บทที่ 146 ถึงแม้จะมีคนนับแสนขัดขวางก็พร้อมจะมุ่งไป
แสงจันทร์สว่างไสว รถพอร์ชเปิดประทุนสีดำคันหนึ่งกำลังแล่นอยู่บนถนนอันกว้างใหญ่
ลมพัดผมยาวของผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงเบาะคนขับจนปลิวไสว ทำให้เธอดูเย็นชาเหมือนเทพธิดาที่อยู่บนตำหนักพระจันทร์
หลินจ้าวหยูนนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ แววตาที่เธอมองผู้หญิงคนนั้นใกล้จะเปลี่ยนเป็นรูปหัวใจ
ผู้ชายที่ผ่านอะไรมามากมายทำให้คนหลงใหล ผู้หญิงที่ผ่านอะไรมามากมายยิ่งทำให้คนหลงใหลมากกว่า ผู้หญิงคนนี้เหมือนฮีโร่ที่ปรากฏตัวในสถานการณ์คับขันและมาช่วยชีวิตเธอเอาไว้ หลินจ้าวหยูนสงสัยในตัวของผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างมาก
“คุณเป็นใคร”
“ทำไมต้องมาช่วยฉันด้วย”
“ชุดหนังที่คุณใส่อยู่ซื้อมาจากไหนเหรอ เท่มาก!”
“.…..”
หลังจากที่ขึ้นมาบนรถ หลินจ้าวหยูนก็เหมือนเด็กน้อยที่ถามไม่หยุด
แต่ทว่า คำถามมากมายของหลินจ้าวหยูน กลับไม่ได้รับคำตอบ สุดท้ายคนที่โดนถามจนรำคาญ ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “เพราะถังเฉา ฉันเลยช่วยเธอเอาไว้”
ตอนแรกคิดว่าจะทำให้หลินจ้าวหยูนเงียบลงได้ แต่ที่ไหนได้มันกลับยิ่งเรียกความสนใจจากเธอ
ตาของเธอเป็นประกาย “คุณรู้จักกับพี่เขยเหรอ”
“พี่เขย”
ผู้หญิงคนนั้นมองหลินจ้าวหยูนอย่างตกใจ จากนั้นจึงถามขึ้น “เขาแต่งงานแล้วเหรอ”
“ใช่”
หลินจ้าวหยูนยังไม่รู้ตัวว่าได้เปิดเผยความลับของถังเฉาออกไปแล้ว
“งั้นเหรอ…”
สีหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยอารมณ์มากมาย ใบหน้าของเธอแสดงความผิดหวังออกมาเพียงครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มออกมา “ถ้ามีโอกาส ฝากเธอแสดงความยินดีแทนฉันด้วย”
รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกมากมาย
มีทั้งความผิดหวัง ความกลุ้มใจ ความดีใจและความยินดี รวมไปถึง..ความทรงจำ!
มันเป็นความรู้สึกที่ผสมปนเปกันจนสับสนและยากเกินกว่าจะรับได้
หลินจ้าวหยูนอึ้งไป สัญชาตญาณของผู้หญิงทำให้เธอรู้ว่า ความสัมพันธ์ของพี่เขยกับผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป เพียงครู่หนึ่งก็ถึงอาคารกั๋วจี้
“ลงไปสิ” ผู้หญิงคนนั้นสั่ง
หลินจ้าวหยูนยังอยากถามอะไรอีกสักหน่อย แต่ผู้หญิงคนนั้นเบิกตาโพลง จนทำให้สิ่งที่หลินจ้าวหยูนอยากจะถามหายวับไปในพริบตา เธอรีบลงจากรถอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวคนนั้นเหยียบคันเร่ง รถเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเข้ามาในห้องประธาน หลินชิงเสว่กอดหลินจ้าวหยูนเอาไว้แน่น “ไม่เป็นอะไรใช่ไหมจ้าวหยูน”
“พี่”
ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เลวร้ายอย่างหลินจ้าวหยูนก็แสดงความรู้สึกออกมาโดยการกอดพี่สาวเอาไว้แน่น
ผ่านไปไม่นาน ถังเฉาก็กลับมา เห็นสองพี่น้องกอดกัน เขาก็โล่งอก
“เดี๋ยว พี่เขย!”
หลินจ้าวหยูนตาไว เธอรีบเรียกถังเฉาเอาไว้ “ฉันมีเรื่องจะถามพี่!”
เหมือนถังเฉาจะรู้อะไรบางอย่าง เขาหลุบตาลงเหมือนกำลังหลบตาหลินชิงเสว่
หลินชิงเสว่เห็นเช่นนั้นก็สงสัย
หลินจ้าวหยูนเดินออกจากห้องทำงานไปพร้อมกับถังเฉา เธอถามเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น “พี่เขย ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกับพี่”
ถังเฉามองเธอแล้วพูดว่า “เจอเธอเหรอ”
“ใช่สิ เธอเท่มากเลย แต่ดูเหมือนไม่ชอบพูด”
ถังเฉาเงียบไป เขามองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ผ่านไปนาน เขาจึงพูดออกมาว่า “เธอชื่อเจียงไป๋เสว่ เป็นพี่สะใภ้ของฉันเอง”
ทันใดนั้น หลินจ้าวหยูนเบิกตาโพลงและอ้าปากค้าง
“สัญญากับฉันว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับชิงเสว่”
ถังเฉาพูดเบาๆ และมองหลินจ้าวหยูนด้วยสีหน้าจริงจัง
“อื้ม ได้”
หลินจ้าวหยูนแลบลิ้นออกมาอย่างหงุดหงิด ยังดีที่เธอไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อหน้าพี่สาว ไม่งั้นต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน
ใครๆ ก็ดูออกว่าผู้หญิงสุดเท่คนนั้นมีใจให้พี่เขย แต่เธอดันเป็นพี่สะใภ้ของพี่เขยซะงั้น…
ถังเฉายิ้มออกมา “เธอกลับไปกับชิงเสว่ก่อนเถอะ”
หลินจ้าวหยูนอึ้งไป “พี่ไม่กลับไปกับเราเหรอ”
ถังเฉาส่ายหน้า “ฉันยังมีเรื่องที่ต้องทำ”
พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปในลิฟต์
ลิฟต์เคลื่อนตัวผ่านชั้นแต่ละชั้น รอยยิ้มบนใบหน้าของถังเฉาหายไป มันถูกแทนที่ด้วยความเย็นชาและเคร่งขรึม
รถยนต์โรลส์-รอยซ์จอดอยู่ใต้อาคาร เฟิ่งหวงรออยู่นานแล้ว
ถังเฉาพยักหน้าให้เธอ จากนั้นก็เปิดฝากระโปรงหลังรถ เขาเห็นผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่ เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยมีด ผู้ชายคนนั้นคือซ่งเทียนซาน
“ไป๋เสว่ เธอส่งของขวัญชิ้นใหญ่ขนาดนี้มาให้ฉัน ฉันจะไม่รับไว้ได้ยังไงล่ะ”
ถังเฉามองซ่งเทียนซานที่นอนหมดสติอยู่ น้ำเสียงของเขาเย็นชา “เรื่องนี้ไม่จบแน่!”
ปึ้งงง
เขาปิดฝากระโปรงหลังรถอย่างแรง จากนั้นจึงพูดกับเฟิ่งหวงว่า “ตามฉันไปที่ตระกูลซ่ง”
“ค่ะ คุณชาย”
เฟิ่งหวงเหยียบคันเร่ง รถเคลื่อนตัวออกไปจนเป็นเงาสีดำ และมุ่งหน้าไปยังตระกูลซ่ง
การที่เป็นหนึ่งในสี่ตระกูลร่ำรวย ตระกูลซ่งมีอยู่ในตำแหน่งสำคัญที่สามารถส่งผลกระทบกับเมืองหมิงจู นี่ก็ล่วงเลยสองทุ่มไปแล้ว แต่ทว่าหน้าประตูบ้านตระกูลซ่งยังคงมีรถสปอร์ตสุดหรูจอดอยู่มากมาย
เฟิ่งหวงขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าตระกูลซ่งมีงานอะไรนะคะ”
ถังเฉาสีหน้าราบเรียบ เขาลงจากรถและเดินเข้าไปข้างใน
เหมือนได้กลับมายังสถานที่ที่เคยมา เขาหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
เมื่อห้าปีก่อน เขาเกือบจะได้แต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลซ่ง และที่นี่เขาถูกคนในตระกูลซ่งลงโทษอย่างหนัก
“ไปกันเถอะ”
เขามองกวาดตามองรถพวกนั้น และเดินเข้าไปข้างใน
“ถังเฉา?”
จู่ๆ ก็มีเสียงตกใจดังขึ้นมาข้างหลังเขา
ถังเฉาหันหน้ากลับไป เห็นชายสองคนอยู่ในชุดสูทหางยาวราคาแพง เดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจ
หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าเป็นถังเฉา ชายอีกคนก็มองเขาด้วยสายตาอาฆาตที่ไม่สามารถปกปิดเอาไว้ได้ “ถังเฉา นายกล้าดียังไงถึงมาที่นี่!”
ถังเฉาหรี่ตาลง ชายหนุ่มสองคนนี้คือจ้าวเชียนจูนและหวางเยี่ย
ถังเฉารู้เบื้องลึกของจ้าวเชียนจูนแล้ว เขาเป็นหนึ่งในลูกนอกสมรสของจ้าวลิ่วผู้นำตระกูลจ้าว
ส่วนหวางเยี่ยเป็นลูกชายของหวางหมิ่นเหมิน หลังจากที่เขามาขอโทษด้วยตัวเองที่ตระกูลหลิน ตระกูลหวางก็ประพฤติตัวเรียบร้อยไม่ออกนอกลู่นอกทางขึ้นเยอะ คิดไม่ถึงว่าจะเจอพวกเขาที่นี่
แต่ทว่า เป้าหมายที่ถังเฉามาที่นี่เพื่อเปิดโปง เขาไม่สนใจพวกกระจอกนี่หรอก ถังเฉาเดินเข้าไปโดนไม่สนใจ
“หยุดนะ!”
เมื่อเห็นว่าไอ้สวะคนนี้เมินเขา จ้าวเชียนจูนโมโหขึ้นมา
หวางเยี่ยก็เดินเข้าไปเช่นกัน เขาขวางทางถังเฉาเอาไว้ “คืนนี้เป็นงานประชุมทางธุรกิจของที่ผู้นำตระกูลซ่งจัดขึ้น คนที่ไม่เกี่ยวข้องห้ามเข้า!”
“กล้ามาขวางทางรองหัวหน้า ฉันว่าพวกนายไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วสินะ”
เฟิ่งหวงหันขวับกลับมา แววตาของเธอเย็นยะเยือก แรงอาฆาตอันน่ากลัวทำให้หวางเยี่ยกับจ้าวเชียนจูนกลัวจนเหงื่อแตก
จ้าวเชียนจูนเคยเจอเฟิ่งหวงเป็นครั้งแรก ตอนแรกเขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงของถังเฉา คิดไม่ถึงว่าจะเป็นบอดี้การ์ดของเขา!
หวางเยี่ยตกใจจนทรุดลงไปกองกับพื้น หลังจากที่เขาตั้งสติได้ เขาก็รู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก
เขาเป็นคุณชายตระกูลหวาง แต่กลับตกใจจนสภาพเป็นเช่นนี้ต่อหน้าของไอ้สวะนี่
“ถังเฉา แกกล้าให้บอดี้การ์ดมาขู่ฉันเหรอ!”
หวางเยี่ยมองถังเฉาอย่างเคียดแค้น “คิดว่าตระกูลหวางกลัวแกเหรอ”
ถังเฉาหันหน้ากลับมา และพูดติดตลกว่า “เหรอ งั้นครั้งก่อนใครที่มาคุกเข่าตรงหน้าฉันกันล่ะ คนที่ตบหน้าตัวเอง คือใครกันนะ”
ประโยคนี้ทำให้หวางเยี่ยโกรธเป็นอย่างมาก “แกคิดจริงๆ เหรอว่าตระกูลหวางยอมขอโทษตระกูลไม่เอาไหนอย่างนั้น ฝันไปเถอะ!”
เขาคิดว่ามันตลกมาก ไอ้สวะนี่เอาเรื่องนี้เป็นเครื่องป้องกันตัวเอง เขาจึงอดพูดความจริงออกไปไม่ได้
“เรื่องครั้งก่อน เพราะมีคนใหญ่คนโตสั่งมาให้ตระกูลหวางไปขอโทษ ไม่งั้นแกคิดเหรอว่าตระกูลหลินจะมีชีวิตอยู่จนมาถึงทุกวันนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังเฉาก็ยิ้มกว้าง ถ้าหวางเยี่ยรู้ว่าคนใหญ่คนโตที่ว่าคือเขาเอง หวางเยี่ยจะมีท่าทียังไงนะ
“ตระกูลจ้าวก็เหมือนกัน!”
จ้าวเชียนจูนก็เดินเข้ามาเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น “การที่ตระกูลจ้าวขอโทษตระกูลหลิน ก็เพราะว่าได้รับคำสั่งจากเบื้องบน ตระกูลหลินไปล่วงเกินคนใหญ่คนโตเกินกว่าที่พวกนายจินตนาการเอาไว้!”
เมื่อเห็นว่าถังเฉาไม่พูดอะไร หวางเยี่ยคิดว่าเขากลัว จึงชี้นิ้วด่า “เจียมตัวเอาไว้ด้วย รีบคุกเข่าขอโทษฉัน ถ้าฉันอารมณ์ดีจะปล่อยแกไป”
ตอนนี้หน้าประตูบ้านตระกูลซ่งมีคนของตระกูลอื่นมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อเห็นภาพนั้นก็ต่างพากันมองอย่างสะใจ
“นี่ไอ้สวะตระกูลหลินไม่ใช่เหรอ เมื่อห้าปีก่อนเกือบจะได้แต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลซ่ง ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
“ล่วงเกินตระกูลหวาง มันตายแน่ๆ!”
แต่ทว่า ถังเฉากลับมองหวางเยี่ยด้วยสายตาดูหมิ่น เขาไม่ได้พูดอะไร และเดินเข้าไปข้างใน
เฟิ่งหวงเหมือนผู้พิทักษ์ที่ภักดี เธอรีบเดินตามถังเฉาไป
หวางเยี่ยตะลึง จากนั้นรอยยิ้มของเขาก็น่ากลัวขึ้นมา “คิดไม่ถึงว่าจะกล้าบุกเข้ามาในตระกูลซ่งเพียงคนเดียว ไม่เจียมตัวเอาซะเลย งั้นฉันจะสั่งสอนแกแทนตระกูลซ่งเอง!”
พูดจบ บอดี้การ์ดสี่ห้าคนก็พุ่งเข้าไปหาถังเฉา
เหมือนทุกคนเห็นภาพที่ถังเฉาลงไปนอนกองกับพื้นแล้ว
ปักกก
วินาทีต่อมา เฟิ่งหวงเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วและถีบบอดี้การ์ดเหล่านั้น
บอดี้การ์ดของตระกูลหวางถูกถีบทุกคน พวกมันกระเด็นออกไป
หนึ่งในนั้นกระแทกกับหวางเยี่ยและล้มทับเขาเหมือนการแสดงกายบริหารที่คนซ้อนคน จากนั้นก็ไปกระแทกกับผนังที่อยู่ข้างๆ
ขณะนั้นเองเสียงหัวเราะของถังเฉาก็ดังขึ้น
“ถึงแม้จะมีคนนับแสนขัดขวางก็พร้อมจะมุ่งไป ดูสิว่าใครจะขวางฉันได้!”