ตอนที่120 ไม่ใช่ลูกแท้ๆ
ในแววตาของฟางหย่าที่มีความประหลาดใจอย่างที่สุด ใบหน้าถังเฉามีรอยยิ้มเพิ่มมากขึ้น พยักหน้ารับคำเบาๆ
“คุณ คุณ……”
ฟางหย่าตัวสั่นเทา สติสัมปชัญญะสั่งให้ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แววตาตื่นตระหนก ชำเลืองมองอยู่นาน ไม่สามารถพูดออกมาได้เป็นประโยค
“คุณกลัวอะไรขนาดนั้น ผมไม่ได้จะกินคุณสักหน่อย” ถังเฉาจึงพูดออกไปด้วยท่าทีจนปัญญา
ฟางหย่าสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ใบหน้าฝืนยิ้มด้วยความอึดอัดใจ พูดว่า “ฉันเพียงแปลกใจนิดหน่อย ในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้คุณถูกทำให้อับอายมาตลอด ซึ่งความจริงแล้วคุณเป็นถึงผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่ง”
จนมาถึงเวลานั้น ฟางหย่าเพิ่งเข้าใจว่าทำไมถังเฉาไปนั่งที่เก้าอี้ทองคำตั้งแต่เริ่มต้น เพราะว่าเดิมทีที่นั่งนั้นเป็นของเขาตั้งแต่แรกแล้ว
แล้วยังเข้าใจด้วยว่าถังเฉาทั้ง ๆที่ได้รับการดูถูกเหยียดหยาม แต่กลับยังคงนิ่งเฉยสบายใจ เพราะว่าพวกเขาต่างหากที่เป็นตัวตลกที่แท้จริง ต่อสู้ดิ้นรนต่อหน้าถังเฉาเพื่อทำให้ตนเองมีตัวตนในสังคม
แม้ว่าจะไม่ประหลาดใจเหมือนเมื่อก่อน แต่ภายในใจของฟางหย่ายังคงไม่สามารถสงบลงได้ ดวงตาคู่นั้นยังตกตะลึงอยู่พักใหญ่ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน
ห้าปีแล้ว
เธอนึกว่าตัวเองสามารถวิ่งตามเงาร่างนั้นได้ทัน แต่นึกไม่ถึง ระยะห่างนับวันยิ่งห่างไกลออกไป
ไม่มีใครพบว่าใบหน้าของฟางหย่าเต็มไปด้วยความผิดหวัง ถังเฉายิ้ม เชิญทุกท่านนั่งลง:“ทั้งหมดนั่งลงเถอะ”
ฟางหย่า หลัวปู้ เจิงเทียนเสียง หูอีซาน ต่างเข้ามานั่ง ก่อนหน้านี้ เขาได้สั่งให้พนักงานจัดโต๊ะอาหารขึ้นใหม่อีกสำรับหนึ่ง ฟางหย่ารู้สึกอึดอัดไม่ค่อยสบายใจ ถังเฉายิ้มไปพลางพูดว่า:“ไม่ต้องเคร่งเครียด ลืมสถานะพิเศษของผมไปเถอะ ผมเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น”
ฟางหย่ายิ้มแล้วพยักรับคำ
บนโต๊ะอาหาร ถังเฉาไม่ได้คุยเกี่ยวกับเรื่องการงาน คุยเพียงเรื่องของหนุ่มสาวทั่วไป
ทั้งเจิงเทียนเสียง หูอีซาน หลัวปู้ต่างรู้สึกตื่นเต้น ดื่มสุรากับถังเฉาแก้วแล้วแก้วเล่า นี่เป็นเถ้าแก่ใหญ่เป็นที่เคารพนับถือของบรรดานักธุรกิจรายใหญ่หากได้เป็นคนสนิทของเขาแล้ว นับเป็นประโยชน์ไม่อาจจะประเมินค่าได้ในอนาคต!
แต่ฟางหย่ากลับไม่ค่อยสนใจ ดื่มสุราอย่างเซ็งๆ สักพักหนึ่ง ใบหน้าแดงระเรื่อราวกับก้นลิง
ดื่มสุราไปมากมาย ทั้งเจิงเทียนเสียง หูอีซาน หลัวปู้ สามคนได้โม้ว่าตนเองคอแข็งขนาดดื่มพันจอไม่มีเมา จู่ ๆ ก็เมามายจนเสียรูป
เหลือเพียงถังเฉาคนเดียว ยังคงมีสีหน้าปกติ
พาพวกเขาไปส่งที่รถ ถังเฉาหันกลับไปมองฟางหย่าที่ดูเหมือนว่าจะเมา “มาเถอะ ผมจะไปส่งคุณกลับบ้าน”
ฟางหย่าไม่ตอบ อ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว เอนตัวนอนลงบนโซฟา
ถังเฉาถอนหายใจยาว มองไปยังฟางหย่าด้วยสายตาสับสน พยุงฟางหย่าลงไป
ประตูทางออกคลับเฮาส์ปินเจียงฮุ่ย มีรถโรลส์รอยซ์สีดำจอดรออยู่พร้อมแล้ว เฟิ่งหวงออกมารับด้วยตัวเอง
ประคองฟางหย่านั่งในรถ ถังเฉาถามหนึ่งคำ “บ้านคุณอยู่ที่ไหน?”
ฟางหย่าตอบแบบพูดไม่ค่อยรู้เรื่องว่า “ชุน……คอนโดชุนเจียงเฉิง。”
ถังเฉารีบพูดกับเฟิ่งหวง “ไปคอนโดชุนเจียงเฉิง。”
“รับทราบ”
เฟิ่งหวงรีบขับออกรถไปในทันที
ตลอดทางไม่มีเสียงพูดใด ๆ ถังเฉามีสีหน้าเรียบเฉย มองวิวรอบด้านผ่านไปอย่างไม่ขาดสาย
เสียงพลิกตัว—-
ฟางหย่าทีอยู่นั่งอีกฝั่งหนึ่ง พลิกตัวไปมา ถังเฉารู้สึกถึงข้างหลังมีดวงตาแอบมองเขามาตลอดทาง
“คุณจำฉันไม่ได้จริง ๆใช่มั้ย?”
น้ำเสียงฟางหย่าเหมือนเมาอยู่เล็กน้อย “บริษัทการบันเทิงฮุยหวงครั้งนั้น ฉันเคยคุยกับคุณ ฉันรู้สึกว่าพวกคุณ
เหมือนกันมาก”
“แม้ว่าบุคลิกและหน้าตาจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ฉันแน่ใจ คุณคือคนเมื่อห้าปีก่อนคนนั้น ทำไมคุณถึงไม่ยอมรับ?”
ถังเฉาหลับตาลง พูดด้วยเสียงเรียบเฉย:“คุณฟาง คุณจำคนผิดแล้ว วันนี้นับเป็น การพบกันครั้งที่สอง อีกทั้งผมก็แต่งงานแล้ว”
“……”
นิ่งเงียบไปพักใหญ่
ฟางหย่ามองถังเฉา เบิกตากว้างเต็มไปด้วยความตกตะลึง “คุณ……แต่งงานแล้ว?”
ถังเฉาพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “อึม ยังมีลูกสาวอายุห้าขวบอีกคน”
ฟางหย่ารู้สึกเย็นสะท้านไปทั้งตัว ภายใต้ฤทธิ์ของสุรา เธอก็ยังรู้สึกหนาวเย็นสุดขั้ว
เธอพลิกตัวกลับไป หลังชนกับถังเฉา น้ำเสียงเล็กแหลมเสียดแทงเหมือนมดกัด
“ขอโทษด้วย ฉันจำคนผิดเอง”
ถังเฉาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ลืมตาอีกครั้งนี้ ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ
ในไม่ช้า รถก็มาถึงคอนโดชุนเจียงเฉิง
ถังเฉาเสนอที่จะไปส่งฟางหย่าถึงบ้าน แต่กลับถูกฟางหย่าปฏิเสธ เธอเดินอย่างอ่อนแรงเข้าไปในคอนโดตามลำพัง
หายลับไปจากสายตาของถังเฉา
ถังเฉาถอนหายใจยาว สีหน้าดูสับสน
ที่จริง เขาสองคนเคยพบกันนานมาแล้ว เพียงแต่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเอง
ห้าปีก่อน ขณะที่ทำภารกิจอีกครั้ง ในระหว่างทางได้ช่วยเด็กสาวมหาลัยไว้คนหนึ่ง
เด็กสาวมหาลัยคนนี้ก็คือฟางหย่า
“ขอบคุณที่คุณช่วยฉัน”
“คุณกลับช้าสักหน่อยได้มั้ย ฉันไม่มีเพื่อน แม้แต่คนที่จะพูดคุยด้วยก็ไม่มี”
“ขอโทษด้วย ฉันยุ่งมาก”
“ต่อไปคุณจะกลับมาที่เมืองนี้อีกไหม?”
“บางทีอาจจะมา หรืออาจจะไม่มาอีกเลยก็ได้”
“อ๋อ ฉันชื่อฟางหย่า คุณชื่ออะไร—-”
เดิมหญิงสาวอยากถามชื่อของถังเฉา เพื่อสะดวกในการติดต่อตามหาในวันหน้า ร่างของถังเฉากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
คิดไม่ถึงห้าปีต่อมา ยังได้พบกันอีกครั้ง
แต่น่าเสียดาย คนนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
“ไปเถอะ”
ถังเฉาหันไปทางอื่น สีหน้ากลับมาเรียบเฉย เฟิ่งหวงพูดตอบ
“ขอรับ”
เฟิ่งหวงเหยียบคันเร่ง รถยนต์มุ่งหน้าไปคฤหาสน์จื่อหยวน
……
ซ่งเทียนซานส่งแขกทั้งหมดกลับแล้ว ในเวลานั้นมือถือก็ดังขึ้น
มองไปที่จอโทรศัพท์ สีหน้าซ่งเทียนซานพิศวงเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้โทรศัพท์มาเพื่ออะไร?
แต่ยังคงต้องรับสาย ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มที่เป็นมิตร “น้องสาว มีอะไรหรือเปล่า?”
“ก็ไม่มีเรื่องอะไร นึกได้ว่าไม่โทรหาพี่ชายมานานมากแล้ว”
น้ำเสียงของหญิงสาวเรียบเฉยและเยือกเย็น “เรื่องเกี่ยวกับ‘เจ้าของอาคาร’เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ราบรื่นดี”
ซ่งเทียนซานยิ้มพลางพูดว่า “คุณเหวินได้สัญญาว่าจะมอบโครงการของสำนักงานการก่อสร้างให้ผมแล้ว”
“จริงเหรอ? นั้นต้องยินดีกับพี่ชายแล้วล่ะ……”
น้ำเสียงของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นผิดแปลกไป
“น้องสาว เรื่องทั้งหมดก็ฝากไว้ที่คุณแล้ว รอให้ได้โครงการของสำนักงานการก่อสร้างนี้ก่อน ฉันจะต้องยื่นข้อเสนอกับท่านปู่ ให้เขาเลิกมีอคติกับคุณ—-”
หญิงสาวหัวเราะคิกคิก พูดว่า “ไม่เป็นไร พี่ชาย คุณก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
พูดจบ ก็วางสายโทรศัพท์
ซ่งเทียนซานมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าน้องสาวหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ส่ายหน้าและเดินเข้าไปในคลับเฮาส์ปินเจียงฮุ่ย
……
และขณะเดียวกัน อาคารตระกูลซ่ง มีเสียงหัวเราะเยาะเย้นเหยียดหยามดังออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า……”
ซ่งหมิงเวยมีท่าทีหวาดกลัวยืนอยู่ที่ตรงหัวมุม มองดูซ่งหรูอี้ที่เหมือนคนเสียสติ พูดอย่างระมัดระวังว่า “พี่ พี่สาว คุณหัวเราะอะไร?”
เมื่อเสียงหัวเราะหยุดลง สีหน้าของซ่งหรูอี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ไม่นานก็กลับดูสงบเงียบ “ไม่มีอะไร”
คำพูดของซ่งหมิงเวยเปลี่ยนไปในอย่างรวดเร็ว “พี่สาว คุณคงไม่ได้จะไปล้างแค้นกับพี่เทียนซานแล้วใช่มั้ย?”
ซ่งหรูอี้พูดเบา ๆ “ไม่ใช่เป็นการวางแผนล้างแค้นอะไร เป็นเขาที่โง่เองเท่านั้น—-ถ้าหากวันหนึ่งเขาไม่ระวังตัวเกิดเสียชีวิตไป ก็ต้องเป็นความโง่เง่าของตัวเองที่ทำร้ายตัวเอง”
ซ่งหมิงเวยได้ยินคำพูด สีหน้าเปลี่ยนไปทันที “คุณคิดจะแก้แค้นพี่เทียนซานหรือ?”
“ไม่ใช่เป็นการแก้แค้น เป็นการปกป้องตนเอง”
ซ่งหรูอี้ยิ้มมุมปาก ทำให้เกิดรู้สึกความเย็นชา
“ไม่ว่าฉันจะทำความสำเร็จอะไร ในสายตาของพวกคุณ ฉันยังคงเป็นคนที่แปลกแยก”
ส่า—-
ซ่งหมิงเวยได้ยินคำพูดแบบนี้ถึงกับเงียบกริบ ตกใจกลัวจนแม้แต่อารมณ์โกรธก็ไม่แสดงออกมา “มิกล้า พี่สาว ยังไงคุณก็เป็นพี่สาวของฉันมาตลอด”
“อย่าเคร่งเครียด ที่ฉันพูดถึงไม่ใช่คุณ เป็นพวกคนตระกูลซ่งพวกนั้น”
ซ่งหรูอี้มองไปที่เขาแล้วพูดว่า “ฉันก็ไม่ได้โทษพวกเขา ยังไงสายเลือดที่ไหลเวียนในตัวของฉัน ไม่ใช่สายเลือดตระกูลซ่ง หากมอบตระกูลซ่งให้คนนอกดูแล ทุกคนก็คงไม่พอใจฉันเป็นแน่”
“คุณคิดจะลงมือกับคนในบ้านงั้นเหรอ?” ซ่งหมิงเวยถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“นั้นต้องดูว่าพวกคุณจะยอมหรือไม่ยอม เมื่อนานมาแล้วฉันก็เคยพูดไว้ ตามฉันอยู่ ขวางฉันตาย หากไม่เชื่อฟัง มีเพียงต้องตัดรากถอนโคนทีละคน”
ซ่งหรูอี้สวยราวกับนางในวรรณคดี จู่ ๆ ก็เผยรอยยิ้มออกมา ส่งรอยยิ้มหวานหยดย้อยให้กับซ่งหมิงเวย “แต่สามารถตอบความถามหนึ่งที่คุณเคยถามก่อนหน้านี้ ฉันกับถังเฉา ความจริงแล้วมีท่าทีอะไรกันแน่”
“ความจริงตัวฉันเองก็ไม่รู้”
เธอลุกขึ้นยืน เงยมองดูดวงจันทร์บนท้องฟ้า กระซิบว่า “นั้นคือคนที่เกือบจะกลายเป็นสามีของฉัน ฉันกับเขาไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อกัน แต่กลับอยากอยู่ข้างกายเขาตลอดไป อาจจะเป็นเพราะว่า เขากับฉันได้เผชิญความทุกข์ยากมาด้วยกัน”