บทที่ 169 ลูกสาวหญิงแซ่จ้าว
ผู้หญิงที่ใส่กระโปรงแดงผมหยิกคนนี้ไม่ใช่คนอื่น ก็คือก่อนหน้านั้นขับรถสปอร์ตแบบเดียวกับหลินฉ่ายเวย แถมยังเป็นสาวนักซิ่งที่ชูนิ้วกลางให้กับพวกเขา
ถังเฉาแค่มองก็รีบหลบสายตาทันที
ร่างกายที่ร้อนแรงและท่าทางที่ดูสวยงามน่ารัก พูดได้ว่า ผู้หญิงแบบนี้เป็นสไตล์ที่ผู้ชายทุกคนใฝ่ฝันจริงๆ
แต่สาวนักซิ่งก็มองเห็นถังเฉากับหลินฉ่ายเวย มองข้ามหลินฉ่ายเวยไปเลย แววตาที่มีเสน่ห์จ้องตรงไปที่ถังเฉา ระหว่างที่กวาดสายตา ไม่ปิดบังความรู้สึกที่มีต่อเขาสักนิด
กระทั่งหันศีรษะไป พูดคุยบางอย่างกับเย่เทียนหลงที่อยู่ข้างๆ
หลังจากนั้น เย่เทียนหลงก็มองมาทางนี้ ช่วงวินาทีที่เห็นถังเฉา สีหน้ารีบเปลี่ยนเป็นเคารพนับถือทันที
ถังเฉาค่อยๆหรี่ตาขึ้น จ้องมองไปที่เย่เทียนหลงกับสาวนักซิ่งคนนั้น เขาไม่รู้สึกแปลกใจกับการมาของเย่เทียนหลง ก็เพราะว่าเขาเป็นคนให้เย่เทียนหลงมาเอง แต่สิ่งที่เขาสนใจก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเย่เทียนหลงกับสาวนักซิ่งคนนั้น
สาวนักซ่งดูเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นก็หัวเราะขึ้นมา
วินาทีต่อมา เธอก็ยกนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ขึ้นมาทำเป็นรูปยืน ยิงมาที่หัวใจของถังเฉา
ริมฝีปากสีแดงเปิดออกเล็กน้อย ยังใช้ริมฝีปากพูดอะไรบางอย่าง
สีหน้าของถังเฉาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดูออกว่าเธอกำลังพูดอะไร
สิ่งที่เธอพูดคือ “ปัง —-”
ชื่อเสียงของการมาถึงของตระกูลเย่ ก็ดึงดูดความสนใจของตระกูลเจิ้ง ทุกตระกูลที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลเจิ้ง ไม่มีใครที่สีหน้าไม่เปลี่ยน
ตระกูลเย่และตระกูลจ้าว อยู่ในตระกูลชั้นต่ำเดียวกัน แล้วที่ตระกูลเจิ้งดูถูกที่สุดก็คือตระกูลชั้นต่ำ
ทันใดนั้น ใบหน้าของเจิ้งหลินก็เย็นชาลงอย่างรวดเร็ว
ในฐานะผู้นำคนต่อไป เขาต้องเป็นคนนำที่ใช้ได้ ดังนั้น เขาจึงรีบเดินไปทางตระกูลเย่
“ เย่เทียนหลง ตระกูลเจิ้งเราไม่เคยเชิญคุณ คุณถึงขนาดกล้ามาทั้งที่ไม่ได้รับเชิญ!”
ตามด้วยเสียงโห่ร้องดังขึ้น บรรยากาศที่พึ่งสงบ มีแนวโน้มที่จะทะเลาะกันอีกครั้ง
“วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีของนายท่านเจิ้ง ในฐานะที่ตัวผมเป็นคนรุ่นหลัง แสดงน้ำใจบ้าง ทำไมถึงไม่ได้?”
เย่เทียนหลงไม่สะเทือนกับการกระทำของเขาสักนิด ยกเปลือกตาขึ้น กวาดสายตาไปที่เจิ้งหลินอย่างนิ่งเฉย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เจิ้งหลงไม่ได้อยู่ในสายตาเขาสักนิด
“ แสดงน้ำใจ?”
เจิ้งหลินเหลือบมองไปที่ผู้คนจำนวนมากที่อยู่ด้านหลังเย่เทียนหลงและหัวเราะอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาแสดงน้ำใจ ทำไมถึงพาคนมามากมาย ผมว่าคุณไม่ใช่อยากมาแสดงน้ำใจหรอก แต่ตั้งใจที่จะมาสู้กันมากกว่า!”
“ตรงกันข้าม คนสำคัญในเมืองหมินจูอย่างนายท่านเจิ้ง พวกเราตระกูลเย่เป็นตระกูลชั้นต่ำ ก็มีจิตใจที่ชื่นชมนายท่านเจิ้งเช่นกัน คนเยอะ ความจริงใจก็มาก!”
เสียงที่เสน่ห์แพรวพราวแว่วมา ผู้หญิงชุดแดงข้างๆเย่เทียนหลงหัวเราะคิกคัก และพูดอย่างใจเย็น
ในขณะที่เห็นหญิงสาวในชุดสีแดง ดวงตาของเจิ้งหลินก็ตกใจ แต่พอนึกถึงสถานการณ์ในขณะนี้ แต่เขาก็ยังบังคับความร้อนรนในใจของเขา และพูดด้วยเสียงต่ำว่า “คุณเป็นใคร?”
ชั้นล่างที่มีชื่อเสียงในเมืองหมินจู ก็คือตระกูลเย่กับตระกูลจ้าว เพียงแต่ ไม่ว่ายังไงตระกูลเย่กับตระกูลจ้าว ก็ไม่มีผู้หญิงคนนี้
“คิกคิก”
หญิงสาวในชุดสีแดงยิ้มอย่างมีเสน่ห์ จับแขนของเย่เทียนหลงและพูดอย่างขี้เล่นว่า “ฉันเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ไหนจะทำให้คุณเจิ้งจำได้?”
ท่าทีนี้ทำให้เจิ้งหลินขมวดคิ้ว ในใจเดาว่า น่าจะเป็นประเภทคนรักของเย่เทียนหลง
เย่เทียนหลงขมวดคิ้วของเขามากกว่าเจิ้งหลิน อยากดึงมือออกจากอกของหญิงสาวชุดแดง แต่กลับถูกเธอจ้องด้วยสายตาที่ดุ ยังหยิกที่เอวเขาแรงๆ ทำเอาเย่เทียนหลงเจ็บจนบิดดเอว
ทุกๆรายละเอียดอยู่ในสายตาถังเฉาหมด หรี่ตาแล้วจ้องมองที่เธอ ผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็น…
“ ไม่ว่ายังไง พวกคุณตระกูลเย่ก็เป็นส่วนที่อันตราย ไม่อนุญาตให้เข้า!”
เจิ้งหลินไม่ยอมอ่อนข้อ พูดด้วยเสียงต่ำ
“ เสี่ยวหลิน”
ในขณะนี้ เจิ้งเทียนเฉิงพูดด้วยเสียงเบา เดินเข้ามา “ทุกคนที่มาที่นี่คือแขก ห้ามเสียมารยาท!”
ตามด้วย ยื่นไวน์ให้เย่เทียนหลงหนึ่งแก้ว “หมาน้อยบุ่มบ่ามไปหน่อย อย่าไปถือโทษเลย ตัวผมใช้ชาแทนเหล้า ชนกับเจ้านายเย่หนึ่งแก้ว หวังว่าต่างฝ่ายต่างไม่ถือสากัน”
“ยังคงเป็นนายท่านเจิ้งที่มีเหตุผล”
เย่เทียนหลงยิ้มเล็กน้อย หยิบแก้วมา แล้วดื่มทีเดียวหมดแก้ว
เจิ้งเทียนเฉิงมองไปที่เจิ้งหลินและตะโกนเสียงดังว่า “ยังไม่รีบไปหาที่นั่งให้เจ้านายเย่!”
เจิ้งหลินจ้องมองไปที่เย่เทียนหลง แต่ไม่กล้าขัดคำสั่งของปู่ เขากำลังจะหาที่นั่งให้เย่เทียนหลง เย่เทียนหลงกลับปฏิเสธตรงๆ “ไม่ต้องแล้ว!”
พูดจบ ก็เดินไปอีกทาง
โจวฉวนกั๋ว โจวเหม่ยหยูน โจวเหม่ยหลินต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ตื่นเต้นมาก
“ เจ้านายเย่ นี่ท่าน… ”
โจวฉวนกั๋วรีบลุกขึ้นเพื่อทักทาย มองไปที่เย่เทียนหลงอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
“ไอ้แก่โจว รวมโต๊ะกับพวกเรา ไม่ถือสาใช่ไหม?” เย่เทียนหลงถามขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนในตระกูลโจวยิ่งกดดันมากขึ้น แต่เนื่องจากอิทธิพลของตระกูลเย่ พวกเขาจึงไม่กล้าปฏิเสธ
“ไม่ ไม่ถือสา”
เย่เทียนหลงก็ไม่ได้แค่พูดเปล่าๆ แต่นั่งลงไปเลย
“คุณถัง ชนกับท่านสักแก้ว”
เขายกแก้วไวน์ขึ้น และพูดด้วยความเคารพต่อถังเฉา
ท่าทีนี้ ทำให้ทุกคนในตระกูลโจตกตะลึงทันที โจวฉวนกั๋ว โจวเหม่ยหยูนยิ่งมองไปที่ถังเฉาอย่างคาดไม่ถึง
ผู้นำตระกูลเย่ รู้จักไอ้ขยะนี่ได้อย่างไร?
ถังเฉาไม่ได้พูดสักคำ แต่พยักหน้าด้วยความยินดี ชนกับเย่เทียนหลงสักหน่อย
เป็นเพียงการกระทำที่เรียบง่าย ก็ทำให้เย่เทียนหลงมีความสุขมาก และมองไปที่หญิงสาวชุดแดง “เย็นหรานนี่ก็คือคุณถังที่พูดถึงตลอด ยังไม่รีบชนกับเขาสักแก้ว”
หญิงสาวชุดสีแดงไม่แสดงสีหน้าใดๆ “ฉันไม่ชนแก้วกับผู้ชายขี้เหนียว!”
ผู้ชายขี้เหนียว?
ทันใดนั้น เย่เทียนหลงก็ตกใจเหงื่อแตกเต็มศีรษะ
ถังเฉาก็ส่งเสียงหัวเราะขื่นๆออกมา ชัดเจนเลยว่าเธอยังจำได้ที่ตัวเองแซงรถของเธอ?
“หาเรื่องจริงๆ!”
เย่เทียนหลงกำลังจะดุ แต่ถังเฉากลับโบกมือ แล้วถามขึ้น “ชั่งเถอะ เธอคือผู้หญิงของคุณ?”
เหมือนกับคนส่วนใหญ่ ถังเฉาก็รู้สึกว่าหญิงสาวชุดแดงเป็นผู้หญิงของเย่เทียนหลง แต่ว่าสีหน้าเย่เทียนหลงกับหญิงสาวชุดแดง รีบถอยเว้นระยะห่างทันที
หญิงสาวชุดแดงจ้องเย่เทียนหลงด้วยสายตาดุดัน ราวกับว่าเย่เทียนหลงกำลังเอาเปรียบเธอ
“คุณถังคุณเข้าใจผิดแล้ว”
เย่เทียนหลงส่งเสียงหัวเราะขื่นๆออกมา แล้วพูดว่า “เธอเป็นน้องสาวของผมจ้าวเย็นหราน ”
ฟังเย่เทียนหลงพูดอย่างนี้ หญิงสาวชุดแดงถึงจะอ่อนโยนลงหน่อย
ถังเฉามองเธอด้วยความประหลาดใจ จากนั้นถามอย่างแปลกใจ “ในเมื่อเธอเป็นน้องสาวของคุณ ทำไมคุณแซ่เย่ เธอแซ่จ้าว?”
“… ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เย่เทียนหลงกับจ้าวเย็นหรานสายตาเปลี่ยนสี ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้
เย่เทียนหลงหันกลับมามอง เพื่อขอความยินยอมจากเธอ
จ้าวเย็นหรานลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเธอก็โบกมือ “คุณจะพูดก็พูดไปเถอะ ยังไงก็ปิดได้ไม่นาน
เย่เทียนหลงมองไปที่ถังเฉา แล้วถอนหายใจ “คุณถัง เรื่องนี้พูดแล้วยาว พูดง่ายๆก็คือ ผมกับจ้าวเย็นหรานต่างก็เป็นลูกของประธานจ้าว”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา สายตาของถังเฉาก็เปลี่ยนไปอย่างจริงจัง
คนอื่นฟังไม่ออกของความหมายของคำพูดนี้ แต่เขากลับฟังเข้าใจ
ตอนจ้าวลิ่วเป็นหนุ่มเจ้าชู้มาก มีลูกนอกสมรสมากมาย แต่มีเพียงลูกสาวคนเดียวที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข
ความสัมพันธ์ระหว่างลูกสาวคนนี้กับจ้าวลิ่วตึงเครียดสุดๆ หรือว่า ก็คือคนนี้?
ถังเฉาไม่ได้ถามต่อ หนึ่งนี่เป็นความลับในครอบครัวของเขา เขาไม่เหมาะที่จะถามมากไปกว่านี้ สองคือ นายท่านเจิ้งกำลังเดินมาทางนี้แล้ว
โจวฉวนกั๋ว โจวเหม่ยหยูน โจวเหม่ยหลินต่างก็ร้อนรนจนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะ แต่ว่าหนีไม่พ้นแล้ว ได้แต่ลุกขึ้นยืน บากหน้าพูดว่า “ขอให้นายท่านเจิ้งโชติช่วงชัชวาล ก้าวหน้ายิ่งขึ้น!”
“ขอบคุณทุกท่าน”
นายท่านเจิ้งหัวเราะอย่างเต็มที่และดื่มไวน์จนหมดแก้ว
แต่ว่า หลังจากดื่มหมดก็ไม่ได้จากไปเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ยืนอยู่กับที่แล้วสังเกตทุกคนในตระกูลโจว
ในความผันผวนของนัยน์ตา มีความสงสัยและสัมผัสถึงความดุเดือด
สักพัก เขาก็ค่อยๆพูดว่า “นานแล้วนะที่ไม่ได้เจอหลานที่ดีอีกคนของผมเสี่ยวฮ่าว ก่อนหน้านี้ผมแนะนำเขาให้กับฉ่ายเวย ของบ้านพวกคุณ ทำไมวันนี้ไม่เห็นเขามา?”