุ
พิษยาในตัวของลุงเหลียงได้เข้าทำลายหัวใจและปอดของเขาแล้ว ถ้าใช้ยารักษาในตอนนี้คงจะสายเกินไป มีเพียงวิธีเดียวนั่นก็คือการใช้แรงภายใน
หรือคนที่ฝึกศิลปะการต่อสู้จะเรียกว่า……กำลังภายใน
ซึ่งการขับพิษด้วยกำลังภายในนั้นไม่ได้เป็นเรื่องยาก
แต่น้อยคนที่จะสามารถฝึกฝนโดยใช้วิธีนี้ได้ ท่ามกลางผู้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้หลายพันคนจะมีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่สามารถใช้กำลังภายในได้
แม้แต่เย่เทียนหลงที่ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ก็ไม่อาจทำได้เช่นกัน
ซึ่งรองหัวหน้าเมื่อครู่นี้ ใช้กำลังภายในในการขยับเข็ม จึงสามารถกวาดต้อนความเย็นและขับพิษออกจากร่างกายของลุงเหลียงได้
ประมาณสิบนาทีต่อมา ลุงเหลียงไอเบาๆ สีหน้าซีดเซียวก่อนหน้านี้ก็หายไปและแทนที่ด้วยสีเลือดฝาดเหมือนปกติ
ถังเฉาดึงเข็มเงินออก ซึ่งสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าจุดปลายของเข็มเงินจะมีประกายไฟส่งเสียงดังแผดเผา
เขาทิ้งเข็มเงินลงถังขยะ จากนั้นเช็ดเหงื่อบนศีรษะของเขาและแสดงรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า “เรียบร้อย”
ลุงเหลียงรู้สึกได้ว่าร่างกายไม่ได้เจ็บปวดและไม่ได้รู้สึกหนาวอีก เขาลองลุกขึ้นเดินและไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอีกเลย
“ดีแล้ว……ดีแล้ว?”
“ฉันไม่ได้ตามัวใช่ไหม?”
ซูเซี่ยได้แต่จ้องมองด้วยความประหลาดใจ มันยากที่จะจินตนาการถึงร่างกายที่ดูแข็งแรงในตอนนี้กับอาการป่วยอย่างรุนแรงก่อนหน้านี้ของลุงเหลียง แม้แต่ตัวลุงเหลียงยังไม่คาดคิด
หลินจ้าวหยูนครุ่นคิดแล้วมองไปที่ถังเฉาแล้วพึมพำกับตัวเอง “พี่เขย สรุปพี่เป็นใครกันแน่……”
ดูเหมือนเขาจะเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีงานทำ แต่กลับมีรถโรลส์รอยซ์รุ่นลิมิเต็ด แถมไม่พอยังมีผู้หญิงอย่างเฟิ่งหวงคอยติดตามเขา และตอนนี้ยังแสดงทักษะทางการแพทย์อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย……
“พี่เขยคะ แล้วเราต้องทำยังไงต่อ”
หลินจ้าวหยูนมองดูเวลาและรู้สึกกังวล “นี่มันก็ใกล้ห้าโมงเย็นแล้ว”
ตอนนี้เธอเริ่มมองถังเฉาไม่ออกแล้ว ดูเหมือนเขาจะมีพลังเวทมนตร์พิเศษบางอย่าง จากเรื่องที่ยุ่งยากลำบากเมื่อผ่านการจัดการของเขาแล้วทุกอย่างก็เห็นภาพชัดเจนขึ้นอีกครั้ง
ถังเฉาครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นพูดขึ้นว่า “ผมจำได้ว่าสวนสาธารณะจงซานอยู่ห่างจากใจกลางเมืองมากเลยใช่ไหมครับ?”
หลินจ้าวหยูนไม่ใช่คนในพื้นที่ เธอจึงไม่รู้ว่าสวนสาธารณะจงซานอยู่ไหน แต่เป็นซูเซี่ยที่พยักหน้าตอบ “อยู่ไกลมากเลยค่ะ แถวนั้นไม่มีใครอยู่เลย หลายปีที่ผ่านมายังมีข่าวฆาตกรรมหลายครั้งที่นั่น และศพของเหยื่อที่ถูกสังหารก็ถูกฝังในนั้นด้วย”
“งั้นเราไปที่นั่นกัน”
ถังเฉาพูดอย่างเคร่งขรึม จากนั้นหันไปพูดกับลุงเหลียง “ลุงเหลียง รบกวนคุณไปกับเราด้วยนะครับ”
สีหน้าของลุงเหลียงก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันที “ไม่หรอกเสี่ยวเฉา คุณช่วยชีวิตผมเอาไว้ อีกอย่างไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า เดี๋ยวผมจะไปจัดการไอ้หมอนั่นที่ไม่รักดีเอง……”
ซูเซี่ยเกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลุงเหลียง เธอจึงขอติดตามไปด้วย
สี่สิบนาทีต่อมา ถังเฉาและคนอื่นๆ ก็ได้ไปถึงสวนสาธารณะจงซานอย่างตรงต่อเวลา
ในขณะนี้ดวงอาทิตย์ได้ตกดินแล้ว บรรยากาศในสวนสาธารณะจงซานนั้นเงียบสงบไม่มีเสียงใดๆ
รอบด้านในสวนเป็นป่าอันเขียวชอุ่ม ตรงข้ามของป่าอีกด้านหนึ่งเป็นทะเลสาบที่กว้างใหญ่ ว่ากันว่าเป็นน้ำสายเดียวกันกับแม่น้ำหมิงจู
ถังเฉากับเฟิ่งหวงเดินเข้าไปด้วยสีหน้านิ่งสงบ แต่กลับเป็นหลินจ้าวหยูนที่มองซ้ายมองขวาอย่างตื่นกลัวและพูดว่า “เรากลับกันเถอะ……ที่นี่มืดมาก”
ถังเฉาเหลือบมองไปที่หลินจ้าวหยูน “คุณกลัวความมืดเหรอ”
หลินจ้าวหยูนเหมือนเสือดาวที่คำราว “ใครบอก”
ถังเฉาหัวเราะเสียงดังแล้วเดินต่อไป
จุดที่พวกเขาเดินอยู่ยังห่างจากจุดนับพบอีกเพียงร้อยเมตร ถังเฉาจึงหันกลับไปพูดกับลุงเหลียงกับซูเซี่ยว่า “พวกคุณอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อนเธอ”
“ระวังตัวด้วยนะ” ลุงเหลียงพยักหน้าตอบอย่างจริงจัง
ถังเฉาและหลินจ้าวหยูนเดินข้ามถนนสายเล็กและมาถึงที่โล่ง จากนั้นเห็นชายคนหนึ่งยืนมองนาฬิกาอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีที่เร่งรีบ เขาคนนั้นก็คือเหลียงเจียหมิง
ทันทีที่เหลียงเจียหมิงเห็นพวกเขา เขาก็เดินเข้ามาทันทีและยิ้มพูดกับหลินจ้าวหยูน “คิดว่าคุณไม่กล้ามาแล้ว ว่าไง เอาเงินมามั้ย?”
“ไม่” ถังเฉายิ้มพูด
“ไงนะ? ไม่ได้เอามา?”
สีหน้าของเหลียงเจียหมิงเย็นชาทันที
แต่เหนือความคาดหมาย เขาไม่ได้แสดงอาการโกรธ ดูเหมือนเขาจะเตรียมใจไว้แล้ว จากนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชา “ในเมื่อไม่ได้นำเงินมา งั้นก็ไม่ต้องไปไหน”
แปะๆ!
เขาตบมือเบาๆ สองที จากนั้นกิ่งไม้รอบด้านก็สั่นและมีชายชุดดำกลุ่มหนึ่งวิ่งออกมาล้อมรอบถังเฉากับหลินจ้าวหยูนไว้
เหลียงเจียหมิงชี้ไปที่หลินจ้าวหยูนแล้วพูดว่า “เอาตัวผู้หญิงไป ส่วนผู้ชายก็ฆ่ามันซะ”