บทที่173 เชือดไก่ให้ลิงดู
ได้ยินคำพูดของถังเฉา ม่านตาเจิ้งเทียนเฉิงหดลง ยิ่งไปกว่านั้นสีหน้าเจิ้งหลินหวาดกลัวสุดประดัง
คิดให้ตายก็คิดไม่ออก ถังเฉาจะเสนอเงื่อนไขที่จะให้ฆ่าเขา!
มีเพียงเฟิ่งหวง เท่านั้นที่ยังมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ประหลาดใจกับเงื่อนไขนี้ของถังเฉา
เรื่องของรองหัวหน้า เรื่องสามีภรรยาระหว่างเขากับหลินชิงเสว่ ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไหร่ยิ่งดี แต่เจิ้งหลินคนนี้กลับไปได้ยินความลับนี้จากปากของตระกูลต่ง ยังไม่ใช่ครั้งเดียวที่นำเรื่องนี้ไปต่อรองเรื่องเงินหรือแบล็กเมล์ อีกทั้งใช้คำพูดดูหมิ่นหลินชิงเสว่ต่าง ๆ นานา ไม่ฆ่าเขาทิ้งถึงจะแปลก
แต่ว่าไอ้มดเล็ก ๆ ประเภทนี้ ไม่คูควรที่จะให้รองหัวหน้าลงมือสังหารด้วยตนเอง งั้นการสังหารเขา ก็ต้องให้เจิ้งเทียนเฉิงเป็นคนลงมือ
บรรยากาศในตอนนี้ ค่อย ๆ มีไอสังหารบาง ๆ ปะทุขึ้น เจิ้งเทียนเฉิงได้สติ หันไปยิ้มเจื่อน ๆ ให้ถังเฉา พูดว่า: “คุณถัง พอจะเปลี่ยนเงื่อนไขได้หรือไม่? เรื่องมันเป็น—-”
“เงื่อนไขมีเท่านี้ ถ้าไม่รับปาก ตระกูลเจิ้งของพวกคุณก็เตรียมที่จะล่มสลายได้เลย”
ถังเฉาพูดตัดบทโดยไร้เยื่อใย
ส่าาา—-
ได้ยินคำพูดนี้ เจิ้งเทียนเฉิงและเจิ้งหลิน ใบหน้าซีดเผือด
“คุณถัง—-”
เจิ้งเทียนเฉิงยังคิดที่จะวิงวอนขอร้อง ในดวงตาถังเฉากลับส่งประกายเยือกเย็นพูดอีกว่า: “ผมให้เวลาคุณหนึ่งนาที ให้คุณฆ่าเขาด้วยมือคุณเอง ถ้าคุณไม่ลงมือเอง หากถึงกำหนดเวลาแล้ว คนที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด ไม่รอดไปแม้แต่คนเดียว!”
“คุณปู่ ช่วยผมด้วย ผมยังไม่อยากตาย!
เจิ้งหลินทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว รีบคลานไปเกาะที่ขาของเจิ้งเทียนเฉิง ใช้แรงดึงแขนเสื้อเขาไว้
แต่ว่า สิ่งที่ให้ต้องประหลาดใจก็คือ เจิ้งเทียนเฉิงไม่มีทีท่าตอบรับแต่อย่างใด สีหน้าถมึงทึงมาก
เจิ้งหลินเองก็ตกตะลึง นิ่งอึ้งจ้องมองเจิ้งเทียนเฉิง: “คุณปู่?”
“คุณยังมีเวลาเหลืออีกครึ่งนาที”
ถังเฉามองดูนาฬิกา พูดเตือนไปเล็กน้อย
“คุณปู่ ปู่อย่าไปฟังมัน เขาไม่กล้าทำอะไรผมหรอก……”
เจิ้งหลินหวาดกลัวจนลนลาน กุมมือเจิ้งเทียนเฉิง เนื้อตัวสั่นเทา
“เสี่ยวหลิน หลานใจเย็น ๆ ฟังปู่พูดให้ดี ๆ นะ ……”
เจิ้งเทียนเฉิง จู่ ๆ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดวงตามองไปที่เจิ้งหลิน ด้วยท่าทีหมดหนทางช่วย
เจิ้งหลิน มองสีหน้าของปู่ เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง จนในใจรู้สึกหดหู่เศร้าใจ
“ปู่ตักเตือนเจ้ามาตลอด ปากมากจะก่อเรื่อง สงบนิ่งดั่งทองพันชั่ง แต่ว่าหลานไม่เคยเชื่อฟัง”
เขามองหน้าเจิ้งหลินแล้วทอดถอนใจพูดอีกว่า: “หลานคิดว่าตระกูลเจิ้งมีอิทธิพลมาก ดังนั้นจึงเย่อหยิ่งจองหองทำอะไรไม่ยับยั้งชั่งใจ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา แต่ว่ามีเพียงปู่เท่านั้นที่รู้ ตระกูลเจิ้งยังไม่มีอิทธิพลมากพอ ไม่เคยปริปากออกมา พูดแต่เพียงว่า ทั่วทั้งหมิงจูยังมีคนอีกมากมายที่สามารถทำลายตระกูลเจิ้งได้”
“คุณปู่ คุณอย่ามัวแต่พูดเลย รีบช่วยผม—-”
“เดิมที ถ้าไม่มีเรื่องของหลานมาก่อกวน บางทีตระกูลเจิ้งของพวกเรายังจะอยู่รอด เพราะหลานมีส่วนทำร้ายทั้งตระกูลเจิ้ง”
ดูเหมือนเจิ้งเทียนเฉิงจะไม่ได้ยินคำพูดของเจิ้งหลิน พูดด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
แววตาเต็มไปด้วยความเมตตา ราวกับคุณปู่มองตนเองในสมัยเป็นเด็ก
“ยังอีกสิบวินาที” ถังเฉาปล่อยมือลง เดินช้า ๆ ไปทางเจิ้งหลิน
ถ้าหากเจิ้งเทียนเฉิงไม่วางมือ เขาก็จะลงมือด้วยตัวเอง ทำลายตระกูลเจิ้งทั้งหมด
“เสี่ยวหลิน คุณปู่รู้สึกว่าเวลาที่มีความสุขที่สุดก็คือ สมัยที่เธอกับเสี่ยวฮ่าวสองคนยังเป็นเด็ก พี่น้องทั้งสองคนเล่นด้วยกัน เธอว่า เสี่ยวฮ่าวอยู่บนสวรรค์คนเดียว จะเหงาหรือเปล่า?”
พูดถึงตรงนี้ ดวงตาทั้งคู่ของเจิ้งเทียนเฉิงแดงก่ำ แม้แต่น้ำเสียง ก็ยังเป็นเสียงสะอื้น
ในมือของเขามีปืนที่ดูน่ากลัวหนึ่งกระบอก ยกขึ้นอย่างช้า ๆ จ่อไปที่ศีรษะของเจิ้งหลิน
“ท่านปู่!ปู่จะทำอะไร?”
มองเหตุการณ์แล้ว ดวงตาเจิ้งหลินหดลง ถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
“ผู้นำ ไตร่ตรองด้วย!”
คนอื่นๆ ในตระกูลเจิ้งก็วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ แต่เจิ้งเทียนเฉิงกลับหันไปด้านหลังด้วยความดุร้าย โกรธเคือง: “ทุกคนอย่าเข้ามา!”
ทุกคนต่างตกใจ มองเจิ้งเทียนเฉิงด้วยความหวาดกลัว ในเวลานั้นเห็นเพียงสภาพความโหดร้ายของเขาซึ่งยากจะบรรยายได้
“ตระกูลเจิ้งสืบทอดกันมาสามรุ่น ฉันไม่สามารถให้มันจบลงในมือของฉัน มิฉะนั้นแล้วอีกสามสิบปีข้างหน้า ฉันไม่มีหน้าไปพบเหล่าบรรพชน!”
“แต่ ผมเป็นหลานของท่านนะ!”
เจิ้งหลินมองไปที่เจิ้งเทียนเฉิงไม่น่าเชื่อกับสายตา คิดไม่ถึงว่าท่านปู่เพื่อปกป้องวงศ์ตระกูลถึงกับจะฆ่าตนเองได้
“ห้า สี่ สาม……”
ถังเฉาเริ่มนับถอยหลัง
เจิ้งเทียนเฉิงมองไปที่เจิ้งหลิน พูดว่า: “เสี่ยวหลิน เพื่อตระกูลแล้ว ทำได้เพียงต้องเสียสละหลาน หลานอย่าตำหนิปู่เลยนะ”
จบเสียงพูด เขาหลับตาลง เหนี่ยวไกปืนด้วยความโหดร้าย
เจิ้งหลินไม่ได้คิดอะไร หันหลังกลับวิ่งไม่คิดชีวิต
ปั้ง—-
แค่ได้ยินเสียงปืน เจิ้งหลินวิ่งไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็แน่นิ่งไปเลย
ตัวของเขาแข็งทื่อราวกับน้ำแข็ง ตอนหันกลับไปอีกครั้ง ทุกคนต่างเห็นว่าหน้าผากของเขา ปรากฏรูเลือด
เลือดสดๆ ไหลออกมา ศพของเจิ้งหลินอ่อนปวกเปียกล้มลงบนพื้น
“หลานของฉัน!”
เจิ้งเทียนเฉิง เงยหน้าด้วยท่าทีเศร้าโศก ปืนที่อยู่ในมือ หล่นตกลงที่พื้น
ตระกูลเจิ้งทั้งหมด ตกอยู่ในความเงียบ ตั้งแต่เจิ้งเทียนเฉิงใช้ปืนยิงหลานของเขากับมือตนเอง ก็ทำนายได้ว่า จากนี้ไปตระกูลเจิ้งถึงจุดจบแล้ว!
หลังผ่านความเศร้าโศก ดูเหมือนเจิ้งเทียนเฉิงจะแก่ชราไปกว่าสิบปี มองไปทางถังเฉาด้วยสายตาที่ขุ่นข้องหมองใจ: “คุณถัง ฉันได้ทำในสิ่งที่คุณต้องการ ฆ่าหลานของฉันไปแล้ว คุณจะปล่อยตระกูลเจิ้งของฉันแล้วใช่หรือไม่”
ถังเฉาพยักหน้าเล็กน้อยและมองไปที่ จูหาวแวบหนึ่ง
จูหาวก้าวเดินไปข้างหน้า ยื่นสัญญาฉบับหนึ่ง: “ผู้นำเจิ้ง คุณลงชื่อในเอกสาร เป็นตัวแทนตระกูลเจิ้งและกิจการที่อยู่ภายใต้การดูแลทำ การถ่ายโอนไปยังชื่อของคุณถังแล้ว”
สังหารหลานของตนเองกับมือ ได้ตอกย้ำอยู่ภายในใจของนายท่านเจิ้ง เขาจับปากกาเซ็นชื่อตนเองด้วยท่าทีไร้จุดหมายและหันกลับไปมองที่สมาชิกตระกูลเจิ้งทั้งหมด: “ทุกคนจัดเก็บสิ่งของในบ้าน ออกจากหมิงจูในคืนนี้เถอะ”
ความสัมพันธ์ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมา ความเสียใจอ้างว้างโดดเดี่ยวกับการเสียชีวิตของเจิ้งหลิน ความหายนะของตระกูลเจิ้ง ทุกคนในตระกูลเจิ้งต่างโศกเศร้าเสียใจ กลัวว่าคงจะไม่อาจกลับมาดีดังเดิมอีก และทำได้เพียงรีบกลับไปที่ ตระกูลเจิ้ง เก็บสัมภาระ
เย่เทียนหลงมองดูศพของเจิ้งหลินที่อยู่บนพื้นแล้วถามว่า: “คุณถัง จัดการศพของเขาอย่างไร?”
ถังเฉาไม่ได้ชายตามอง พาเฟิ่งหวงหันหลังเดินจากไป
ในขณะนั้นเอง มีเสียงที่แสนเย็นชาดังขึ้นมา
“ผ้าขาวห่อศพ โยนไปที่ตระกูลโจว!”
“ได้!”
เย่เทียนหลงตอบรับ ส่งสายตาที่โหดร้าย
นี่เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู
“เย่เทียนหลง รอก่อน!”
เย่เทียนหลงกำลังจะจากไป จู่ๆ จ้าวเย็นหรานเรียกเขาไว้: “เธอกับคนใจแคบคนนั้นสนิทสนมกันมากเหรอ?”
“……”
เย่เทียนหลงถูกน้องสาวถามประโยคที่ว่าคนใจแคบคนนั้นแล้วก็ตกใจ เพ่งมองด้วยสายตาที่ดุดัน: “ต้องเรียกว่าคุณถัง”
จ้าวเย็นหรานกลับมองถังเฉาเดินจากไปอย่างไม่ละสายตา พูดอย่างตั้งใจว่า: “ฉันคิดว่า ฉันรู้สึกสนใจเจ้าคนใจแคบคนนั้นแล้ว”
เย่เทียนหลงตกตะลึง ตกใจในคำพูดจากปากของจ้าวเย็นหราน: “ข้าวสามารถกินแบบมั่ว ๆ ได้ แต่คำพูดไม่สามารถพูดมั่ว ๆ ได้นะ คุณถังเค้าแต่งงานแล้ว!”
“แล้วจะเป็นอะไรไป?”
จ้าวเย็นหรานผลักมือของเย่เทียนหลงออก มองเขาอย่างไม่ค่อยพอใจ: “เขาแต่งงานก็แต่งไปซิ ฉันไม่ได้จะแต่งงานกับเขา”
“……”
เย่เทียนหลงมองน้องสาวของตนเองด้วยความกังวลใจ กังวลว่าจะเป็นแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ
ในตัวเมือง ตระกูลโจว
โจวฉวนกั๋ว โจวเหม่ยหยูน โจวเหม่ยหลิง หลินฉ่ายเวย เหล่าอนุต่างเข้ามารวมกันในห้อง แต่ว่าบรรยากาศเหมือนไม่ชอบมาพากลใบหน้าทุกคนเหมือนกำลังกังวลถึงสถานการณ์ยากลำบากที่จะเกิดขึ้น
นายท่านเจิ้งพูดชัดเจนว่า จะส่งถังเฉากลับตระกูลโจว แต่เวลาผ่านไปตั้งนานแล้ว ก็ยังไม่มีข่าวคราวเลย
หลินฉ่ายเวยยืนขึ้นพรวดพราด แล้วพูดว่า: “ไม่ได้การแล้ว ฉันอยากไปดูเหตุการณ์ที่ตระกูลเจิ้งหน่อย”
โจวเหม่ยหยูนดึงตัวนางกลับมา ใบหน้าแฝงความดุดัน: “เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมพูดไม่รู้เรื่องนะ เจ้าสวะคนนั้นล่วงเกินตระกูลเจิ้ง พวกเราเลยใช้โอกาสนี้ปัดความผิดทั้งหมดออกไป!”
โจวฉวนกั๋วจึงออกคำสั่ง: “ก่อนที่คนจากตระกูลเจิ้งจะมา ใครก็ห้ามออกไปตระกูลโจว ใช้ไอ้สวะคนหนึ่งเพื่อแลกความไว้วางใจจากตระกูลเจิ้งใหม่อีกครั้ง ไม่เลว!”
“แต่ว่า……”
หลินฉ่ายเวยยังอยากจะพูดอะไร ที่หน้าประตูกลับมีเสียงรถยนต์ดังขึ้น
มีรถคันหนึ่งจอดที่ประตูตระกูลโจว มีคนจำนวนหนึ่งทิ้งกระสอบใบใหญ่สีดำ จากนั้นโยนเข้ามาในตระกูลโจว และจากไป
กระสอบใบใหญ่นั้นทั้งหนาและหนัก ดูจากรูปทรงแล้ว ควรจะเป็นคน ๆหนึ่ง
โจวฉวนกั๋วยืนขึ้นในทันที หัวเราะอย่างเปิดเผย: “พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาถึง เจ้าสวะคนนี้น่าจะถูกมือดีในตระกูลเจิ้งทำร้ายจนแขนขาบาดเจ็บ เสร็จแล้วนำส่งมาที่นี่”
หลินฉ่ายเวยสูดลมหายใจลึก ๆ ใบหน้าเปลี่ยนเป็นความกังวล เดินตามคนตระกูลโจวมาถึงกระสอบดำใบนั้น
“ให้ฉันดูหน่อยว่าเจ้าสวะคนนี้ถูกตีจนมีสภาพอย่างไร……”
โจวเหม่ยหยูนเปิดกระสอบด้วยความใจร้อน กลับพบศีรษะที่ถูกยิง เจิ้งหลินเสียชีวิตแล้วนั้นเอง
ดวงตาคู่นั้น มองตรงมาที่โจวเหม่ยหยูนพอดี โจวเหม่ยหยูนตกใจหน้าขาวซีด เสียงตุบ นั่งกองที่พื้น ร้องออกมาเสียงดังว่า: “ผีหลอก!”