บทที่ 170 จะฆ่าจะแกง
นายท่านเจิ้งดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่าง ในน้ำเสียงที่ต่ำ มีอาฆาตที่แทรกซึมอยู่นิดๆ
ทุกคนในตระกูลโจวตัวสั่นไปหมด หน้าซีดราวกับกระดาษ ถึงกับกลั้นหายใจ ไม่กล้าหายใจแรงๆออกมา
ตระกูลเจิ้งไม่ใช่คนโง่ ไม่มีข่าวของเจิ้งฮ่าวมาสักพักหนึ่งแล้ว เรียกฟ้าฟ้าไม่ตอบ เรียกดินดินไม่ขาน ดูแล้วน่าจะร้ายมากกว่าดี
แล้วทำไมตระกูลเจิ้งต้องเชิญตระกูลโจวหล่ะ?
เพราะว่าพวกเขาไม่มีหลักฐานว่าตระกูลโจวฆ่าเจิ้งฮ่าว เพราะฉะนั้นนายท่านเจิ้งต้องได้ยินตระกูลโจวสารภาพกับปากตัวเองเรื่องอาชญากรรมนี้
นี่เป็นงานเลี้ยงที่มีเลศนัยแอบแฝง วางแผนลอบสังหาร เช่นเดียวกับหลิวปัง!
คำพูดนี้ของเขาไม่หนักไม่เบา ดังพอดีที่จะทำให้แขกทุกคนได้ยิน ทันใดนั้น ทั้งงานกลายเป็นเงียบสงบ ทุกคนได้กลิ่นไอของความอัดอั้นตันใจที่พัดโชยมา
สายตาของถังเฉา ก็ค่อยๆหรี่ขึ้น นัยน์ตามีความคมกริบผ่านไปอย่างรวดเร็ว
อะไรควรมา ก็มาแล้ว
โจวฉวนกั๋วรีบมองไปที่โจวเหม่ยหยูนทันที แสร้งทำเป็นหนักแน่นแล้วพูด “เหม่ยหยูน เธอมาพูด”
ความคิดของโจวฉวนกั๋วนั้นง่ายมาก
โจวเหม่ยหยูนถูกผลักออกไปอย่างกะทันหัน รู้สึกตกใจ ตระกูลหลินเป็นสาขาหนึ่งของตระกูลโจว ถ้าหากเรื่องมันถึงขั้นที่ไม่สามารถควบคุมได้ พร้อมที่จะสลัดตระกูลหลินทันที เพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ของตระกูลโจว พูดอย่างๆติดขัดๆ “คือว่า … เจิ้งฮ่าวเขา … ”
“เขาเป็นอะไร?”
เจิ้งเทียนเฉิงจ้องมองโจวเหม่ยหยูนอย่างเย็นชาและจี้ถามว่า “ระยะเวลานี้ผมคิดถึงเขามาก แม้แต่ในฝันก็เรียกชื่อเขา โลกภายนอกมันวุ่ยวายมาก ผมกลัวว่าเขาจะถูกคนที่มีจิตใจชั่วร้ายทำร้ายเอา—- ”
บรรยากาศในงานตอนนี้น่าอึดอัดมาก ราวกับว่าอากาศแข็งตัวไปครึ่งหนึ่ง ทำให้ผู้คนหายใจลำบาก
บางตระกูลถึงกับถอยไปข้างหลังสองสามก้าว เกรงว่าจะปะทะกัน
เย่เทียนหลงกับจ้าวเย็นหรานค่อยๆหรี่ตามองไปที่เจิ้งเทียนเฉิง แต่ไม่ได้มีความรู้สึกกลัว
เมื่อเห็นว่าเขายังไม่พูด เจิ้งเทียนเสียงก็เปลี่ยนสีหน้าอย่างเศร้าโศกและพูดว่า “พวกคุณวางใจพูดได้เต็มที่เลย ตระกูลโจวเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจที่สำคัญของตระกูลเจิ้ง ถ้าหากเสี่ยวฮ่าวเกิดเรื่องจริงๆ ผมก็ไม่ถือโกรธพวกคุณหรอก”
“คนที่ผมรักที่สุดก็คือหลานชายสองคนนั้น ไม่ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่หรือตาย พวกคุณควรจะบอกผมตามตรง!”
เจิ้งเทียนเฉิงน้ำตาไหล คุกเข่าลงกับพื้นท่าทางเหมือนเป็นห่วงหลานชายมาก
ท่าทางของเจิ้งเทียนเฉิงทำให้ทุกคนในตระกูลโจวต่างก็ตื้นตันใจ ลังเลสักพัก แล้วพูดออกมาว่า “นายท่านเจิ้ง ท่านไม่ถือโทษพวกเรา จริงๆเหรอ?”
ในสายตาของเจิ้งเทียนเฉิงมีแววอาฆาตแวบผ่าน แต่เขายังคงพูดอย่างเศร้าๆ “จริง พวกคุณรีบบอกผม หลานชายที่ดีของผมตกลงเป็นยังไง – อยู่ต้องเห็นคน ตายต้องเห็นศพ !”
โจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหลินต่างก็มองหน้ากัน เหมือนกับว่าตัดสินใจอย่างแน่วแน่ ไม่ฟังการห้ามปราบของพวกหลินเจิ้นสง แล้วพูดความจริงออกมา
“นายท่านเจิ้ง ท่านอย่าเศร้าโศก เจิ้งฮ่าวได้จากไปแล้ว”
“อะไรนะ?!”
รูม่านตาของเจิ้งเทียนเฉิงหดตัวลงและสูดลมหายใจที่เย็นเฉียบเข้าลึกๆ ถอยหลังติดๆกันไปหลายๆก้าว สุดท้ายมีเสียงฟุ่บ นั่งลงกับพื้น
“ คุณปู่!”
เจิ้งหลินรีบพาคนของตระกูลเจิ้งพุ่งเข้ามา พยุงเจิ้งเทียนเสียงขึ้น รีบตบหลังเขาให้เขาหายใจได้คล่องๆ
“ หลานชายที่ดีของปู่!”
เจิ้งเทียนเฉิงร้องไห้เสียใจและสีหน้าเศร้าโศกของเขากลายเป็นความอาฆาตอย่างบ้าคลั่งทันที จ้องมองทุกคนในตระกูลโจว “ผมอุตส่าห์สนับสนุนให้ฮ่าวเอ๋อร์กับหลินฉ่ายเวยอยู่ด้วยกัน พวกคุณกับเนรคุณ ทำให้หลานที่ดีของผมตาย วันนี้ไม่สนใจว่าจะเป็นตระกูลโจวหรือตระกูลหลิน ก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตออกไปจากที่นี่ ผมจะฝังพวกคุณไปพร้อมกับหลานของผม! ”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ตระกูลโจวทุกคน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที
โจวฉวนกั๋วรีบมาอยู่ต่อหน้าเจิ้งเทียนเสียงและวิงวอนอย่างขมขื่น “เทียนเฉิงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลโจวเรา โจวเหม่ยหยูนแต่งงานออกไปแล้ว ลูกสาวที่แต่งไปแล้วก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป เอากลับคืนมาไม่ได้ ถ้าหากท่านจะลงโทษจริงๆละก็ ก็เอาโทษกับตระกูลหลินเถอะ ผมกับตระกูลโจวไม่เกี่ยวข้องด้วย ! ”
เรื่องที่เกี่บวกับความเป็นความตายของตระกูลโจว โจวฉวนกั๋วไม่สามารถเป็นห่วงอะไรไปมากกว่านี้ จึงหักหลังลูกสาวของเขาโดยตรง
โจวเหม่ยหยูนก็หน้าซีดเหมือนกันและเธอก็คุกเข่าฟุ่บลงพร้อมพูดว่า “นายท่านเจิ้งเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับตระกูลหลิน พวกเราทุกคนก็เห็นด้วยที่จะให้ฉ่ายเวยกับเสี่ยวฮ่าวอยู่ด้วยกัน เป็นเพราะไอ้ขยะนี่ ฆ่าเสี่ยวฮ่าว จะฆ่าจะแกงเขา สุดแล้วแต่ท่าน ได้โปรดอย่าเอาเรื่องทั้งหมดมาคิดกับตระกูลหลิน! ”
โจวเหม่ยหยูนหันกลับไปอย่างกะทันหัน ชี้ไปที่ถังเฉาและพูดด้วยท่าทีที่โหดเหี้ยม
“แม่ จริงอยู่ที่เขาฆ่าเจิ้งฮ่าว แต่เพราะว่าเขาจะฆ่าพ่อนะ ถึงตายก็ไม่สาสมกับความผิด!”
เมื่อเห็นโจวเหม่ยหยูนผลักถังเฉาออกไปโดยไม่ลังเล หลินฉ่ายเวยก็รู้สึกกังวล
ถึงเธอจะร้าย ก็ไม่ร้ายถึงขั้นจะเอาชีวิตถังเฉา
หลินเจิ้นสงมองไปที่โจวเหม่ยหยูนอย่างคาดไม่ถึง “ยังไงเธอก็เป็นญาติผู้ใหญ่ของถังเฉาทำไมถึงทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้?”
“ฉันทำอะไรผิดหรอ? เดิมทีเขาฆ่าคน เขานั่นแหละเป็นฆาตกร!”
พูดจบ โจวเหม่ยหยูนจึงมาอยู่ข้างๆของนายท่านเจิ้ง แล้วชี้ไปที่ถังเฉาแล้วพูดว่า “นายท่านเจิ้ง ฉันกับท่านอยู่ข้างเดียวกันอย่าปล่อยให้เขาไป!”
หลังจากได้ยินคำพูดของโจวเหม่ยหยูน หลินฉ่ายเวย รีบหันกลับมา พูดกับถังเฉาอย่างกังวล “คุณรีบหนีไป ตระกูลเจิ้งแข็งแกร่งกว่าตระกูลโจวมาก!”
แต่ว่า ถังเฉายังคงนั่งอย่างนิ่งสงบ บนใบหน้าไม่มีความกลัวใดๆ เพียงแต่เมื่อเขามองไปที่โจวเหม่ยหยูน สีที่เย็นชาก็ผ่านเข้ามานัยน์ตาสีดำเข้มของเขาอย่างรวดเร็ว
“คุณถังต้องการให้ผม … ”
ดวงตาของเย่เทียนหลงมีประกายความคมชัด แต่ถังเฉากลับโบกมือ “ยังไม่ถึงเวลาที่คุณต้องลงมือ”
จ้าวเย็นหรานมองไปที่ถังเฉาด้วยความประหลาดใจ
เธอคุ้นเคยกับพี่ชายของเธอเป็นอย่างดี เย่อหยิ่ง และไม่น่าเชื่อถือ ตอนนี้เธอนับถือผู้ชายคนหนึ่งจากก้นบึ้งของหัวใจ
โจวเทียนเฉิงมองตามไปที่ถังเฉาด้วยแววตาที่แฝงความอาฆาต “คุณนี่เอง ที่เป็นคนฆ่าหลานแท้ๆของผม?”
“ใช่”
ถังเฉาไม่ได้มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย พูดอย่างเฉยเมยว่า “เขาจะฆ่าพ่อของผม มีแผนชั่วในใจ ผมฆ่าเขา เป็นสัจธรรมที่ถูกต้อง?”
“ ไม่ว่าหลานชายของผมจะทำอะไรที่ร้ายแรง แต่ก็ไม่ใช่ให้คนนอกอย่างคุณมาลงมือกับเขา!”
วินาทีนี้เจิ้งเทียนเฉิงพุ่งด้วยความอาฆาต ครึ่งตัวของเขาดูไม่ออกสักนิดว่าเป็นคนแก่ใกล้ตาย “ผมจะทำให้คุณรู้ว่า การล่วงเกินตระกูลเจิ้งจุดจบเป็นยังไง!”
“ คุณปู่ ยังมีบางอย่างที่ท่านไม่รู้ … ”
ขณะนี้เจิ้งหลินก็มาอยู่ข้างๆเจิ้งเทียนเฉิง ชี้ไปที่ถังเฉา พูดอย่างเย็นชา “เมื่อสักครู่ก่อนที่งานเลี้ยงวันเกิดจะเริ่มขึ้น เขาให้บอดี้การ์ดของเขาตัดลิ้นของคุณชายไปตั้งหลายตระกูล แถมยังจะลงมือกับผมด้วย! ”
“อะไรนะ?”
เจิ้งเทียนเฉิงยิ่งโกรธมากขึ้น “คุณฆ่าหลานชายของผมไปคนหนึ่งแล้ว ยังคิดจะลงมือกับหลานผมอีกคน?”
เมื่อเผชิญหน้ากับความโกรธของเจิ้งเทียนเฉิง ถังเฉาถึงกับถอนหายใจเบาๆ “เดิมทีทุกคนก็สบายๆ ผมก็ไม่คิดจะลงมืออะไรกับตระกูลเจิ้ง แต่ว่าตอนนี้คุณกำลังบีบบังคับผม”
“บังอาจ!”
ถังเฉาแค่พูดความจริง แต่เจิ้งเทียนเฉิงกลับโกรธสุดขีด “วันนี้คุณคิดว่าคุณจะมีชีวิตออกไปจากตระกูลเจิ้งได้อีกหรอ?”
ในขณะที่พูด เขาโบกมือไปหนึ่งที ทันใดนั้นยอดฝีมือสิบกว่าคนของตระกูลเจิ้งพุ่งออกมาจากทุกด้าน แล้วล้อมที่นี่ไว้
ยังมีผู้ชายอีกคนกำลังจ้องมองมาที่เขา โหนกแก้มของเขานูนออกมา และที่ขมับของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดออกมาเป็นเส้นๆ ดูมีพลังห้าวหาญ อานุภาพไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนทั่วๆไป
“ผมรู้ว่าคุณมีบอดี้การ์ดที่สู้เก่ง ถึงจะสู้เก่งแค่ไหน แต่จะร้ายกาจกว่ากระสุนปืนไหม?”
นายท่านเจิ้งกล่าวด้วยสีหน้าที่บึ้งตึง
“ยิ่งไปกว่านั้น ยังมียอดฝีมือของตระกูลเจิ้ง วันนี้ถึงนายจะเป็นเทพธิดาต้าหลอ ถึงมีปีกก็หนีไม่พ้น!”
ในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ละตระกูลก็สั่นเทาด้วยความหวาดกลัว แต่ถังเฉาสีหน้ากลับไม่เปลี่ยน แม้แต่มุมปากของเขาก็เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
“แค่นี้เอง?”