บทที่ 162 สองทางเลือก
สตาร์ทเครื่องยนต์ หมุนมาสุดแรง ความร้อนของรถทำเอาล้อหลุดลงพื้น แถมยังได้กลิ่นไหม้เกรียม
ทั้งหมดนี้ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อจิตวิญญาณของซุนหมิงเทา เขาตกใจจนดวงตาเบิกกว้าง พอตื่นเต้น เป้ากางเกงของเขาเปียกและเป็นสีเหลือง ตกใจถึงกับปัสสาวะออกมา
ตรงทางเข้าประตูโรงเรียนอนุบาลผู้ปกครองและเด็กๆ ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน
ระยะทางสั้นๆ กับความเร็วที่รวดเร็วเช่นนี้ ตามหลักแล้ว ไม่สามารถเบรกได้
แต่ชายคนนี้ควบคุมความเร็วของรถได้อย่างกะทันหัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าทักษะการขับขี่ของเขามาถึงจุดที่มีทักษะการขับรถที่ยอดเยี่ยมแล้ว
ราวกับสังเกตเห็นการจ้องมองของผู้คนรอบๆ ถังเฉากวาดสายตามองอย่างนิ่งๆ ทันใดนั้น ผู้ปกครองพวกนั้นต่างก็พาลูกจากไป
ไม่ถึงหนึ่งนาที หน้าทางเข้าโรงเรียนอนุบาลก้ไม่มีใครอยู่แล้ว
ถังเฉาลงจากรถและมองลงไปทางซุนหมิงเทา
ในที่สุดซุนหมิงเทาก็ได้สติกลับมา ทั้งกลิ้งทั้งคลานออกมาจากใต้ท้องรถ กำลังเตรียมตัวจะคลานหนี
แต่พึ่งคลานได้แค่หนึ่งเมตร หลังก็ถูกขาข้างหนึ่งเหยียบไว้
“อย่า อย่าฆ่าผม … ”
ซุนหมิงเทาตกใจจนตัวสั่น ไม่มีแรงแม้แต่จะคลาน
ดวงตาของถังเฉาฉายแววที่เย็นชาออกมา “เมื่อกี้ มันเป็นเพียงแค่การตักเตือน บอกผมมาทำไมต้องลงมือกับลูกสาวผม ผมไม่ทำร้ายชีวิตคุณ!”
“ผม ผมแค่บังเอิญผ่านมา … ”
ซุนหมิงเทา เงยหน้าขึ้นมองถังเฉาและพูดอย่างสั่นคลอ
ดวงตาของถังเฉาเย็นชา เขาขึ้นรถอีกครั้งถอยกลับอย่างรวดเร็ว จากนั้นเล็งไปที่ซุนหมิงเทาและเหยียบคันเร่ง
บรึ้น —-
ได้ยินเพียงแค่เสียงที่ทำให้ร่างกายหนาวสั่น ขาของซุนหมิงเทาถูกล้อรถทับหัก
“อ้าก……”
เขาส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดทรมาน ชักกระตุกไปทั้งตัว เหงื่อเม็ดใหญ่เท่าถั่วไหลลงจากหน้าผาก
ถังเฉาไขหน้าต่างรถลงแล้วมองไปที่ซุนหมิงเทาที่ถูกทับอยู่ใต้รถและพูดว่า “ผมไม่มีความอดทนมากขนาดนั้น ถ้าหากคุณยังโกหกหรือไม่พูดผมจะบดขยี้ต้นขาอีกข้างของคุณ”
สายตาซุนหมิงเทาขัดแย้งกัน แต่ก็ยังคงนิ่งเฉย
ระหว่างที่ซุนหมิงเทานิ่งเฉย ถังเฉาก็ขยับพวงมาลัยและล้อที่ทับขาซ้ายของซุนหมิงเทากำลังขยับซ้ายขวา
บรึ้นๆ …
เดิมทีกระดูกที่แหลกอยู่แล้ว ยิ่งถูกบดให้ละเอียดมากขึ้น
ซุนหมิงเทาทุบที่พื้นอย่างเจ็บปวด “ผมพูดผมพูด!”
ถังเฉาถึงจะยอมหยุด และมองเขาอย่างนิ่งๆ
“พ่อผมให้ผมทำแบบนี้”
ซุนหมิงเทาอ้าปากค้างเมื่อเขาพูดว่า “คุณทำลายใบหน้าของพี่สาวผมพัง เท่ากับทำลายเขาชั่วชีวิต เขาก็อยากจะให้คุณได้ลิ้มรสรสชาตินี้”
หยุดชะงักไปชั่วขณะ แล้วซุนหมิงเทาก็พูดต่อ “เขาไปสืบรู้ว่าคุณมีครอบครัวแล้ว ยังมีลูกสาวคนหนึ่งที่กำลังเรียนอนุบาล เพราะฉะนั้น… จึงให้ผมขับรถชนลูกสาวคุณ แต่ไม่ต้องให้ถึงตาย แค่ชนให้พิการก็พอ”
ตูม!
ในขณะที่คำพูดพวกนี้จบลง ทั้งร่างของถังเฉาพุ่งระเบิดความเยือกเย็นออกมา น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นทิ่มแทงใจ “เสี่ยวลี้เธอพึ่งจะอายุเพียงห้าขวบ เธอยังเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง คุณใจดำพอที่จะจัดการกับเด็กอายุห้าขวบ ไร้มโนธรรมจริงๆ!”
“ ไร้มโนธรรม?!”
เมื่อเผชิญกับความอาฆาตของถังเฉา ซุนหมิงเทาไม่รู้ว่าเอาความกล้าหาญมาจากไหน หัวเราะอย่างเย็นชา “คุณทำลายหน้าพี่สาวของผมแบบนี้ ทำไมคุณถึงไม่รู้สึกไร้มโนธรรม? ทำเป็นมาสอนคนอื่น!”
“ คุณไปถามซุนเสว่เอง ว่าได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไรลงไป”
สายตาถังเฉาเย็นชา พูด “ทั้งหมดนี้ เธอหาเรื่องใส่ตัวเอง”
“ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ เรื่องที่ตระกูลซุนเราทำไป ก็ยังมีดีอยู่บ้าง เพียงแค่ล้มเหลวเท่านั้น”
ไม่รู้ว่าเพราะความเจ็บหรือเพราะความโกรธ ใบหน้าของซุนหมิงเทาเต็มไปด้วยความดุร้าย “ครั้งแรกล้มเหลวยังมีครั้งที่สอง ครั้งที่สองล้มเหลวยังมีครั้งที่สาม เวลาอีกยาวไกล ต้องมีสักครั้ง คุณจะต้องเสียใจกับเรื่องนี้”
ถังเฉาส่ายศีรษะ แววตานิ่งเฉยมองไปที่ซุนหมิงเทา “คุณผิดแล้ว ผมทำอะไร ไม่เคยทิ้งร่องรอย ในเมื่อผมพบเห็นแล้ว ตระกูลซุน ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อไปอีก”
ติ๊ด —-
ทันทีที่สิ้นเสียง เขาก็ถอยรถไปข้างหลังเล็งไปที่ขาขวาของซุนหมิงเทาแล้วขับทับขาขวา
บรึ้น —-
กระดูกขาขวาของซุนหมิงเทาก็แหลกเป็นเสี่ยงๆ
“ในเมื่ออยากให้ลูกสาวผมพิการ ผมก็จะทำให้คุณพิการก่อน”
ถังเฉาจ้องมองซุนหมิงเทาที่หมดสติไปด้วยความเจ็บปวดด้วยสายตาที่เย็นชา ดวงตาของเขาเรียบเฉยราวกับว่าไม่มีความเป็นคน
“คุณพ่อ!”
ทันใดนั้น มีเสียงร่าเริงแว่วมาจากไม่ไกล
ในแววตาที่เย็นชาของถังเฉาหายไปทันที แล้วแทนที่ด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน
หันศีรษะไปมอง เห็นถังเสี่ยวลี้ จูงมือเฟิ่งหวง วิ่งอย่างรวดเร็วมาทางถังเฉา
ในมือถืออมยิ้มสีรุ้งไว้และสวมเขากวางประดับสองอันที่ศีรษะ ราวกับเทพธิดากวาง น่ารักมาก
บนศีรษะเฟิ่งหวงยังสวมเครื่องประดับเขากวางเช่นกัน ดูจากขนาดใหญ่เล็กน่าจะเป็นคู่กัน เพียงแต่ สีหน้าไม่ค่อยธรรมชาติ
ดูแล้ว ช่วงที่อยู่กับเด็ก เฟิ่งหวงคงถูกถังเสี่ยวลี้ ‘ทำแล้วทำเล่า’กลิ้งไปกลิ้งมา
ถังเฉายื่นมือกอดถังเสี่ยวลี้ไว้ในอ้อมอก จากนั้นหันไปมองเฟิ่งหวง ทันใดนั้นก็พูดขึ้นว่า “จริงๆอันนี้ก็เหมาะกับคุณมากนะ”
“… ”
เฟิ่งหวงจับเขากวางบนศีรษะโดยไม่รู้ตัวและหน้าแดงขึ้น
“คุณพ่อ เราจะไปที่ไหนกันต่อคะ?”
เด็กน้อยตัวเล็กแต่ใจใหญ่นะ แนบอยู่ที่อ้อมอกของถังเฉาแล้วถามขึ้น
“ พ่อจะพาไปดู‘สวนสัตว์’ ”
ถังเฉาลูบศีรษะของถังเสี่ยวลี้ อย่างเอ็นดู ในแววตาลึกๆ กลับเผยความเยือกเย็นและความน่ากลัวออกมา
“ ไปตระกูลซุน”
“ค่ะ!”
เมื่อนึกถึงตอนที่ถังเสี่ยวลี้ เกือบจะถูกรถชน เฟิ่งหวงก็ดูสีหน้าเย็นชา
…
ในเวลาเดียวกัน ตระกูลซุน
แม้ว่าตระกูลซุนจะเป็นตระกูลหมิงจูระดับกลาง แต่พวกเขาก็มีคฤหาสน์ของตัวเองเช่นกัน
ในขณะนี้ ทายาทสายตรงของตระกูลซุนทั้งหมดล้อมอยู่เตียงผู้ป่วยสีขาวราวกับหิมะ ผู้หญิงคนหนึ่งก็เอนกายอยู่ในอ้อมแขนของผู้นำตระกูลซุนซุนยู่เฟิง เสียงของเธอต่ำและโหดเหี้ยม
“ ฉันอยากให้เขาตาย … ฉันอยากให้เขาตาย!”
ถ้าหากอยู่ใกล้ๆจะพบว่าทั้งศีรษะถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาวราวกับหิมะ เห็นแค่ดวงตาคู่เดียว ซึ่งดูเหมือนมัมมี่ที่น่ากลัว
คนที่ทำร้ายโฉมหน้าเธอไม่ใช่ถังเฉา แต่เป็นเฟิ่งหวง แต่ซุนเสว่เอาแค้นนี้ลงกับถังเฉา
ซุนยู่เฟิง รีบพูดว่า “เสี่ยวเสว่ เธอวางใจ พ่อให้หมิงเทาไปจัดการลูกสาวเขาแล้ว พ่อจะให้เขาลิ้มรสการสูญเสียลูกสาวของเขา!”
ตูม!
ทันทีที่พูดจบ ด้านนอกคฤหาสน์ตระกูลซุน มีเสียงดังลั่นดังเข้ามา
ทุกคนมองออกไปนอกหน้าต่าง ทันใดนั้นดวงตาของพวกเขาก็เบิกตากลมโต
รถMagotan สีดำพุ่งเข้ามา ประตูของคฤหาสน์เหมือนกระดาษ ถูกชนจนกระเด็นออกไป
“ใคร!”
ซุนยู่เฟิงโกรธมากแม้ว่าตระกูลซุนของเขาจะไม่ใช่ตระกูลอันดับต้นๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าใครจะมาบดขยี้ได้
เขาพากองกำลังพุ่งออกไป เห็นแค่ประตูรถเปิดออก ชายหญิงคู่หนึ่งแววตาเย็นชาก้าวออกมาจากรถ
ชายคนนั้นจูงมือเด็กหญิงตัวเล็กๆที่งดงามมาด้วยคนหนึ่ง ตกอยู่ในสายตาของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์แต่ไม่มีความรู้สึกว่าคุ้นเคยเลยสักนิด
“ เสี่ยวลี้ รอสักครู่นะ”
ถังเฉาพูดกับถังเสี่ยวลี้ อย่างอ่อนโยน จากนั้นค่อยๆหันศีรษะ
ในขณะนี้ ในดวงตาของเขาสะท้อนความอาฆาต บ้านใหญ่ตระกูลซุนทั้งหมด สะท้อนเสียงพูดของถังเฉาที่เยือกเย็น
“ทุกคนในตระกูลซุน จะยอมจำนน หรือจะ … ตาย!”