บทที่95ตระกูลโจวล่มสลาย
“พี่เฉินเหยาเกิดอะไรขึ้น……”
หลินฉ่ายเวยเห็นการเปลี่ยนไปของเฉินเหยา จึงรู้สึกใจหาย
หนี้สินห้าพันล้าน ตอนนี้โจวเฉินเหยาเป็นเพียงความหวังเดียวของพวกเขา ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้น
จากนั้น โจวเฉินเหยาราวกับไม่ได้ยินคำพูดของหลินฉ่ายเวย สีหน้ายังคงขาวซีดราวกระดาษ มือกำมือถือแน่น ส่วนอีกมือก็ขยุ้มหัวตัวเอง แล้วทึ้งผม
“พี่เฉินเหยา……”
หลินฉ่ายเวยมองโจวเฉินเหยาอย่างเป็นกังวล เดิมทีคิดอยากจะพูดต่อ จู่ๆค้นพบว่า มือที่กำมือถือของเฉินเหยานั้นสั่นเทา
เส้นเลือดสีเขียวปูดโปน ราวกับงูเขียวที่รัดรึงบนข้อมือของเขา ช่างน่าตกใจ
“ท่านประธาน เราทำยังไงต่อดีคะ ผู้รับผิดชอบบริษัทในเครือของเราทั้งหมดถูกพาไปสอบปากคำหมดแล้ว……”เลขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงตกอกตกใจ
เพล้ง—-
ช่วงเวลาถัดไป โจวเฉินเหยาผู้สุขุมสง่างามก็ระเบิดอารมณ์ออกมา เขวี้ยงโทรศัพท์ลงกับพื้น
น้ำเสียงอันตกใจของเลขาหยุดลงพลัน ห้องโถงทั้งห้องกรุ่นไปด้วยความเงียบ ตลบอบอวลไปด้วย ความสิ้นหวัง
ผู้คนที่อยู่ด้านหลังเฉินเวยต่างก็นิ่งสงบไม่ไหวติง ทอดสายตาเย็นชาไปที่สกุลโจว โดยในแววตานั้น ไม่มีแม้แต่ความเห็นอกเห็นใจ
“ว่าไงละ รวบรวมเงินได้ยัง”
เฉินเวยมองโจวเฉินเหยาทีหนึ่ง ถามเสียงเรียบ“เงินชดเชยห้าพันล้าน จะให้ได้เมื่อไหร่”
สำหรับโจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวย พวกเขาไม่อยู่ในสายตาเฉินเวยเลยแม้แต่น้อย
“นายธนาคารเฉิน”
โจวเฉินเหยาสีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน ท่าทีลังเล เงยหน้า มองเฉินเวยแล้วพูดว่า“ห้าพันล้านมากมหาศาล ผ่อนอีกสักสามสี่วันได้มั้ย……”
ไม่รอให้โจวเฉินเหยาพูดจบ เฉินเวยก็ตัดบทอย่างไร้ปราณี“คุณคิดว่านี่คือตลาดสดหรือ ว่าผ่อนก็ผ่อน”
โจวเฉินเหยากัดฟันกรอด“แต่ว่า เมื่อครู่นี้เอง ที่บริษัทเรา……ถูกสั่งปิด!”
สำหรับผลลัพธ์นี้ เฉินเวยไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร เขาแค่นยิ้ม“คือไม่มีเงินชดใช้สินะ”
“ใช่……”
ในตอนที่พูดคำนี้ออกมา โจวเฉินเหยาพูดตะกุกตะกัก กัดฟันกรอด
“งั้นก็ช่วยไม่ได้แล้วล่ะ”
เฉินเวยหันกลับไปมองคนเหล่านั้น น้ำเสียงเย็นชา“สั่งย้ายบริษัท ยึดทรัพย์สินทั้งหมดของบริษัทในเครือสกุลโจว”
เพิ่งกำชับเสร็จ เลขาด้านหลังก็เดินขึ้นหน้า ในมือถือเอกสาร
“คุณโจวคะ นี่คือ อสังหาที่จดจำนองไว้ กรุณาเซ็นชื่อตรงนี้”
สีหน้าโจวเฉินเหยาซีดจนเขียว จ้องมองกลุ่มเฉินเวยด้วยแววตาโทสะ หากแต่ไม่กล้าพูดอะไร จึงได้แต่จับปากกาขึ้นมาอย่างเดือดดาล เซ็นลงไปบนหนังสือสัญญา
เฉินเวยเก็บเอกสาร แล้วหมุนตัวจากไป
ก่อนที่จะไป เธอยังได้หันมาพูดกับโจวเฉินเหยาว่า“ทรัพย์สินของสกุลโจว ฉันจะประมูลตามราคาท้องตลาด จากนั้นก็หักไป เงินค่าชดเชยค้างชำระที่เหลือ พวกคุณก็ยังต้องจ่ายอยู่ดี”
“จริงสิขอเตือนหน่อย สัญญาฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ตลอดชีวิต”
เฉินเวยหันมาพูดเสริม“ซึ่งก็หมายความว่า ถ้าชาตินี้ไม่สามารถชดใช้ห้าพันล้าน บุคคลในครอบครัว ขอเพียงแค่เป็นสายเลือดสกุลโจว รวมถึงชั่วลูกชั่วหลาน ก็ต้องคืนเงินก้อนนี้”
โครม—-
เมื่อคำพูดนี้ออกไป ไม่เพียงแค่โจวเฉินเหยาเท่านั้นที่หน้าซีด แม้แต่โจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวย โจว เหม่ยหลิงต่างก็ตัวสั่นเทา แววตาสิ้นหวังอย่างลุ่มลึก
งั้นก็หมายความว่า แม้แต่ตัวพวกหล่อนเองก็ต้องชดใช้ด้วย
เฉินเวยยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างเย็นชา พากลุ่มคนเดินจากไป
แค่หล่อนเฉินเวยเพียงคนเดียว ก็เพียงพอที่จะปัดตระกูลโจวให้ลงนรกไปหมดได้ ยิ่งไปกว่านั้น นี่คือ เริ่มต้น
ใครใช้ให้ตระกูลโจว ไปล่วงเกินบุคคลเหนือจินตนาการเข้าเล่า
ส่วนเกี่ยวกับผู้ยิ่งใหญ่ผู้นี้ แม้แต่เฉินเวยเอง ก็ยังไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตา……
คิดมาถึงตรงนี้ เฉินเวยเองก็อดตัวสั่นเทาไม่ได้ แววตาฉายแววหวั่นประพึงและเกรงขาม
ตระกูลโจวยังคงเงียบสนิท
คนงานย้ายของก็ย้ายเข้าๆออกๆไม่ได้หยุดหย่อน พวกเขาทยอยคนของมีค่าออกจากคฤหาสน์
สุดท้ายประตูปิดปัง โจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวย และโจวเหม่ยหลิง ยังมีโจวเฉินเหยาต่างก็โดนไล่ออกไป ความเยียบเย็นเข้าครอบคลุม โจวเหม่ยหยูนกับหลินฉ่ายเวยหนาวจนหน้าแดงก่ำ จนต้องกระ ชับเสื้อคลุม
มีช่วงจังหวะนึง พวกเขารู้สึกเครียดจนไส้บิด
เดิมทีแค่คิดว่ากลับบ้านเกิด จะกลับมาชาร์จพลัง เพื่อกลับไปโจมตีหลินเจิ้นสงสักหน่อย ให้พวกเขารู้ถึงความเก่งกาจของสกุลโจว กลับกลายเป็นว่าต้องมาแบกหนี้ห้าพันล้านแทน
“แม่คะ แล้วเราจะทำไงดี”หลินฉ่ายเวยทั้งเหม่อลอยและร้อนรน ถามขึ้นลอยๆ
“แกถามฉันแล้วฉันถามใคร”
โจวเหม่ยหยูนเองก็ยืนนิ่งงันอยู่ริมถนน พอคิดว่าตัวเองมีส่วนร่วมต้องใช้หนี้ เธอก็รู้สึกราวกับล่ม สลาย
โจวเฉินเหยากระพริบตาอย่างร้ายกาจ โทรหาหยางซาน
หยางซาน ที่เป็นลูกน้องจ้าวลิ่วหนึ่งในสี่เทพราชัน
ในเมื่อเฉินเวยบังคับขู่เข็ญกันแบบนี้ งั้นเราก็จะไม่ยอมรามือ……
“ฮัลโหล พี่ซาน—-”
เมื่อต่อสายติด โจวเฉินเหยาจึงพูดวัตถุประสงค์ตัวเองออกไป แต่กลับได้ยินเสียงคำรามก้องกลับมา“อ๊ากกกกกก—-”
โครม——
ระหว่างนั้นมีเสียงวัตถุขนาดใหญ่ร่วงหล่น
ฉับพลัน โจวเฉินเหยาหัวใจเต้นตุ้มต่อม พูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน“พี่ซาน ทางพี่เกิดเรื่องเหรอครับ”
ตื๊ดๆๆ—-
สัญญาณโทรศัพท์ค่อนข้างอ่อน โจวเฉินเหยาได้ยินแต่เสียงด่าทอที่ขาดๆหายๆ
“ยังกล้าโทรศัพท์ จะให้ฉันเอาแกถึงตายใช่ไหม!”
กร๊วบ—-
เคาะทีหนึ่ง สายโทรศัพท์จึงหลุดไป
จังหวะนั้นเอง โจวเฉินเหยารู้สึกหนาวๆร้อนๆ
ที่นี่เกิดเรื่อง ในขณะเดียวกันหยางซานก็เกิดเรื่อง ทำไมถึงได้บังเอิญขนาดนี้
ไม่กี่นาทีถัดมา ข่าวอัคคีเพลิงก็ปรากฏขึ้นบนมือถือ สถานที่คือ เขตที่หยางซานบริหารอยู่
โจวเฉินเหยาสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ถ้าตอนนี้เขายังไม่รู้ว่าเพราะอะไรแล้วล่ะก็ ก็โง่เง่าเกินไปละ
เขารู้สึกว่าตาข่ายไร้เงาขนาดใหญ่ กำลังลงปกคลุมตระกูลโจว
“เร็ว พวกเราต้องกลับบ้านตระกูลโจว!”
โจวเฉินเหยาราวกับคิดอะไรออก สีหน้าเปลี่ยนไปฉับพลัน เขาโบกแท็กซี่คันหนึ่งไว้ เร่งร้อนกลับไป ยังบ้านตระกูลโจว
สิบนาทีหลังจากนั้น โจวเฉินเหยาลงจากรถ พุ่งทะยานไปที่บ้านตระกูลโจว
จากนั้น สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าคือ คนงานที่กำลังมาขนย้ายของในบ้าน และพวกเขากำลังถ่ายของทุก อย่างในบ้านออกไป
“คุณพ่อ !คุณปู่!”
โจวเฉินเหยาเห็นทุกคนในตระกูลโจว ออกมายืนอยู่หน้าประตูบ้านอย่างทุลักทุเลและเดือดดาล สายตามองไปยังของที่ถูกขนย้ายปริบๆ
ผัวะ—-
เห็นโจวเฉินเหยาเดินมา โจวฉวนกั๋วจึงตบฉาดใหญ่ลงบนใบหน้า
สีหน้าเขียวคล้ำ บูดเบี้ยวด้วยความโกรธ
“แกไอ้ทรพี ออกไปก่อเรื่องอะไรไว้ที่ข้างนอก!”
ฉาดนี้ตบได้แรงสะท้าน ใบหน้าโจวเฉินเหยาบวมแดงขึ้นมาทันที เขาพูดขึ้นอย่างคับอกคับใจ“คุณปู่เปล่านะครับ มีคนต้องการปองร้ายตระกูลโจวของเรา!”
“เปล่างั้นเหรอ”
โจวฉวนกั๋วได้ฟัง ระเบิดโทสะประดุจสายฟ้าฟาด คำรามก้อง“แกแหกตาดูว่าตอนนี้ตระกูลโจวตกอยู่สภาพไหนแล้ว”
“บริษัทถูกปิด ทรัพย์สินถูกอายัด หนี้สินพะรุงพะรัง ตอนนี้บ้านก็ไม่มีจะอยู่แล้ว!”
“ตระกูลโจว ล่มสลายแล้ว!