บทที่ 148 เสียโฉม
“ซุนเสว่ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้”
เมื่อเห็นซุนเสว่ถือมือถือเดินเข้ามาอย่างได้ใจ ฟางหย่าสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “ฉันมาเป็นตัวแทนของบริษัทลี่จิงกรุ๊ป!”
ถังเฉาก็หรี่ตาลงเช่นกัน ความเย็นชาฉายออกมาทางแววตาของเขา ดูเหมือนว่าที่สั่งสอนไปครั้งก่อนคงจะยังไม่พอสินะ
ซุนเสว่มองฟางหย่าเหมือนมองคนปัญญาอ่อนอย่างไรอย่างนั้น เธอพูดขึ้น “ใครว่าฉันมาในนามบริษัทลี่จิงกรุ๊ปกันล่ะ ฉันมาในนามตระกูลซุนต่างหาก!”
“ตระกูลซุน?”
ฟางหย่าอึ้งไป และพูดด้วยสีหน้าสับสน “ตระกูลซุนไหนเหรอ”
“ตระกูลซุน ตระกูลระดับกลางในเมืองหมิงจู!”
เมื่อเห็นฟางหย่าทำเหมือนไม่เคยได้ยินชื่อของตระกูลเธอ ซุนเสว่จึงโมโหจนหน้าดำหน้าแดง
นี่มันตบหน้ากันชัดๆ!
เธอจึงพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ ทีแรกคิดว่าจะตีแสกหน้าฟางหย่าได้ แต่คิดไม่ถึงว่าฟางหย่าจะไม่เคยได้ยิน จู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนอะไรหนักๆ ทุบลงมา
ถังเฉารู้ว่าฟางหย่าไม่เคยได้ยินจริงๆ
เธอเกิดในตระกูลธรรมดา เธอใช้ชีวิตธรรมดาๆ และเรียบง่าย เธอจะไปรู้จักตระกูลในเมืองหมิงจูได้ยังไงกัน
แต่ทว่า ซุนเสว่ไม่ได้คิดเช่นนั้น เธอคิดว่าฟางหย่าจงใจดูถูกเธอ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเคียดแค้น “ฟางหย่า ผู้หญิงต่ำตมแบบเธอกล้ามาดูถูกตระกูลซุน พรุ่งนี้ฉันจะขายรูปภาพนี้ รอเสียชื่อเสียงได้เลย! ฮ่าๆๆๆ”
ฟางหย่าไม่พอใจเป็นอย่างมาก เธอลุกขึ้นจะไปแย่งมือถือของซุนเสว่
ซุนเสว่รีบถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว ฟางหย่าคว้าได้เพียงอากาศ
บวกกับการที่เธอใส้ส้นสูงเจ็ดเซนติเมตร ถ้าถังเฉาไม่ประคองเธอเอาไว้ เธอคงจะล้มไปแล้ว
แชะ!
แสงแฟลชสว่างขึ้น ซุนเสว่แอบถ่ายอีกแล้ว มุมของรูปภาพชวนให้เข้าใจผิดเป็นอย่างมาก มันดูเหมือนถังเฉากำลังเอามือโอบหลังฟางหย่าด้วยท่าทีสนิทสนม
“ซุนเสว่ ฉันไม่เคยล่วงเกินอะไรเธอ ทำไมเธอถึงจ้องแต่จะทำร้ายฉัน!”
ฟางหย่าทั้งอายทั้งโกรธ จนตัวสั่นไปหมด
“ไม่เคยล่วงเกินอะไรฉันงั้นเหรอ”
จู่ๆ สีหน้าของฟางหย่าก็แปรเปลี่ยนเป็นร้ายกาจ น้ำเสียงของเธอเย็นชา “ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันคงไม่โดนประธานหลินต่อว่าถึงขนาดที่ต้องหลุดจากตำแหน่งรองประธาน เธอมันเป็นคนปากหวานก้นเปรี้ยว!”
“เทพธิดาแผนกประชาสัมพันธ์งั้นเหรอ หึหึ น่าขำสิ้นดี อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ว่าเธอใช้อะไรทำให้ผู้ชายพวกนั้นสยบแทบเท้า ก็แค่ถ่างขาไม่ใช่หรือไง…”
“ซุนเสว่ ทำไมเธอถึงพูดกับฉันแบบนี้”
ทำไมร่างกายอันบริสุทธิ์ของฟางหย่าต้องมาโดนดูหมิ่นด้วยคำพูดสกปรกเช่นนี้ เธอโกรธขึ้นมาทันที
“โกรธแล้วงั้นเหรอ”
ซุนเสว่แสยะยิ้ม และมองฟางหย่าอย่างผู้ชนะ “รอให้รูปภาพเผยแพร่ออกไปก่อนเถอะ คนในบริษัทจะได้เห็นธาตุแท้ของเธอ ในเมื่อฉันเป็นรองประธานไม่ได้ เธอก็อย่าหวังว่าจะได้เป็น!”
ฟางหย่ากัดฟันกรอด ดวงตาแดงก่ำ เธอโกรธจนพูดอะไรไม่ออก
ถังเฉาสีหน้าเห็นใจ เขาพูดเบาๆ ว่า “วางใจเถอะ เธอทำเรื่องที่พูดเมื่อครู่ไม่ได้หรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซุนเสว่กำลังจะก่นด่าออกมา แต่ทว่าเมื่อได้สบตากับถังเฉา เธอก็อึ้งไปทันที
ใบหน้าของถังเฉาราวกับมีด สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา โดยเฉพาะดวงตาของเขา มันดำสนิทและลึกลงไป
เมื่อครู่ที่ได้สบตากัน ซุนเสว่รู้สึกเหมือนวิญญาณของเธอถูกกระชากลงไปในห้วงลึกจนไม่มีที่สิ้นสุด เธอไม่อาจถอนตัวขึ้นมาได้
“ลบรูปภาพนั้นภายในสามวินาที”
น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นดั่งสายน้ำ “จากนั้นก็คุกเข่าสำนึกผิด”
ซุนเสว่ตั้งสติได้ เธอมองเขาอย่างดูหมิ่น “นายมันก็แค่ไอ้ละอ่อน มีสิทธิ์อะไรมา…”
“หมดเวลา”
ทันใดนั้น สายตาของถังเฉาเย็นชา “เฟิ่งหวง จัดการ!”
“ค่ะ!”
ความกระหายเลือดฉายออกมาทางแววตาของเฟิ่งหวง
ได้ยินเสียงเพล้งดังขึ้น ขวดเหล้าเหมาไถที่วางไว้บนโต๊ะถูกเฟิ่งหวงทุบจนแตก
เสียงดังจนเรียกความสนใจจากคนในงาน
โต๊ะที่มีผู้นำตระกูลนั่งอยู่ทั้งสองโต๊ะต่างพากันหันมาดู วินาทีที่เห็นถังเฉา สีหน้าของทั้งสองก็เปลี่ยนไปทันที
“ไอ้สวะนั่นนี่นา!”
เป็นหวางหมิ่นเหมินกับจ้าวลิ่ว
เฟิ่งหวงหยิบเศษแก้วที่แตกขึ้นมาหนึ่งชิ้น เธอหายวับไปจากตรงนั้น
วินาทีต่อมา เธอก็ปรากฏตัวตรงหน้าซุนเสว่ราวกับเป็นผีอย่างไรอย่างนั้น เธอแย่งมือถือมาจากมือของซุนเสว่ จากนั้นก็บีบมันจนแตก
ขณะเดียวกัน เศษแก้วที่อยู่ในมือก็ปาดไปที่ใบหน้าของซุนเสว่
ฟึบบบ
ทันใดนั้นใบหน้าของซุนเสว่เต็มไปด้วยรอยเลือด หน้าของเธอเสียโฉม!
ฟัวหย่าตกใจจนยกมือขึ้นมาปิดปากไว้ ซุนเสว่เสียโฉมแล้ว
ผัวะ
เฟิ่งหัวไม่หยุดเพียงแค่นั้น เธอยกขาเตะไปที่ตัวของซุนเสว่ จนตัวของเธอลอยออกไปกระแทกกับโต๊ะที่ตั้งอยู่ไม่ไกล จนทำให้โต๊ะนั้นพังทลาย
อาหารอันโอชะที่วางอยู่บนโต๊ะหล่นลงมาเต็มพื้น จานชามแตกกระจาย
ความเงียบปกคลุมไปทั่ว
ทุกคนต่างพากันมองเฟิ่งหวงอย่างตกตะลึง
หวางหมิ่นเหมินกับจ้าวลิ่วถึงกับมุมปากกระตุก หวางหมิ่นเหมินเคยเห็นความแข็งแกร่งของเฟิ่งหวง แต่จ้าวลิ่วเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก ลึกๆ ในใจของเขาเกิดความกลัวขึ้นมา
“เสี่ยวเสว่!”
เมื่อความเงียบผ่านไป ก็มีเสียงแหลมดังขึ้นมา
โต๊ะตัวที่พังลงมา เป็นโต๊ะของตระกูลซุนพอดี ผู้หญิงท่าทางดูดีรีบเข้าไปหาซุนเสว่ เธอร้องเหมือนจะเป็นจะตาย
ส่วนคนในตระกูลซุนคนอื่นๆ ต่างโกรธจนหน้าดำหน้าแดง และเดินเข้ามาหาถังเฉา “แกเป็นใคร ทำไมถึงทำร้ายลูกสาวฉัน!”
ฟางหย่ามองถังเฉาอย่างเป็นกังวล เธอรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
แต่ถังเฉากลับนั่งอยู่ที่เดิมอย่างสุขุม เขาช้อนตาขึ้นมองผู้นำตระกูลซุน “ลูกสาวของคุณแอบถ่ายพวกเรา แถมยังพูดจาหมิ่นประมาทอีกด้วย ผมแค่สั่งสอนเธอเล็กน้อยเท่านั้น”
“แกก็เลยให้บอดี้การ์ดของแก ทำให้เธอเสียโฉมอย่างนั้นเหรอ” ซุนยู่เฟิง พูดออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ให้โอกาสเธอคุกเข่าสำนึกผิดแล้ว แต่เธอไม่ทำ”
โอหังสิ้นดี!
ซุนยู่เฟิงโกรธจนตัวสั่น เขาแทบอยากจะฉีกถังเฉาเป็นชิ้นๆ
แต่ทว่า เมื่อนึกได้ว่าที่นี่คือถิ่นของตระกูลซ่ง อีกทั้งนังแม่มดที่โหดเหี้ยมนั่นก็จะมาถึงแล้ว ซุนยู่เฟิง จึงทำได้เพียงเก็บความโกรธเอาไว้ “แกกล้าเหิมเกริมในถิ่นของตระกูลซ่ง ตระกูลซ่งต้องจัดการแกแทนฉันแน่นอน!”
พูดจบ เขาก็รีบพาคนในตระกูลซุนออกจากงานและไปโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว
“ตระกูล..ซ่งงั้นเหรอ”
ถังเฉาไม่มีแม้แต่ความกลัว แถมยังยิ้มออกมาอย่างสบายใจ
เขาเฝ้ารอที่จะได้เจอกับซ่งหรูอี้อีกครั้ง
ตัวแทนของตระกูลที่อยู่ในงาน ต่างรู้สึกเย็นยะเยือก และพากันเดาว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นใคร
กล้าเหิมเกริมในถิ่นของตระกูลซ่งเช่นนี้ หรือจะเป็นคนของ ตระกูลเหยียน、ตระกูลต่งหรือตระกูลเสิ่น
แต่ไม่นานทุกคนก็หยุดความคิดนี้
สี่ตระกูลเศรษฐี ต่างหวาดกลัวซึ่งกันและกัน ถึงจะเป็นคนของสามตระกูลเศรษฐี ก็ไม่กล้ามาเหิมเกริมที่ถิ่นของตระกูลซ่งอย่างแน่นอน
“เอาความเหิมเกริมที่ไม่เห็นตระกูลซ่งอยู่ในสายตาเก็บไว้ก่อนเถอะ ไม่งั้น อาจจะตายอย่างน่าเวทนา…”
นี่คือความคิดในใจของทุกคน ยกเว้นตระกูลหวางและตระกูลจ้าว
หวางหมิ่นเหมินกับจ้าวลิ่วดวงตาเป็นประกาย ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่
เมื่อฟางหย่าตั้งสติได้ เธอมองถังเฉาอย่างเป็นกังวลแล้วพูดว่า “คุณถัง คุณรีบไปจากที่นี่เถอะ ไม่งั้นถ้าคนของตระกูลซ่งมาถึง คุณจะออกไปไม่ได้อีก”
สีหน้าของถังเฉายังคงเรียบเฉย แถมยังรินชาหลงจิ่งให้ตัวเองและยกขึ้นจิบอีกต่างหาก
“ออกไปงั้นเหรอ พวกนายจะไปไหนล่ะ”
ขณะนั้นเอง มีเสียงอันน่ากลัวดังขึ้นมา
ชายหน้าตาหล่อเหลาพาคนของตระกูลซ่งเดินเข้ามา
สายตาของพวกเขามองมาที่ถังเฉา!