เจ้ามังกรพรีเมี่ยม – ตอนที่ 127

ตอนที่ 127

บทที่127 ถอยสู่ความก้าวหน้า

ตูม!

เหมือนสายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้า หลินเจิ้นสงตกตะลึงไปทั้งตัว และเขามองไปที่โจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวย และหลินจ้องด้วยสายตาที่เฉื่อยชา และเสียงของเขาก็สั่นอย่างรุนแรง: “เหม่ยหยูน ทุกสิ่งที่เขาพูด … เป็นความจริงหรือ? เธอขายบริษัทโอ้ซินให้ซ่งเทียนซานแล้วจริงหรือ?”

โจวเหม่ยหยูนแสดงสีหน้าเฉยเมย และทำปากมุ่ย เธอไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้นัก

“มิฉะนั้นล่ะ ประธานซ่งได้โอนหุ้นของบริษัทหลงเถิงมาแล้ว ตอนนี้พวกเราทุกคนเป็นผู้ถือหุ้นแล้ว”

เวลาที่โจวเหม่ยหยูนพูดคำพูดนี้ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

หลินฉ่ายเวย โจวเหม่ยหยูน หลินจ้องและคนอื่นๆไม่มีความรู้สึกผิดใดๆบนใบหน้าของพวกเขาเลย

ในความเป็นจริงผลลัพธ์นี้ดีกว่าสำหรับพวกเขา และยังเพิ่มความรู้สึกสะใจในการแก้แค้นอีกด้วย

บริษัทโอ้ซินเปรียบเสมือนสิ่งของของคนอื่น การใช้สิ่งของของคนอื่นในการแลกเปลี่ยนหุ้น10%ของบริษัทหลงเถิงนั้น ถือเป็นกำไรล้วนๆ!

ส่วนชะตากรรมในอนาคตของหลินเจิ้นสงนั้น ใครจะสน?

“นี่เป็นบริษัทเดียวภายใต้ชื่อตระกูลหลินแล้วนะ เธอขายมันได้อย่างไร!” ใบหน้าของหลินเจิ้นสงเป็นสีขาวซีด และคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวใส่โจวเหม่ยหยูน

“คุณจะตายหรือ! ตะโกนใส่ฉันแบบนี้!”

โจวเหม่ยหยูนตกใจอย่างมาก และจากนั้นก็รู้สึกอายและโกรธขึ้นมา: “บริษัทโอ้ซินพึ่งพาคุณได้มากแค่ไหนในการพัฒนา? ประธานซ่งเขาไม่เพียงแค่มีเงินอย่างเดียวและยังมีสายสัมพันธ์อีกด้วย ในโครงการเดียวกันประธานซ่งจะต้องทำได้ดีกว่านี้แน่นอน”

“แต่ตอนนี้บริษัทกำลังเข้าที่เข้าทางแล้ว—- ”

“แล้วไงล่ะ?”

โจวเหม่ยหยูนขัดจังหวะเขาอย่างไม่สบอารมณ์: “คุณจะโชคดีตลอดไปโดยการอาศัยไอ้ขยะนี้ได้ไหม การที่จะให้ตระกูลหลินกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งนั้น มันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น!”

พูดไปโจวเหม่ยหยูนก็มองไปที่ถังเฉา ด้วยสายตาที่เย็นชาและไร้ความปราณี

โจวเหม่ยหลิงก็มีสีหน้าเยาะเย้ยเช่นกัน เป็นแค่ลูกเขยที่อาศัยอยู่บ้านภรรยาตัวเองเท่านั้น คิดจะเหยียบขึ้นบนหัวของสมาชิกตระกูลโจวแบบนี้ ฉันไม่ยอมแน่นอน

คำพูดของโจวเหม่ยหยูนราวกับว่าได้ควักเรี่ยวแรงของหลินเจิ้นสงไปหมด และเขาก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างอ่อนแรง ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความเศร้าโศก

ถังเฉาเห็นแบบนี้แล้ว เจตนาฆ่าก็ล้นหลามในใจเขาทันที

มีเพียงการทรยศของคนใกล้ชิดเท่านั้น ที่สามารถเอาชนะคนๆหนึ่งได้ เขาไม่คาดคิดว่าคนในตระกูลนี้จะเห็นแก่ตัวและโหดเหี้ยมขนาดนี้

“พอกันที!”

ซ่งเทียนซานคำราม และมองไปรอบๆ จากนั้นพูดอย่างเย็นชาว่า: “ฉันไม่ได้มาที่นี่ เพื่อดูครอบครัวของคุณทะเลาะกัน! รีบเซ็นสัญญาให้ฉันแล้วออกไปจากที่นี่!”

เขาพูดพร้อมกับนำสัญญามาวางตรงหน้าหลินเจิ้นสง

แต่แล้วหลินเจิ้นสงยังคงจมอยู่กับความเศร้าและความโกรธของการทรยศของภรรยา เขาอย่างคงเงียบกริบ

ซ่งเทียนซานมองไปที่โจวเหม่ยหยูนและหลินฉ่ายเวยทันที: “คุณสองคน คนหนึ่งเป็นภรรยาของเขาและอีกคนเป็นลูกสาวของเขา รีบชักชวนเขาให้เขายอมเซ็นชื่อสักที ฉันกับประธานฉางยังรออยู่”

ฉางหงเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆก็กำชับว่า: “ฉันกับประธานซ่งงานยุ่งมาก และยังมีธุระต้องจัดการอีกมาก ไม่มีเวลารอคุณอยู่ที่นี่!”

หลังจากที่โจวเหม่ยหยูนเซ็นสัญญาโอนแล้ว ซ่งเทียนซานก็โทรหาฉางหงเทียนทันที และทั้งสองได้แบ่งบริษัทโอ้ซินด้วยกัน

ตามบุคลิกของซ่งเทียนซานแล้ว เขาจะไม่แบ่งปันสิ่งดีๆกับฉางหงเทียนแน่นอน แต่คราวนี้มันแตกต่างออกไป วันนี้เขาได้รับข่าวว่าสถานะของฉางหงเทียนในสมาคมการค้าหงยิงได้เปลี่ยนจากสมาชิกรุ่นเยาว์เลื่อนขั้นเป็นสมาชิกระดับกลาง

ซ่งเทียนซานโทรหาฉางหงเทียนทันที และส่งเค้กบริษัทโอ้ซินก้อนนี้ไปให้ฉางหงเทียนชิม โดยหวังว่าฉางหงเทียนจะอำนวยความสะดวกให้เขาในอนาคต

ฉางหงเทียนตอบรับด้วยความยินดี และทั้งสองก็มาที่บริษัทโอ้ซินด้วยกัน

โจวเหม่ยหยูนและหลินฉ่ายเวยมองหน้ากัน และพยักหน้าให้กัน จากนั้นก็มาหาหลินเจิ้นสงมายืนซ้ายคนขวาคน และชักชวนเขาด้วยสุดใจ

“เจิ้นสง ทุกอย่างที่ฉันทำไปฉันทำเพื่อครอบครัวของเรา โอ้ซินจะมีคุณค่าเท่าหุ้นของบริษัทหลงเถิงได้อย่างไร? ด้วยหุ้นเหล่านี้แม้ว่าคุณจะใช้เวลาอยู่ที่บ้านทุกวัน ฉันก็สามารถเลี้ยงดูคุณได้”

“ใช่คะพ่อ คุณทำงานเพื่อครอบครัวนี้มาเกือบทั้งชีวิตแล้ว คุณควรพักผ่อนให้เพียงพอ ต่อไปนี้ฉันกับแม่จะรับหน้าที่เลี้ยงดูครอบครัวเราเอง เพราะเรามีเงินมากพออยู่แล้ว”

ความมุ่งมั่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเจิ้นสง และเขาปฏิเสธอย่างเด็ดขาด: “ฉันจะไม่เซ็นชื่อแน่นอน!”

“เฮ้ทำไมคุณดื้อรั้นไม่ยอมฟังคำพูดของคนอื่นแบบนี้?”

โจวเหม่ยหยูนรู้สึกกังวลใจทันใด: “ประธานซ่งและประธานฉางยอมมาถึงที่นี่แล้ว คุณยังจะทำการยืนกรานอย่างไร้ความหมายเช่นนี้อีกหรือ?”

ดวงตาของซ่งเทียนซานก็มืดมนทันที: “ถ้าเขาไม่เซ็นสัญญาอีก ฉันจะถือว่ามันเป็นความล้มเหลวในการร่วมมือ และจะยึดหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ของพวกคุณกลับมาด้วย!”

เมื่อโจวเหม่ยหยูนได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเธอก็กังวลมากขึ้น: “อย่านะ ประธานซ่งให้เวลาฉันอีกสักหน่อย คำพูดของฉันมีน้ำหนักที่สุดในครอบครัวนี้ เขาต้องยอมเซ็นชื่ออย่างแน่นอน”

หลังจากพูดจบ เธอก็มองไปที่หลินเจิ้นสง และพูดอย่างดุเดือดว่า: “รีบลงชื่อเถอะ ประธานซ่งและประธานฉางกำลังรออยู่!”

“พ่อครับ เซ็นเถอะ” ถังเฉาพูดด้วยรอยยิ้มอย่างกะทันหัน

ทันใดนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ถังเฉาอย่างเหลือเชื่อ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูน ทั้งคู่เหมือนเห็นผีในตอนกลางวันแสกๆ ปกติไอ้ขยะนี้มักจะต่อต้านพวกเขา หรือว่าวันนี้เขาเกิดมีสติปัญญาขึ้นมาและรู้ว่าควรวางตัวอย่างไง?

หลินเจิ้นสงลุงหลินมองไปที่ถังเฉาด้วยความตกใจ: “เสี่ยวเฉา ทำไมแม้แต่นายก็อยากให้ฉันขายมัน?”

ถังเฉาจิบน้ำและพูดด้วยรอยยิ้ม: “พ่อจำสิ่งที่ผมเคยพูดกับคุณก่อนหน้านี้ได้ไหม?”

ต้องพูดก็ทำปากมุ่ยชี้ไปทางซ่งเทียนซาน

หลินเจิ้นสงเข้าใจในทันที สิ่งที่ถังเฉากำลังพูดถึงคือให้เขาเข้ารับตำแหน่งประธานหลงเถิง

แต่เรื่องนั้นมันเกี่ยวอะไรกับการขายบริษัท?

ถังเฉายิ้มอย่างมีความหมายโดยไม่พูดอะไรสักคำ

การที่ซ่งเทียนซานซื้อกิจการของบริษัทโอ้ซินัน้น เป็นเพราะอยากนำมาเป็นบริษัทในเครือของหลงเถิง เมื่อคุณพ่อกลายเป็นประธานของบริษัทหลงเถิง บริษัทโอ้ซินจะยังคงเป็นของตระกูลหลิยเช่นเคย

เป็นที่น่าเสียดาย ที่ไม่มีใครในห้องตระหนักถึงเรื่องทั้งหมดนี้

“แม้แต่ไอ้ขยะนั่นก็ยังบอกให้คุณขายแล้ว ทำไมคุณถึงยังลังเลอีก?” โจวเหม่ยหยูนกระตุ้นอย่างไม่สบอารมณ์

เมื่อเห็นความสงบของถังเฉา หลินเจิ้นสงลังเลอยู่พักหนึ่ง และในที่สุดก็ตอบตกลง: “ก็ได้ ฉันจะขายมัน!”

หลังจากพูดเสร็จเขาก็เซ็นชื่อในสัญญาทันที

เมื่อเห็นฉากนี้โจวเหม่ยหยูนก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลินฉ่ายเวย และความสุขก็ปรากฏขึ้นในสายตาของแม่และลูกสาวคู่นี้

โจวเหม่ยหลิงกับหลินจ้องและคนอื่นๆก็โล่งอกโล่งใจตาม

หลังหลินเจิ้นสงเซ็นชื่อ เท่ากับว่าพวกเขารักษาหุ้นส่วนไว้ได้

มีเพียงซ่งซ่งเทียนซานเท่านั้นที่จมอยู่ในความคิดของตัวเอง และมองไปที่ถังเฉาด้วยสายตาแปลกๆ แต่น่าเสียดายที่เขาคิดอะไรไม่ออก เขาเพียงแค่เก็บสัญญาเท่านั้น

“ถ้างั้นก็ เชิญครับ”

เขาทำท่าเชิญหลินเจิ้นสงออกไป

“พ่อ ไปกันเถอะ”

ถังเฉาเองไม่ได้สนใจนัก เขายังส่งยิ้มให้หลินเจิ้นสงด้วยซ้ำ

ไม่ว่าหลินเจิ้นสงจะไม่เต็มใจแค่ไหน เขาก็ทำได้เพียงยืนขึ้น และออกจากบริษัทโอ้ซิน

หลังจากถังเฉาและหลินเจิ้นสงจากไป ซ่งเทียนซานก็บอกให้กลุ่มโจวเหม่ยหยูนและหลินฉ่ายเวยกลับไป เหลือเพียงเขาและฉางหงเทียนเท่านั้นที่อยู่ในสำนักงาน

ฉางหงเทียนถามว่า: “ไอ้ถังเฉานั่น ฉันไม่คิดว่าจะมีอะไรพิเศษ ทำไมคุณถึงโดนเขาเล่นงานครั้งแล้วครั้งเล่า?”

ซ่งเทียนซานหรี่ตาและพูดว่า: “ฉันคิดว่าคุณอย่าประมาทจะดีกว่า คุณไม่รู้สึกแปลกเหรอ?”

“มันแปลกตรงไหนเหรอ?”

ถังเฉาให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของหลินเจิ้นสงมาโดยตลอด จะกระตุ้นให้หลินเจิ้นสงขายบริษัทได้อย่างไร?”

เมื่อได้ยินซ่งเทียนซานพูดเช่นนี้แล้ว ฉางหงเทียนก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาเช่นกัน แต่เขาก็ยังไม่ได้ใส่ใจ: “เป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่มีเงินและอำนาจเท่านั้น อีกอย่างตอนนี้คุณได้ควบคุมตระกูลหลินอย่างสมบูรณ์แล้ว และตำแหน่งของฉันในสมาคมการค้าหงยิงก็นับวันยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก?”

ซ่งเทียนซานคลายคิ้วและหัวเราะ: “มีเหตุผลดี”

หลังจากออกจากบริษัทโอ้ซิน หลินเจิ้นสงกำลังจะกลับไปที่บ้านของตระกูลหลิน แต่ถังเฉายิ้มอย่างแผ่วเบา: “เราจะไม่ไปบ้านหลิน”

หลินเจิ้นสงสะดุ้ง: “ฉันจะไปไหนได้ถ้าไม่ไปบ้านหลิน”

ถังเฉาไม่พูด เพียงแค่รออย่างเงียบๆ

เอี๊ยะ—-

โรลส์รอยซ์สีดำหยุดอยู่ตรงหน้าถังเฉา

ถังเฉาเปิดประตูรถและยิ้มให้หลินเจิ้นสง: “พ่อขึ้นรถเถอะครับ”

เมื่อมองไปที่รถที่หรูหราเช่นนี้ หลินเจิ้นสงก็พูดไม่ออกด้วยความประหลาดใจ

และนั่งเข้าไปด้วยความงุนงง เฟิ่งหวงเหยียบคันเร่งและรถก็พุ่งไปในทิศทางเดียว

“เราจะไปที่ไหน?”

หลินเจิ้นสงยังคงจมอยู่กับความตกตะลึงที่เกิดจากรถคันหรูอย่างหัวปักหัวปำ

ถังเฉายิ้มอย่างแผ่วเบา: “พอถึงจุดหมาย คุณก็จะรู้เอง”

สิบนาทีต่อมา รถได้หยุดลงที่ชั้นล่างในอาคารที่เรียกว่าอาคารต้าชาง

ไม่เหมือนอาคารอื่นๆที่ผู้คนไปมา เพราะที่นี่ห้ามมิให้คนธรรมดาเข้ามา แม้แต่คุณภาพของยามภายนอกก็ยังเหนือกว่าที่อื่นมาก

ถังเฉานำทางเฟิ่งหวงเพียงแป๊บเดียว ก็เห็นหลัวปู้พาเจิงเทียนเสียงและหูอีซานเดินออกไป

เจิงเทียนเสียงนำคนกลุ่มหนึ่ง และหูอีซานก็นำลูกน้องของเขาอีกกลุ่มหนึ่ง มีคนทั้งหมดห้าสิบคนในชุดสูททางการเข้าแถวโค้งคำนับพร้อมเพรียงกัน และตะโกนเสียงดัง

“ยินดีที่ได้เจอนายใหญ่ครับ!”

หลินเจิ้นสงมองไปที่ผู้คนที่นี่ด้วยสายตาที่ตกตะลึง ทุกคนล้วนเป็นผู้มีอำนาจและคนสำคัญของเมืองหมิงจูทั้งนั้น คนเหล่านี้เพียงแค่กระทืบเท้า เมืองทั้งเมืองก็จะสั่นสะท้านสามครั้ง

หลินเจิ้นสงเคยพบเจิงเทียนเสียงและหูอีซานแล้ว ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าถังเฉามีมิตรภาพกับพวกเขาอยู่บ้าง ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่ใช่เสี่ยวเฉาที่ยอมจำนนต่อพวกเขา แต่พวกเขาต่างหากที่ยอมจำนนเสี่ยวเฉา!

“เสี่ยวเฉา นายแข็งแกร่งแค่ไหนกันแน่?” หลินเจิ้นสงพึมพำกับตัวเองด้วยความสะเทือนใจ

เจ้ามังกรพรีเมี่ยม

เจ้ามังกรพรีเมี่ยม

Status: Ongoing

เมื่อห้าปีก่อน ถูกว่าที่ภรรยาใส่ร้าย ในเวลาที่เกือบจะตาย มีผู้หญิงคนหนึ่งมาช่วยเขาอย่างสุดชีวิตห้าปีต่อมา อำนาจและทรัพย์สมบัติของโลกล้วนตกอยู่ในมือของเขา การกลับมาของม้าศึก แค่เพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณในคืนนั้น แต่กลับพบว่า เธอได้คลอดลูกสาวคนหนึ่งสิ่งที่เป็นหนี้คุณไม่สามารถลบล้างให้หมดไปได้ ถ้าอย่างนั้นก็ปกป้องพวกคุณสองแม่ลูก……ทั้งชีวิตเลยแล้วกัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท