บทที่ 132 ผู้บ้าการค้า
ลิฟต์ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นบนสุดของอาคารซึ่งก็คือสมาคมการค้าหงยิงสาขาหมิงจู
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก มีชายที่อยู่ในชุดสูทเรียบกริบยืนต้อนรับอยู่ “คุณถังเฉา ผู้ที่รับผิดชอบกำลังจะมาถึงแล้วครับ”
“โอเค”
ถังเฉายิ้มบางๆ จากนั้นก็ยืนรออยู่ที่หน้าประตูลิฟต์กับเฟิ่งหวง
ไม่นานหลัวปู้พาหูอีซานกับเจิงเทียนเสียงเดินเข้ามา
“บอสใหญ่!”
ถังเฉาพยักหน้า จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “ฉางหงเทียนมาหรือยัง”
หลัวปู้พยักหน้า “อยู่ในห้องประชุมแล้วครับ อีกห้านาทีจะถึงเวลาประชุมครับ”
“เตรียมที่นั่งให้ฉันกับเฟิ่งหวงด้วย ฉันจะนั่งฟังการประชุมสมาชิกด้วย”
หูอีซานกับเจิงเทียนเสียงตัวสั่นเทา และมองถังเฉาด้วยความหวาดระแวง นี่เขาจะดูความหายนะของฉางหงเทียนด้วยตาตัวเองสินะ
“ครับ”
หลัวปู้รู้ว่าบอสเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน เขาคงจะไม่จัดที่นั่งไว้ในห้องประชุมโดยตรง จากนั้นเขาจึงถามขึ้นอย่างนอบน้อมว่า “บอสครับ ห้องประชุมเชื่อมกับห้องข้างๆ ระหว่างการประชุมจะมีจอโปรเจคเตอร์ฉายไปที่คอมพิวเตอร์ของคุณ”
“ดีมาก”
ถังเฉาพยักหน้า แล้วพาเฟิ่งหวงไปห้องที่อยู่ข้างห้องประชุม
อย่าเรียกห้องนี้ว่าห้องทำงานเลย นี่มันวังชัดๆ
รูปภาพที่มีชื่อเสียงระดับโลกแขวนอยู่บนกำแพงรอบๆ ห้อง อีกทั้งยังมีวัตถุโบราณที่มีอายุกว่าร้อยปี ห้องทำงานนี้ราวกับห้องในสมัยโบราณที่พระราชาใช้ทำงาน
ถังเฉานั่งอยู่บนเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงกลาง เฟิ่งหวงไม่ได้นั่ง แต่เธอทำตัวเหมือนกับเงาที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ตามมุมห้อง เธอไม่ชินกับการที่ต้องนั่งในตำแหน่งเท่าเทียมกับรองหัวหน้า
ไม่นานการประชุมก็เริ่มขึ้น
ถังเฉาเห็นสมาชิกสมาคมการค้าผ่านจอคอมพิวเตอร์ได้อย่างชัดเจน
ชุดสูทเรียบกริบ สีหน้ากระปรี้กระเปร่า คนพวกนี้ล้วนเป็นคนใหญ่คนโตของแต่ละเมือง ที่มานั่งรวมตัวกันประชุมอยู่ที่นี่
หูอีซานกับเจิงเทียนเสียงก็เดินตามเข้ามาด้วยเช่นกัน หลัวปู้นั่งอยู่ตรงกลาง เขากวาดตามองไปรอบๆ ด้วยแววตาเรียบเฉย จากนั้นกูหยุดสายตาลงที่ชายคนหนึ่ง แววตาของเขาแปรเปลี่ยนแววตาดุดัน
ชายคนที่ว่าคือฉางหงเทียน
ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นสมาชิกในการประชุม แต่สีหน้าของเขากลับซีดเผือด และตัวสั่นเบาๆ เขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
จูหาวไปมอบตัวที่สถานีตำรวจ และเปิดโปงความจริงของคดี 316 ตอนนี้ในอินเทอร์เน็ตต่างพากันรายงานข่าวนี้ เขาไม่มีทางที่จะไม่รู้
คนที่เป็นหนึ่งในผู้เกี่ยวข้องของคดี 316 อย่างเขาและบริษัทผลิตยาหงเทียนกำลังโดนการวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนในสังคมที่โหดร้ายและดุดัน
หลัวปู้เปิดวิดีโอในคอมพิวเตอร์
มันเป็นวิดีโอการพูดคุยของจูหาว
ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้องประชุม ทุกคนต่างพากันกลั้นหายใจ และรู้สึกถึงเหตุการณ์ที่กรุ่นอยู่ภายใน
“คุณฉางหงเทียน ดูวิดีโอนี้แล้วมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง”
วิดีโอเล่นจนจบ หลัวปู้ปิดคอมพิวเตอร์ แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ทันใดนั้น สมาชิกคนอื่นต่างพากันหันไปมองฉางหงเทียนด้วยแววตาดุดัน
สีหน้าของฉางหงเทียนซีดเผือด เหงื่อไหลออกมาจนเปียกไปทั้งหลัง เหมือนเขาเพิ่งขึ้นมาจากน้ำ
หลังจากเงียบอยู่นาน ฉางหงเทียนจึงเอ่ยขึ้นว่า “หัวหน้าหลัว ผมยอมรับความผิดครั้งนี้ แต่ผมทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผมเชื่อคำลวงของซ่งเทียนซาน ผมจึงทำเรื่องแบบนั้น..”
“ยอมรับก็ดี”
หลัวปู้พูดขึ้นตัดบทฉางหงเทียน เขาพูดเนิบๆ ว่า “ถ้าคุณไม่ใช่สมาชิกของสมาคมการค้าหงยิง ไม่ว่าคุณจะทำเรื่องบาปหนาขนาดไหนก็ไม่เกี่ยวกับสมาคมการค้าหงยิง แต่นี่คุณเป็นคนของสมาคมการค้า พฤติกรรมของคุณที่อยู่ข้างนอก แสดงถึงหน้าตาของสมาคมการค้าหงยิง คุณกลับทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยได้เช่นนี้ ผมผิดหวังจริงๆ!”
ฉางหงเทียนไม่กล้าปริปากพูด
“ในเมื่อเรื่องนี้แดงออกมาแล้ว คุณก็ไม่สมควรมีหน้าอยู่ต่อที่นี่ ตอนนี้เรามาร่วมลงชื่อเตะฉางหงเทียนวีไอพีชั้นกลางของสมาคมการค้าหงยิงออกจากสมาคม!”
พลักๆ
สมาชิกที่อยู่ในการประชุมเห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างไม่มีความลังเล
แต่ทว่าคนที่กำลังโดนเลือกอย่างฉางหงเทียน ไม่มีสิทธิ์ที่จะร่วมลงชื่อในเรื่องนี้
หลัวปู้กวาดตามองคนในห้องประชุม จากนั้นจึงพูดเสียงดังออกมาว่า “มติเป็นเอกฉันท์ ถอดถอนฉางหงเทียนออกจากวีไอพีชั้นกลาง แบนบริษัทผลิตยาหงเทียน ยิ่งไปว่านั้นคุณไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคมการค้าหงยิงอีกแล้ว!”
“จบการประชุม!”
หลัวปู้ประกาศออกมาอย่างต่อเนื่อง ฉางหงเทียนหน้าซีดเป็นกระดาษ ตัวสั่นไปทั้งตัว
ที่จริงแล้วหลังจากที่จูหาวเปิดโปงคดี 316 ฉางหงเทียนก็รู้ชะตากรรมของตัวเองแล้ว
เขาทั้งหวาดกลัว โมโหและไม่พอใจ
คนวัยกลางคนเฉกเช่นเขา ใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตกว่าที่จะสามารถเข้ามาอยู่ในสมาคมการค้าหงยิน และได้มาเป็นวีไอพีชั้นกลางที่นี่ ดูเหมือนหนทางจะราบรื่น แต่ทว่ากลับร่วงหล่นมาจนไม่เหลืออะไร
เขาไม่ยอมเด็ดขาด!
ในฐานะที่เป็นวีไอพีชั้นกลางของสมาคมการค้าหงยินการที่เขาจะหวนกลับมาตั้งตัวเป็นใหญ่อีกครั้งหนึ่ง เป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย!
ดังนั้นเขาทิ้งบริษัทผลิตยาหงเทียนก็ได้ แต่เขาจะไม่ยอมถูกถีบออกจากสมาคมการค้าหงยิน!
ตุ้บ
ชายสูงวัยอย่างฉางหงเทียนคุกเข่าลงต่อหน้าหลัวปู้
“หัวหน้าหลัว ขอร้องล่ะอย่าไล่ผมออกเลย!”
“ต่อไปนี้ผมจะทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับกฎหมายอีกครับ!”
แต่ทว่าสีหน้าของหลัวปู้ยังคงไร้ความรู้สึก หูอีซาน เจิงเทียนเสียงรวมถึงสมาชิกคนอื่นๆ สีหน้าเย็นชา ไม่มีแม้แต่ความเห็นใจ
“คุณลักลอบใช้วัตถุดิบที่ไม่ได้คุณภาพ ผลิตยาที่ไม่ได้มาตรฐานขึ้นมา ทำให้เป็นพิษต่อผู้บริโภค อีกทั้งยังโยนความผิดให้ตระกูลหลิน และข่มขู่ญาติของคนป่วย นี่มันเป็นความผิดที่ร้ายแรงมาก คุณสมควรอยู่ที่สมาคมการค้าหงยินต่ออีกอย่างนั้นเหรอ”
หลัวปู้แสยะยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “อย่าว่าแต่ฉันเลยที่ไม่ยอม ถึงฉันจะยอมแต่บอสไม่ยอมหรอก!”
เมื่อคำพูดนั้นออกมา ไม่ใช่แค่ฉางหงเทียนที่หวาดกลัว สมาชิกคนอื่นที่อยู่ในห้องประชุมต่างก็มีสีหน้าตกตะลึงแทบไม่อยากจะเชื่อ
คนที่สามารถทำให้หัวหน้าหลัวเรียกว่าบอสได้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้น!
ผู้สถาปนาแปดสมาคมการค้า หนึ่งในผู้บ้าการค้าในหัวเซี่ยชีชือ
“ผู้บ้าการค้าอยู่ที่หมิงจูเหรอ”
ทันใดนั้นสมาชิกทุกคนมองหน้ากันไปมา และถกเถียงกันเบาๆ
เหมือนหูอีซานกับเจิงเทียนเสียงพอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้บ้าการค้ากำลังขยายตลาดอยู่ที่ต่างแดน จะมาอยู่ที่หมิงจูอย่างกะทันหันได้อย่างไร
เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่ผู้บ้าการค้า
งั้นคนที่พอจะเป็นไปได้ก็เหลืออยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
เมื่อคิดได้เช่นนั้น แววตาของหูอีซานกับเจิงเทียนเสียงแปรเปลี่ยนเป็นแววตาจริงจัง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
หลัวปู้แสยะยิ้มและเดินลงมาผลักประตูด้านหลังให้เปิดออก
เมื่อประตูถูกเปิดออก ทุกคนเห็นห้องทำงานที่หรูหราห้องหนึ่ง
ตรงกลางมีเงาของใครบางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้
แต่ทว่าเก้าอี้ตัวนั้นหันหลังอยู่ จึงไม่สามารถเห็นได้ว่าชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้คือใคร
“บอสครับ เชิญตัดสินได้เลยครับ!”
หลัวปู้โค้งตัวอย่างนอบน้อมและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
เมื่อคนที่อยู่ในห้องประชุมเห็นเช่นนั้น ก็พากันลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “บอสมางั้นเหรอ”
ฉางหงเทียนคุกเข่าลงต่อหน้าถังเฉา เขาพูดอ้อนวอนอย่างหน้าไม่อาย “บอสครับ ขอร้องล่ะครับ ปล่อยผมไปเถอะนะครับ!”