บทที่94 ลูกเห็บบนผืนหิมะ
คำพูดเฉินเวยราวดับสิ้นทุกสิ่ง เนิ่นนาน สกุลโจวก็ไร้สิ้นเสียง
โจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวย โจวเหม่ยหลิง แม้จะหวาดกลัว แต่แววตาเวิ้งว้าง พวกหล่อนเพิ่งกลับถึงบ้านเกิด ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
โจวเฉินเหยาสั่นเทาทั้งตัว สีหน้าซีดขาว ม่านตาหดลง เหม่อลอย
พอได้สติ โจวเฉินเหยาจึงรีบพุ่งไปตรงหน้าหญิงสาว จับมือหล่อน“คุณผู้หญิงท่านนี้ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า สกุลโจวของเราทำธุรกิจด้วยความสัตย์ซื่อมาโดยตลอด จะไปฟอกเงินได้อย่างไร”
“นั่นสิ จะต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ เฉินเหยาเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก เป็นคนดี จะไปฟอกเงินได้ไง อย่ามาให้ร้ายกันนะ”
แม้ว่าโจวเหม่ยหยูนจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอรู้ว่าหลานชายจะต้องโดนคนเขม่นแน่ จึงรีบพูดปกป้องโจวเฉินเหยา
“ให้ร้ายงั้นเหรอ”
เฉินเวยได้ฟัง แค่นเสียงเย็นชา มองไปทางแววตาพวกเขา เต็มไปด้วยความสมเพช
เธอรู้สึกน่าขัน คนกลุ่มนี้ใกล้ตายอยู่แล้ว ยังไม่รู้ความเป็นความตายอีก
ผัวะ—-
เธอตบลงกองเอกสารพูดขึ้น“บนกระดาษเขียนชัดเจน ยังคิดโกงอีก”
โจวเฉินเหยาคว้าเอกสารบัญชีขึ้น สายตากวาดมองสมุดธนาคารที่กระแสเงินไหลคล่องดังน้ำ
ตัวเลขแต่ละตัวในบัญชีดูผิดปกติ ไม่นานก็ปรากฏชัดต่อสายตาเขา ทำให้มือทั้งสองของเขาสั่นไหว สุดท้ายแม้แต่แรงจับสมุดบัญชียังไม่มี จึงวางโครมลงบนโต๊ะ
โจวเหม่ยหยูนหยิบขึ้น มองไปทีหนึ่ง ฉับพลันความดันขึ้นสูง ลมหายใจติดขัด สองตากลอกขึ้น เป็น ลมไป
“แม่!แม่เป็นไรไป!”
เห็นฉากนี้ หลินฉ่ายเวยร้อนใจดังมดโดนไฟลน พยุงโจวเหม่ยหยูนขึ้น กุลีกุจอหิ้วปีก
ผ่านไปเนิ่นนาน โจวเหม่ยหยูนจึงค่อยๆฟื้นตัว แต่ยังคงมองไปที่เอกสาร ฉับพลันมือสั่นเทา ชี้พลางร้องเสียงแหลม“เอาออกไป รีบเอาออกไป!”
หลินฉ่ายเวยสีหน้างุนงง ตกลงเกิดอะไรขึ้น ถึงทำให้แม่กับพี่เฉินเหยาตกใจได้ขนาดนี้
จากนั้น เธอหยิบขึ้นมาดู สีหน้าเธอเองก็ซีดขาวเช่นกัน เธอรีบปิดแฟ้มคืนเอกสารให้เฉินเวย
เฉินเวยคว้าเอาไว้ พูดเน้นชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงเยียบเย็น“หลักฐานพยานครบ ยังคิดหนีอีกหรือ”
ด้านในคฤหาสน์เงียบเชียบ ทุกคนสีหน้าซีดขาว
ในใจโจวเฉินเหยาราวกำหมัดแน่น แม้จะเต้นก็เต้นไม่ออก ในไม่กี่วินาทีนี้ เขารู้สึกราวกับความตาย กำลังคืบคลานเข้ามา
ตอนนี้คนที่ประสบความสำเร็จมีใครบ้างที่ไม่มีเบื้องหลัง เรื่องฟอกเงิน เป็นเรื่องธรรมดามาก เรื่องอะไร ทั้งๆที่บ้านสกุลโจวติดกับเองแท้ๆ
เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นที่หน้าผากของเขา การโอนเงินที่ไม่ปกติเหล่านี้ ทั้งๆที่เขาเคลียร์สะอาดแล้ว ทำไมถึงโดนตรวจได้
แถมยังรู้ไปถึงนายธนาคาร……
ในเวลานี้ ในหัวเขาปรากฏความคิดแวบขึ้น หรือว่าเบื้องหลังมีคนต้องการเก็บสกุลโจว
แต่ว่า ไม่มีปีมานี้สกุลโจวมีความแค้นอะไรกับใครที่ไหน ตกลงใครกันแน่ ที่ต้องการล้างแค้นสกุลโจว“หรือว่าจะเป็นเขา……”
ทันใดนั้น โจวเฉินเหยาราวกับนึกอะไรออก ทั้งสองมือออกแรงเขย่าหลินฉ่ายเวย ถามอย่างร้อนรน“พ่อเธออยู่หมิงจู รู้จักคนใหญ่คนโตอะไรบ้างไหม”
บ่าของหลินฉ่ายเวยโดนโจวเฉินเหยาตะปบเสียเจ็บ เธอเองก็รู้ความหมายของเฉินเหยา“พี่เฉินเหยา สงสัยว่าเป็นพ่อฉันเหรอ……”
โจวเฉินเหยาเตรียมจะพูด หลินฉ่ายเวยจึงโบกมือพูดขึ้น“จะเป็นพ่อฉันไปไม่ได้ ฉันรู้จักเขาดี ต่อให้พวกเราแก้แค้นเขา เขาก็จะไม่ตอบกลับแม้เพียงน้อย พวกเรา เป็นลูกเมียเขา”
“อีกอย่างแม้ว่าไม่กี่ปีมานี้พ่อฉันจะยืนอยู่ที่เมืองหมิงจูอย่างมั่นคง แต่ก็ไม่ค่อยสมาคม จะไปรู้จักคนใหญ่คนโตได้ไง”
ฟังพูดดังนั้น แววตาโจวเฉินเหยากระพริบ บ่นพึมพำ“ไม่ใช่น้าเขยสอง แล้วจะเป็นใครไปได้……”
ในช่วงที่โจวเฉินเหยากำลังเงียบ เฉินเวยก็ได้อ่านเอกสารโพล่งออกมา“ว่าด้วยการกระทำผิดกฏหมายของบ้านสกุลโจว ได้กลายเป็นโทษร้ายแรง ที่จะต้องชดใช้ห้าพันล้าน”
โครม……
เมื่อได้ยินตัวเลขนี้ โจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวยแววตาหดลง รู้สึกหายใจไม่ออก
โจวเฉินเวยดีขึ้นหน่อย แต่ก็ยังรู้สึกถึงความกดดัน เหมือนตกปลาในน้ำตื้น ช่างทรมาน
“รอก่อน รอก่อน นายธนาคารเฉิน”
โจวเฉินเหยาสูดลมหายใจลึก ฝืนให้ตนสงบ จากนั้นกัดฟันพูดกับเฉินเวย“เงินผมชดใช้ได้ แต่ว่า ขอให้ช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน เบื้องหลังจะต้องมีคนต้องการทำลายสกุลโจวแน่!”
“ได้สิ”
เฉินเวยยิ้มแข็ง สบตากับโจวเฉินเหยา หากแต่เต็มไปด้วยความสมเพช
คนที่มีเจตนาร้ายเหรอ
จ้องทำลายลับหลังเหรอ
ดูท่า พวกเขาคงยังไม่รู้ว่าไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตคนไหนเข้า
“แนะนำให้คืนให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้น ผมจะใช้มาตรการทางกฏหมาย”เฉินเวยยิ้ม
โจวเฉินเหยากัดฟันกรอด สีหน้าอึมครึม หยิบมือถือออกมาด้วยอาการมือไม้สั่น แล้วกดโทรศัพท์
ก่อนหน้าเฉินเวยพูดอย่างชัดเจนแล้ว บัญชีธนาคารสกุลโจวของพวกเขาถูกกวาดล้าง ตอนนี้ มีแต่ กระแสเงินสดจากบริษัทในเครือเท่านั้น ถึงจะแก้ปัญหาได้
โชคดีที่ระยะนี้การร่วมทุนของสกุลโจวกับสกุลเจิ้งเป็นไปอย่างราบรื่น และก็ได้เขยิบตำแหน่งทางสังคม……
ห้าพันล้าน สกุลโจวยังมีปัญญาควักอยู่
ในตอนที่เขาจะกดหาเลขา มือถืออีกเครื่องก็ดังขึ้น
เป็นเสียงโทรศัพท์ส่วนตัว
และพอเห็นสายเข้า ก็เป็นเลขาเขาจริงๆ
ปกติ มีแต่เกิดเรื่องใหญ่โตเท่านั้นหล่อนถึงโทรมาเบอร์ส่วนตัว
เหงื่อผุดเต็มหน้าผากโจวเฉินเหยา เวลานี้ เขายังกล้าไปรับโทรศัพท์ส่วนตัวอีก!
“โทรศัพท์คุณดัง”เฉินเวยพูดเสียงเรียบอยู่ด้านข้าง
เฮือก……
โจวเฉินเหยากลืนน้ำลายลงคอ รับสาย
“ท่านประธานคะ เกิดเรื่องแล้ว!”
พอรับสาย น้ำเสียงเลขาก็ดูหวาดกลัว“บริษัทเราถูกอายัดค่ะ!”
“ว่าไงนะ?!”
โจวเฉินเหยาหรี่ตา“เงินบริษัทล่ะ!”
“โดน……โดนยึดค่ะ……”
หึ่ง……
เมื่อเลขาพูดจบ โจวเฉินเหยารู้สึกโลกหมุน ดวงตาเขาดำคล้ำ ล้มนั่งบนโซฟา
“บริษัทอื่นล่ะ”เขาถามอย่างไม่ตายใจ
“ก็ ก็โดนปิดค่ะ”
น้ำเสียงเลขาสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว“ท่านประธาน ตกลงเกิดอะไรคะ ทำไมบริษัทเครือสกุลโจวถูกสั่งปิดหมดภายในชั่วข้ามคืน!”
“……”
คำพูดหลังๆโจวเฉินเหยาเริ่มฟังไม่ชัด สีหน้าเขาขาวซีดราวกระดาษ เหงื่อท่วมเสื้อ ทำให้เขาดูเหมือนเพิ่งถูกดึงขึ้นมาจากบ่อ
มือเขากุมหัวใจแน่น รู้สึกราวหัวใจหยุดเต้น
ชั่วข้ามคืน บริษัทเครือสกุลโจวถูกปิดหมด ตกลงใครกันแน่ ถึงได้มีอำนาจล้นฟ้าขนาดนี้?!