บทที่ 85 เงินสักหยวนก็ไม่ได้
หลังจากไล่คนของหลินฉ่ายเวยออกไปได้แล้ว ประธานทั้งสิบบริษัทก็หันไปให้ความสำคัญกับถังเฉาพร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจ
พวกเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า เด็กหนุ่มคนนี้ ทำไมถึงกล้ามาสั่งหยุดพวกเขา
คนรับผิดชอบบอกแค่ว่าให้พวกเขามาร่วมมือกับตระกูลหลินและบริษัทลี่จิงกรุ๊ป แต่ไม่ได้บอกว่าเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงนั้นเป็นใคร ดังนั้น พวกเขาจึงไม่รู้จักถังเฉา
หรือ ในความคิดของประธานของทั้งสิบบริษัทนี่ คงคิดว่าผู้รับผิดชอบคนนั้นเป็นตนแน่ๆ
ภายใต้การจ้องมองของประธานจาดสิบบริษัทนั้น ถังเฉานั่งนิ่งสงบ มองไปที่พลังงานต่างๆที่มาจากพวกเขา “ผมรู้ว่าพวกคุณสนใจอะไร เรื่องนี้ ผมจะคุยกับเขาให้เอง”
ทันทีที่พูดออกมา หลินเจิ้นสงก็สับสน ประธานจากสิบบริษัทต่างมองหน้ากัน สีหน้าดูขุ่นมัวและไม่ชัดเจน
โดยเฉพาะหวางติ่งเหยนจากบริษัทเทคโนโลยี่ติ่งยี่ ที่มองไปที่ถังเฉาอย่างถี่ถ้วน พยายามที่จะมองหาอะไรบางอย่างจากตัวเขา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาต้องผิดหวังก็คือ ชายหนุ่มคนนี้นั้นยากลึกหยั่งถึงอย่างกับมหาสมุทรและดูกว้างใหญ่เหมือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เขาไม่สามารถมองอย่าทะลุปรุโปร่งได้เลย
สัญชาตญาณบอกเขาว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่เล่นๆ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หวางติ่งเหยนก็หันไปถามถังเฉาอย่างลังเลใจว่า “ที่นายพูดว่า‘เขา’นั้นคือใคร?”
ประธานอีกเก้าคนก็มองข้ามเรื่องนี้ไปเช่นกัน
ถังเฉายิ้มอ่อนและพูดว่า “ท่านคิดว่า‘เขา’คือใคร ก็คือคนนั้นแหละครับ”
ทันใดนั้น ดวงตาของหวางติ่งเหยนก็เบิกกว้างขึ้น ไม่พูดอะไรอีก
ประธานของเทียนเหอกรุ๊ป หัวเซียกรุ๊ปและจิ่นซื่อกรุ๊ปก็ดูครุ่นคิดและลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ในที่สุดหวางติ่งเหยนก็เริ่มพูด “ทุกคนหยุดเถียงกันได้แล้ว ลองฟังสิ่งที่น้องชายคนนี้พูดหน่อยสิ” น้ำเสียงดูแสดงความเคารพ ไม่เหมือนกับตอนที่พูดกับหลินฉ่ายเวยแม้แต่น้อย
คนอื่นพากันพยักหน้า
“ไม่มีปัญหา”
“พวกเราเป็นคนใน อาจมองไม่เห็นปัญหาเท่ากับคนนอก บางทีหนุ่มน้อยคนนี้อาจจะมีคำแนะนำดีๆที่เราคาดไม่ถึงกัน”
หลินเจิ้นสงมองไปที่ถังเฉาอย่างเหลือเชื่อ เขาคิดว่าการทำให้ประธานจากสิบบริษัทยักษ์ใหญ่นี้โกรธเคืองนั้นจะทำให้เขาถอดทุนคืน
ถังเฉาไม่ได้มองไปที่ประธานจาดสิบบริษัทนั้น แต่เขามองไปที่ซ่งหมิงเวย เหล่ตาเล็กน้อย “นี่หมายถึงใคร?”
ในสายตาของถังเฉา ซ่งหมิงเวยรู้สึกเหมือนโดนมอง เลยรีบพูดว่า “เป็นพี่สาว ไม่สิ ประธานซ่งต่างหาก”
“…..”
หลังจากนั้น เมื่อเห็นเช่นนี้ สีหน้าของแต่ทุกคนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
สายตาที่ดูหวาดกลัวปรากฏขึ้นมาในตาของประธานจากบริษัททั้งสิบนี้ ดวงตาของหลินชิงเสว่เองก็มีท่าทีที่แปลกขึ้น อีกทั้งดวงตาของถังเฉาเองก็มีความประกายคมชัดขึ้น
ในสายตาของซ่งหมิงเวยนั้น พี่สาวนำทุกอย่างในหมิงจูมาเพื่อขัดขวาง
จากนั้นชั่วครู่ ถังเฉาก็ถามอีกว่า “หล่อนฝากอะไรมากับนายไหม?”
ซ่งหมิงเวยได้แต่ส่ายหัว “ไม่มี เพียงแต่บอกว่าให้ไปสปอนเซอร์ในนามของเธอจำนวนแปดสิบล้าน แต่ว่าไม่ได้มีเงื่อนไขใดใด”
“ห้ะ?”
ถังเฉายิ้มเบาๆ “ลองพูดให้ฟังซิ”
“ประธานซ่งบอกว่า เงินแปดสิบล้านนี้ถือเป็นเงินพิธีในการพบปะเพื่อนเก่า จะมีโครงการอีกไม่นาน อย่าลืมให้บริษัทลี่จิงกรุ๊ปมาร่วมมือกับพวกเราบริษัทตระกูลซ่ง”หลินชิงเสว่ขมวดคิ้ว ขณะที่ต้องการจะปฏิเสธ ซ่งหมิงเวยก็พูดต่อว่า “ท่านประธานหลิน ได้โปรดอย่ารีบปฏิเสธเลย ประธานซ่งได้บอกว่าการร่วมมือนี้คุณจะสนใจ”
หลังจากพูดจบ ก็พาคนออกไป
ถังเฉาหรี่ตาลงเล็กน้อย ในช่วงเวลานี้ เขาไม่รู้เลยจริงๆว่าซ่งหมิงเวยนั้นต้องการจะทำอะไร..
แถมยังมีคำว่าเพื่อนเก่าแก่สามคำนี้อีก มันทำให้ถังเฉาสนใจเป็นอย่างมาก หรือว่าหลินชิงเสว่กับซ่งอี้จะรู้จักกันมานานแล้ว?
เขามองไปที่ประธานจากสิบบริษัท “ผมเข้าใจทุกๆท่าน ว่าคงไม่อยากที่จะอยู่ข้างหลังใครแม้แต่ก้าวเดียว ยังไงซะ สกุลซ่งก็ได้ลงเงินไปแปดสิบล้านแล้ว ไม่อย่างงั้นทุกท่านจะลงแปดสิบล้านเหมือนกันไหมล่ะครับ?ทางด้านของหลัวปู้นั้นเดี๋ยวทางผมจะบอกความจริงไปเองครับ”
หลังจากที่ถังเฉาได้พูดชื่อของผู้รับผิดชอบจากสมาคมการค้าหงยิงแล้ว ประธานจากสิบบริษัทก็ตาสว่างกันเลยทีเดียว สายตาที่มองไปที่ถังเฉาก็กลับมีความเคารพมากยิ่งขึ้น
แม้จะไม่แน่ชัดว่าระหว่างเด็กหนุ่มนี่กับผู้รับผิดชอบคนนั้นมความสัมพันธ์อะไรกัน แต่สิ่งที่แน่ใจได้เลยก็คือ เขารู้จักกับคนรับผิดชอบคนนั้น พอรู้เรื่องนี้ มันช่างน่าทึ่งจริงๆ
“โอเค งั้นก็แปดสิบล้าน”
หวางติ่งเหยนกล่าวอย่างสบายใจว่า “ฉันลงเงินแปดสิบล้าน หนุ่มน้อยอย่าลืมไปพูดความจริงด้วยก็พอ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะเพิ่มอีกสามสิบล้านด้วย”
“ฉันเอาด้วย”
ประธานจากบริษัททั้งสิบค่อยแสดงจุดยืน
หลังจากที่เซ็นสัญญาเสร็จแล้ว ประธานจากบริษัททั้งสิบนี้ก็จากไปด้วยรอยยิ้มทัศนคติของทุกคนที่มีต่อถังเฉานั้นดู ปรารถนาที่จะคุยกับหนุ่มน้อยนี่สักสองสามประโยค
ประธานทั้งสิบลุกและจากไป มีแต่หลินชิงเสว่ที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมแบบคนโง่ ถังเฉาได้เงินสปอนเซอร์มาแปดสิบล้าน แต่ก่อนเขาไม่แม้แต่จะกล้าคิดด้วยซ้ำ ด้านนอกของโรงแรมก็มีหลินฉ่ายเวยและคนอื่นๆรออยู่
หลังจากเห็นประธานทั้งสิบออกไป หลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูนก็ยิ้มอย่างประหลาดใจทันที “ลุง ท่านที่ชาญฉลาดด้านการคำนวณจริงๆ ท่านเดาถูกด้วย นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่นาน ท่านประธานทั้งสิบคนก็ออกมากันแล้วแน่นอนว่าต้องพังไปแล้วแน่ๆ”
“มันก็แน่อยู่แล้ว ทางที่ฉันเดินมาน่ะ มีมากกว่าเกลือที่เธอเคยกินซะอีก”
หลินจ้องอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา “แม้จะไม่รู้ว่าไอคนไร้ประโยชน์นี่เชิญประธานทั้งสิบนี่มาได้ยังไง แต่ว่าไร้ประโยชน์ยังไงก็ไร้ประโยชน์อย่างงั้น ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ ตั้งแต่หัวลงมาก็เหมือนไม้ไผ่กลวงๆ เงินสักแดงก็ไม่ได้”
ขณะที่พูด หลินเจิ้นสงและถังเฉาก็ออกมาจากโรงแรม
สติของหลินเจิ้นสงนั้นดูยังไม่กลับมา มองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอย
ส่วนถังเฉาเองก็อยู่ในท่าทางครุ่นคิด คิดว่าสิ่งที่ซ่งหรูอี้ทำนั้นหมายความว่ายังไงกันแน่?
หลินฉ่ายเวยมองไปที่ถังเฉาอย่างอารมณ์ดี และเดินไปที่ด้านข้างของหลินเจิ้นสง “พ่อ ฉันพูดว่ายังไงล่ะ บอกแล้วว่าอย่าไปเชื่อไอ้คนไร้ประโยชน์นี่ โอกาสหายไปหมดแล้ว”
ส่วนอีกฝั่ง โจวเหม่ยหยูนก็ชี้นิ้วไปที่ถังเฉาและด่าว่า “ทั้งหมดเป็นเพราะแกไอ้ไร้ประโยชน์ ไม่มีคุณธรรมความสามารถอีก กล้าดียังไงมาให้ประธานทั้งสิบเงียบ พวกเราโดนแกฆ่าตายหมดแล้ว!”
เมื่อสติของหลินเจิ้นสงนั้นกลับมา เขาก็ส่ายหัว “พวกเธอเข้าใจผิดกันแล้ว..”
“เข้าใจผิด?”
หลินจ้องหันหน้าไปมองหลินเจิ้นสงและพูดว่า “เจิ้นสง ถ้าจะให้ฉันพูด นายมันไม่ใช่หัวหน้าครอบครัว ใช้คนไม่คิด ที่ต้องคิดกับไม่ใช้ สิ่งที่นายทำผิดมากที่สุดก็คือ ให้ไอคนไร้ประโยชน์นี่มาช่วยงานนาย ถ้าจะทำ ก็ต้องมาหาพวกเราสิ ถึงจะเชื่อถือได้”
“เงินเข้ามาในบัญชีแล้วนะ”
“เข้าก็เข้าสิ…”
หลินจ้องต้องการแย่งโอกาสนี้กลับมาเพื่อเป็นหัวหน้าของบ้าน ขณะที่กำลังจะพูดต่อก็ผงะไป “เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ?”
“ฉันพูดว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งสิบ ได้ให้เงินมาเหมือนกับบริษัทตระกูลซ่ง ทุกคนให้คนละแปดสิบล้าน รวมทั้งหมดก็เป็นแปดร้อยแปดสิบล้าน แถมเงินก็เข้าบัญชีมาแล้วด้วย” หลินเจิ้นสงกล่าวอีกรอบ
เขากลัวว่าจะไม่เชื่อ เลยหยิบมือถือขึ้นมา เปิดบัญชีธนาคารของบริษัทขึ้นและแสดงยอดเงินออกมา
“อะไรกัน?!”
สีหน้าของหลินจ้อง หลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูนเปลี่ยนอย่างแรง รีบคว้ามือถือของหลินเจิ้นสงมาและนับเงินอย่างระมัดระวัง
“หนึ่ง สอง สาม สี่..เจ็ด แปด เก้า…..”
เก้าหลักชัดๆ
“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้ ฉันเห็นชัดๆว่าประธานสิบบริษัทนั้นเพิ่งเดินออกมา”
หลินจ้องนั้นหน้าซีด แน่นอนว่ายังไม่อยากจะเชื่อ จึงเอามือถือให้โจวเหม่ยหยูน “เหม่ยหยูน เธอลองมานับซิ”
โจวเหม่ยหยูนนั้นดูงุนงง รับมือถือมาเหมือนดั่งความฝัน และนับจำนวนอย่างจริงจัง
“หนึ่ง สอง สาม …”
ขณะที่นับ ดวงตาของหล่อนก็ค่อยๆเบิกกว้างมากขึ้น หายใจเร็วและถี่ หน้าของหล่อนเริ่มแดงระเรื่อ
“แปดร้อยแปดสิบล้าน พวกเราร่ำรวย พวกเรารวยแล้ว…”
หลินฉ่ายเวยเองก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก “แปดร้อยล้านเลยเหรอ พวกเราสามารถเอาเงินมาทำหลายอย่างได้เลย อย่างเช่นเดินทางรอบโลก เปลี่ยนกระเป๋าทุกใบที่ต้องการ แถมยังสามารถซื้อวิลล่ากลางเมืองได้อีกด้วย”
ทุกคนจมอยู่ในจินตนาการแห่งการมีเงิน ขณะนี้เอง ถังเฉาก็เดินมายิ้มพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ของหลินชิงเสว่จากพวกเขา จากนั้นก็ใส่ลงไปในถังน้ำเย็น
“เพ้อฝันอย่างสวยงาม แต่ว่าเงินนี้พวกหล่อนจะไม่ได้เลยสักแดงเดียว”
“…..”