บทที่119 อยู่ใกล้แค่เอื้อม
เสียงตะโกนดังขึ้น ทำให้ทั่วทั้งงานเลี้ยงเงียบสนิท ทุกคนต่างก็มองไปตามเสียง เบิกตาโพลงจ้องมองไปที่เจิงเทียนเสียง
“ประธานเจิง?!”
ทุกคนตั้งสติได้ ประธานที่เข้ามาร่วมงานต่างก็หลบหน้า สีหน้าหวาดกลัว
ฟางหย่ามองเจิงเทียนเสียงด้วยสีหน้าตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าคนใหญ่คนโตอย่างเขาจะมาในงานนี้ได้
“เจิงเทียนเสียง คุณบุกรุกเดินเข้ามาที่คลับเฮาส์ปินเจียงฮุ่ยของผม คิดจะทำอะไร!” สีหน้าซ่งเทียนซานถมึงขึงขัง ตะคอกใส่เจิงเทียนเสียง
“ทำอะไรนั่นเหรอ? ฮึฮึ……”
เจิงเทียนเสียงยิ้มเยาะด้วยท่าทีแอบแฝง ภายในดวงตาแฝงไว้ด้วยแววตาอำมหิต “แน่นอนว่าจะเคลียร์พื้นที่ เชิญพวกคุณทุกคนออกไป”
“คุณกล้าเหรอ!”
ซ่งเทียนซานระเบิดโทสะ ใช้สองมือทุบลงไปบนโต๊ะเสียงดัง “คลับเฮาส์ปินเจียงฮุ่ยเป็นถิ่นของผม คุณต้องการเชิญผมให้ออกไปในสถานที่ของผมงั้นเหรอ?”
“ถ้าคุณไม่ให้ความร่วมมือ ไม่แน่ว่าจะต้องใช้วิธีบังคับกันบ้างล่ะ”
“……”
เหิมเกริม
เหิมเกริมเกินไปแล้ว
คำพูดของเจิงเทียนเสียง ทำให้ทุกคนในงานเลี้ยงโมโหจนพูดไม่ออก
เหวินเหวยเฉินค่อย ๆ ลุกขึ้น มองเจิงเทียนเสียงพูดว่า “เจิงเทียนเสียง ไม่พบกันนานนะครับ ทำไมคุณถึงเปลี่ยนจนมีท่าทีก้าวร้างอย่างนี้!”
“คุณเองเหรอ?”
เจิงเทียนเสียงเห็นเหวินเหวยเฉินสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
พวกเขาเคยติดต่อสัมพันธ์กันมาบ้าง ก่อนที่เหวินเหวยเฉินจะกลับบ้าน ได้ขายอาคารกั๋วจี้ให้กับเจิงเทียนเสียง
แต่ว่าประเดี๋ยวเดียว สีหน้าเขากลับเป็นปกติเหมือนดังเดิม “ในเมื่อคุณเป็นพวกเดียวกับพวกเขา นั้นก็ขอเชิญคุณออกไปด้วย”
ส่า—-
สีหน้าเหวินเหวยเฉินถมึงทึง “คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังพูดอยู่กับใคร?”
“และคุณรู้หรือไม่ ว่าตอนนี้คุณกำลังพูดอยู่กับใคร?
มีเสียงพูด ที่ทั้งถมึงขึงขัง ทั้งมีพลังดังขึ้น จากนั้นมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา แววตาดุดันกวาดมองดูทุกคนในงาน
“เศรษฐีอันดับหนึ่งในเมืองหมิงจู หูอีซาน!”
“ประธานหู!”
“……”
ในขณะเดียวกัน ประธานบริษัทมีมาร่วมงานต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ถ้าพูดว่าเจิงเทียนเสียงสามารถสร้างแรงกดดันให้กับพวกเขา แต่การมาถึงของหูอีซาน ทำให้ทุกคนตกอยู่ในสภาวะหวาดกลัวอย่างมาก
หูอีซานพูดแค่ประโยคเดียว ก็สามารถทำให้พวกเขาคนใดคนหนึ่งเจ๊งอย่างไม่เป็นท่า ชื่อเสียงย่อยยับ!”
สีหน้าซ่งเทียนซานเปลี่ยนไปจนแทบจะดูไม่ได้ คาดไม่ถึงว่าหูอีซานจะมาด้วย
เหวินเหวยเฉินไม่รู้จักหูอีซาน ยังคงไม่มีทีท่าหวั่นเกรงแต่อย่างใด “ผมมาจากตระกูลเหวินแห่งเจ้อเจียง คุณยังกล้าไล่ผมไปอีกเหรอ?”
เดิมทีคิดว่าหูอีซานกับเจิงเทียนเสียงจะมีท่าทีหวั่นเกรงอยู่บ้าง แต่คิดไม่ถึงหูอีซานไม่มีความตื่นกลัวแม้แต่น้อย อีกทั้งยังยิ้มมุมปากแสดงท่าทีดูถูกอีก
“ตระกูลเหวินเล็ก ๆ ในเมืองเจ้อเจียง ยังกล้าดีพูดจาโอหังเหรอ?”
หูอีซานพูดขึ้นในทันทีอีกว่า “เชื่อไหมว่าพรุ่งนี้ เหวินเฉิงหนานจะไม่มีอะไรเหลือ!”
โครม!
เหวินเหวยเฉินได้ยินคำพูดนี้ ลุกขึ้นในทันที แววตาตื่นตระหนก “คุณรู้จักพ่อของผม!”
“ไม่เพียงรู้จัก ยังรู้จักกันเป็นอย่างดีอีกด้วยซ้ำ” หูอีซานยิ้มเย็นชา
จากนั้น สีหน้าเหวินเหวยเฉินแปรปรวนผิดปกติ ไม่โต้ตอบอีกเลย
บรรยากาศในงานเลี้ยงอึมครึม ประธานบริษัทที่มาในงานทั้งหมดเมื่ออยู่ต่อหน้าเจิงเทียนเสียงกับหูอีซานเหมือนมดน้อยตัวเล็ก ๆ
ซุนเสว่คิดว่ายังไงก็ได้ไม่เห็นมีอะไร ในหัวสมองของเธอคิดถึงแต่เรื่องพรุ่งนี้ ฟางหย่าจะถูกประธานหลินตำหนิอย่างไร คิดมาถึงตรงนี้ เธอมีความสุขยิ่งนัก
ฟางหย่า จู่ ๆคิดอะไรขึ้นมาได้ รับหันหลังกลับไปมองถังเฉา
ใบหน้าถังเฉายิ้มเล็กด้วยท่าทีเรียบเฉย เหมือนกับว่าการมาถึงของเจิงเทียนเสียงกับหูอีซานนั้นเป็นเหมือนสิ่งที่ไม่เหนือความคาดหมายของเขา
“หรือว่าจะเป็นเขา……” หัวใจฟางหย่าเต้นไม่เป็นจังหวะ ช๊อกสุดขีด
“เถ้าแก่หู เถ้าแก่เจิง พวกคุณทั้งสองมีท่าทีดุดันเช่นนี้ คลับเฮาส์ปินเจียงฮุ่ยเป็นสถานที่ของกระผมแซ่ซ่ง พวกคุณมีสิทธิ์อะไรขับไล่เจ้าของออกไปเหรอ?”
ซ่งเทียนซานลุกขึ้น มองดูเจิงเทียนเสียงกับหูอีซานด้วยสายตากดดัน ใบหน้าเดือดดาล
“คุณต้องการคุณสมบัตินั้น ได้ ผมจะบอกคุณสมบัตินั้นกับคุณ”
หูอีซานเดินมาก้าวหนึ่ง น้ำเสียงก้องกังวาน “ซีอีโอของสมาคมการค้าหงยิงต้องการเป็นแขกคนสำคัญในงานเลี้ยงนี้ คุณสมบัติแค่นี้เพียงพอหรือไม่!”
โครม—-
ทุกคนในงานเลี้ยงได้ยินคำพูดนี้เหมือนดั่งถูกอัสนียบาตฟาดใส่ ภายในสมองว่างเปล่า
ประธานบริษัทที่อยู่ในงานจ้องมองหูอีซานกับเจิงเทียนเสียงด้วยสีหน้ามึนงง สีหน้าซ่งเทียนซานกับเหวินเหวยเฉิน
เปลี่ยนไปอย่างมาก ในส่วนลึกของดวงตา มีความหวาดกลัวบางอย่างขึ้นในจิตวิญญาณ
หลินฉ่ายเวยไม่รู้ว่าซีอีโอสมาคมการค้าหงยิงหมายความว่าอะไร พูดด้วยสีหน้าขุ่นเคืองว่า “ซีอีโออะไรนั่น เปิดห้อง
วีไอพีให้เขาเป็นพิเศษสักห้องก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงต้องเคลียร์พื้นที่เหรอ?”
เจิงเทียนเสียง ได้ยินคำพูดนี้ยิ้มเย็นชาขึ้นทันที “พวกคุณคู่ควรกับการนั่งระดับเดียวกับแขกสำคัญคนนี้เหรอ?”
เหวินเหวยเฉินได้ยินคำพูดหลินฉ่ายเวยประโยคนั้นตกใจจนใบหน้าซีดเผือด พ่อของเขาเองยังไม่กล้าพูดกับคนของสมาคมการค้าหงยิงอย่างนี้ด้วยซ้ำ!
เพี๊ยะ!
เขาตบหน้าหลินฉ่ายเวยเข้าไปหนึ่งฉาด ตวาดเสียงดังว่า
“คุณเงียบปากเดี๋ยวนี้!”
ได้ยินคำว่า ซีอีโอ คำนี้ ซ่งเทียนซานรีบเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาหาหูอีซาน เปลี่ยนท่าทีไปโดยสิ้นเชิง
“ที่แท้ ซีอีโอ มาเยี่ยมเราถึงที่นี่ ช่างเป็นเกียรติอย่างยิ่งจริง ๆ”
เขาพูดด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ในคำพูดยังแฝงไว้ด้วยท่าทีประจบประแจง “นั้นผมจะพาคนทั้งหมดออกไปจากคลับเฮาส์ปินเจียงฮุ่ย ยังไงท่านทั้งสองก็พูดชมเชยผมให้กับซีอีโอเท่านั้นฟังด้วยล่ะ”
เจิงเทียนเสียงกับหูอีซานสบตากับ พยักหน้าเล็กน้อยรับคำ
ด้วยเหตุนี้ ซ่งเทียนซานจึงพาประธานบริษัทที่มาร่วมงานทุกคน รวมถึงเหวินเหวยเฉินกับหลินฉ่ายเวย ลุกออกไปจากสถานที่ของเขา
แม้ว่าในใจของพวกเขาจะไม่ยินยอมเท่าไหร่นัก แต่ต้องทำตามแต่โดยดี ใครใช้ให้ซีอีโอสมาคมการค้าหงยิงมาล่ะ?
อีกทั้ง เป็นงานเลี้ยงต้อนรับลูกค้าที่มีฐานะทางสังคม—-สามารถได้เลี้ยงต้อนรับซีอีโอที่น่าเกรงขามเช่นนี้ ฐานะทางสังคมเล็กซะที่ไหน?”
หลินฉ่ายเวยลูบใบหน้าด้วยสีหน้าขุ่นเคือง แต่ไม่ได้ระเบิดออกมา หางตาพลันเหลือบไปเห็นถังเฉายังคงนั่งที่เก้าอี้ทองคำเหมือนดั่งไม่ได้เกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ ความโมโหได้ระบายออกมา
“เจ้าคนไร้ประโยชน์ เคลียร์พื้นที่แล้ว ยังไม่รีบไสหัวออกไป!”
ถังเฉาหรี่ตาเล็กน้อย ไม่ตอบโต้อะไร หูอีซานกับเจิงเทียนเสียงรีบแสดงสีหน้าดุดันเข้าใส่หลินฉ่ายเวยกับพวก ตวาดเสียงดังว่า “ผมพูดคือพวกคุณ รีบไปให้พ้น!”
หลินฉ่ายเวยอึ้งไปในทันที มองดูถังเฉาด้วยสายตามึนงง เพราะเหตุใด เจ้าคนไร้ประโยชน์นั่น ไม่ถูกขับไล่ออกไป?”
“พอได้แล้ว อย่ามัวพูดไร้สาระ รีบออกไป”
เหวินเหวยเฉินเดินจูงมือหลินฉ่ายเวย ออกไปจากคลับเฮาส์ปินเจียงฮุ่ย
ฟางหย่าก็กำลังจะออกไป หูอีซานจึงรีบรั้งตัวเธอไว้ “คุณฟาง โปรดรอก่อน”
“?”
ฟางหย่าสีหน้างุนงง
“ใช่แล้ว”
หูอีซานใช้น้ำเสียงอ่อนโยน พูดกับฟางหย่าด้วยท่าทีเกรงใจ “ซีอีโอของพวกเราสนใจในตัวคุณ ดังนั้นอยากจะเชิญคุณอยู่ที่นี่ทานอาหารสักมื้อ”
“ซีอีโอเหรอ?”
ฟางหย่าประหลาดใจเมื่อถูกเอาอกเอาใจ เธอไม่เคยติดต่อกับสมาคมการค้าหงยิง แต่ว่าเมื่อเห็นซ่งเทียนซาน เหวินเหวยเฉินกับพวกเดินออกไปโดยดีเหมือนหลานเชื่อฟังคำสั่ง คนใหญ่คนโตที่มาจะสนใจในตัวเธอได้อย่างไร?
อย่ามองว่าเธอเป็นหนึ่งในรองประธานบริษัทลี่จิงกรุ๊ป รายได้ปีหนึ่งล้านกว่า ความจริงแล้วต้นทุนชีวิตของครอบครัวเธอนั้น ยังคง เป็นคนยากจน คนหนึ่ง
ว้าว—-
ในขณะนั้นเอง ประตูเปิดอีกครั้ง
หลัวปู้เดินเข้ามา เจิงเทียนเสียงและหูอีซานรีบทักทายด้วยท่าทีนอบน้อม “ท่านซีอีโอสวัสดีครับ!”
“อืม”
หลัวปู้พยักหน้าเล็กน้อย พูดขึ้นอีกว่า “ทำได้ดีมาก”
ฟางหย่าแอบจ้องมองไปที่เขา ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
คนนี้คือซีอีโอของสมาคมการค้าหงยิงเหรอ?
บุคลิกไม่ธรรมดาจริง ๆ !
จากนั้น ฟางหย่า จู่ ๆคิดอะไรขึ้นมาได้ สอบถามด้วยความระมัดระวัง “ขอถามว่า แขกคนสำคัญที่พวกคุณพูดนั้นเป็นใครเหรอ?”
หลัวปู้ ทั้งสามคน สบตากัน จากนั้นแย้มยิ้มด้วยท่าทีลึกลับ “ห่างไกลสุดขอบฟ้า แต่กลับอยู่ใกล้แค่เอื้อม”
ฟางหย่าตกตะลึงสามวินาที ทันใดนั้น เหมือนว่าเธอเข้าใจเรื่องราวชัดเจนขึ้น หันหลังกลับไปมองถังเฉาทันที
“เป็นคุณเหรอ?!