บทที่183 ล้วงคองูเห่า
เมื่อเห็นหลินชิงเสว่คุกเข่าลงอย่างเชื่องช้า รอยยิ้มที่เยาะเย้ยก็ปรากฏที่มุมปากของต่งอี้สิง เสิ่นชิงหยุนและเหล่าบรรดาชายหนุ่มทั้งหลาย
แต่ในช่วงเวลาต่อมารอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาก็เยือกแข็งทันที
ถังเฉาเพียงแค่เตะเก้าอี้เบาๆ เก้าอี้ก็มาอยู่ด้านหลังของหลินชิงเสว่อย่างแม่นยำ
หลินชิงเสว่งอเข่า แต่กลับนั่งลงบนเก้าอี้อย่างไม่น่าเชื่อ
ในขณะนี้เธอเองก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ และเธอก็ได้แต่จ้องมองฉากนี้ด้วยความงุนงง
สีหน้าของต่งอี้สิงหมองลงอย่างมาก และดวงตาของเขาก็มีแววอำมหิตฉายออกมา จ้องไปที่หลินชิงเสว่อย่างโกรธเคือง: “ฉันให้คุณคุกเข่าลง แต่คุณกลับนั่งลง คุณไม่กลัวว่าฉันจะเผยแพร่วิดีโอนี้ออกไปเหรอ?”
หลินชิงเสว่หันศีรษะและมองไปที่ถังเฉาด้วยดวงตาสีแดง
ถังเฉาปลอบโยนเธอด้วยสายตาของเขา จากนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนและเดินไปทางต่งอี้สิง
ก้าวที่หนึ่ง! ก้าวที่สอง! ก้าวที่สาม!
ในห้องส่วนตัวที่เงียบเชียบ มีเสียงฝีเท้าที่หนักหน่วงแต่มีจังหวะของถังเฉาดังก้อง
ถังเฉาชำเลืองมองทุกคนด้วยสีหน้าเฉยเมย และในที่สุดก็หยุดลงที่ต่งอี้สิง และดวงตาคู่นั้นของเขาก็เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
ตอนนี้เขาไม่สนว่าต่งอี้สิงเอาวิดีโอนี้มาด้วยวิธีไหน เพียงแค่การที่เขาขู่หลินชิงเสว่ด้วยวิดีโอนี้ และบังคับให้เธอยอมจำนนต่อเขานั้น เขาก็สมควรที่จะตายหลายหมื่นครั้งแล้ว
ต่งอี้สิงไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย เขาเลิกมุมปากขึ้นเล็กน้อยและมองไปที่ถังเฉาด้วยความเย้ยหยัน: “ถังเฉาฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่คนธรรมดา แม้แต่ซ่งเทียนซานก็ไม่ใช่คู่แข่งของคุณ แต่คุณจะข่มใจละทิ้งคุณหลินได้จริงเหรอ?”
ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้ เสิ่นชิงหยุนและชายหนุ่มคนอื่นๆต่างก็หยุดการหัวเราะที่เย้ยหยันในทันที และสายตาที่มองถังเฉาก็เต็มไปด้วยความตกใจ
ซ่งเทียนซาน ต่งอี้สิง เสิ่นชิงหยุนและไอ้คนประหลาดนั่นจากตระกูลเหยียน ถูกเรียกรวมกันว่า “คุณชายสี่หมิงจู” แต่ช่วงหลังๆนี้พวกเขาไม่มีข่าวของซ่งเทียนซานเลย
ไม่คาดคิดว่าเขาจะถูกกำจัดด้วยมือของถังเฉา
ถังเฉายังคงเงียบไม่พูดสักคำ เขาเพียงแค่จ้องมองต่งอี้สิงด้วยสายตาล้ำลึก
ต่งอี้สิงยิ้มและพูดต่อ: “คุณอย่าลืมว่าห้าปีที่แล้ว คุณเป็นคนที่กระทำการทารุณกับคุณหลินและคุณคือคนที่ทำร้ายเธอ! ไม่ว่าคุณจะพยายามชดเชยมากแค่ไหนก็ตามมันก็ไม่สามารถลบความจริงนี้ไปได้ ในเมื่อคุณกล้าทำแต่ทำไมคุณถึงไม่กล้ายอมรับมันล่ะ? ฉันแค่เปิดเผยความจริงต่อสาธารณะแทนพวกคุณเท่านั้น! ”
หลินชิงเสว่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวสั่นไปหมด
ข้างนอกหน้าต่างมีฟ้าร้องดังลั่น และลมฝนกระหน่ำ แต่ข้างในใจเธอกลับหนาวกว่าหลายเท่า
ถังเฉาตบไหล่ที่วิตกกังวลของหลินชิงเสว่เบาๆ ในขณะที่มองไปที่ต่งอี้สิงอย่างเฉยเมย และออร่าแห่งการสังหารก็ฉายผ่านรูม่านตาที่มืดมิดของเขา และเขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “คุณคงไม่คิดว่าเราจะยอมจำนนต่อคุณเพียงเพราะวิดีโอนี้ใช่ไหม?”
ตอนที่ต่งอี้สิงเปิดวิดีโอเขาก็รู้สึกตกใจมากเหมือนกัน เขาไม่คาดคิดว่าสถานการณ์จะร้ายแรงขนาดนี้ แต่ตกใจก็ส่วนตกใจหลังจากที่ตั้งสติได้เขาก็กลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง
หากเรื่องเล็กแค่นี้ก็สามารถทำให้เขาตื่นตระหนกได้ คนคนนั้นก็คงประเมินเจ้ามังกรอย่างเขาต่ำไป
“นี่ก็คือจุดอ่อนของพวกคุณ”
ต่งอี้สิงยิ้มเยาะและพูดว่า: “ตอนนี้พวกคุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมาเจรจากับฉัน! พวกคุณมีเพียงทางเลือกเดียวคือการคุกเข่าต่อหน้าฉันขอความเมตตาจากฉัน ถึงจะรอดได้!”
ในสายตาของเขาถังเฉาและหลินชิงเสว่เป็นเพียงแค่การต้มกบในน้ำอุ่น และในไม่ช้าก็เร็วพวกเขาจะถูกต้มจนสุก
เสิ่นชิงหยุนที่อยู่ข้างหลังเขาและชายหนุ่มคนอื่นๆ ต่างก็หัวเราะเยาะพวกเขา
หลินชิงเสว่บังคับตัวเองให้สงบลงในเวลานี้ แต่ดวงตาของเธอยังคงแดงเหมือนเดิม: “ใครให้วิดีโอนี้กับคุณ?”
เธอไม่เชื่อว่าต่งอี้สิงจะเป็นคนที่ถ่ายทำวิดีโอนี้เมื่อห้าปีก่อน มันมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือมีคนถ่ายวิดีโอไว้แล้วส่งต่อให้เขาทีหลัง
ต่งอี้สิงยิ้มเยาะและออกคำสั่งว่า: “ใครให้ฉันมันสำคัญด้วยเหรอ? คุณรีบส่งโครงการของสำนักงานการก่อสร้างไปที่บ้านตระกูลต่งเดี๋ยวนี้!”
เขาขู่หลินชิงเสว่ด้วยวิดีโอที่แปดเปื้อนเมื่อห้าปีก่อน และหลินชิงเสว่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันไปหาถังเฉา
ในเวลานี้เธอได้ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ถังเฉาแล้ว
ถังเฉาจ้องมองไปที่ต่งอี้สิง: “ให้คุณสองทางเลือก ลบแหล่งที่มาของวิดีโอทันทีและบอกฉันว่าใครให้วิดีโอนี้กับคุณ ไม่เช่นนั้นตาย!”
เสียงของเขาเต็มไปด้วยเจตนาในการฆ่า และมันเย็นเข้าไปในใจลึกๆของพวกเขา ราวกับว่าอุณหภูมิในห้องส่วนตัวลดลงหลายองศาตามเสียงนั่น
ต่งอี้สิง เสิ่นชิงหยุนและชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเขาประหลาดใจสักครู่ แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็กลับมาเป็นปกติ และพูดเยาะเย้ยว่า: “คุณเป็นแค่ไอ้ขยะที่ถูกขับออกจากตระกูลหลิน และสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยอาศัยเสียงเท่านั้น ที่คุณพูดแบบนี้คุณไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?”
เสิ่นชิงหยุนก็มองไปที่เสียงและกล่าวว่า: “คุณหลินฉันว่าคุณทำตามที่เราบอกเถอะ พวกเราทุกคนมีอำนาจสูงสุดในเมืองหมิงจู หากพวกเราต้องการให้คุณสูญเสียทุกอย่างในชีวิต มันก็เป็นเพียงเรื่องของการโทรศัพท์ไม่กี่ครั้งเท่านั้น”
กลุ่มชายหนุ่มที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่มีใครสนใจคำพูดของถังเฉา และท่าทีของเขาก็หยิ่งผยองอย่างยิ่ง
สายตาของถังเฉาก็เย็นชาลงเรื่อยๆจนกระทั่งหมดความอดทนอย่างสิ้นเชิง
อันที่จริงกลุ่มชายหนุ่มที่นำโดยต่งอี้สิงและเสิ่นชิงหยุนเหล่านี้ เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในเมืองหมิงจูจริงๆ เพราะแค่พูดถึงเศรษฐีในกลุ่มก็มีถึงสองคนแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามมันไม่ได้อยู่ในสายตาของถังเฉาอยู่ดี
ตระกูลซ่งพินาศอย่างไร ตระกูลต่งและตระกูลเสิ่นก็จะต้องเจริญรอยตาม
ใบหน้าของหลินชิงเสว่ขาวซีดด้วยความโกรธที่เป็นฟืนเป็นไฟ
แม้ว่าลี่จิงกรุ๊ปจะเป็นองค์กรระดับต้นๆของเมืองหมิงจู แต่ก็ยังคงอยู่ในระหว่างการพัฒนา และในสายตาขององค์กรยักษ์หลายองค์กรลี่จิงกรุ๊ปก็ยังคงเป็นแค่ลูกอ่อนอยู่ และหากบริษัทของตระกูลต่งและตระกูลเสิ่นพยายามที่จะกำจัดลี่จิงกรุ๊ปจริงๆ แน่นอนว่ามันง่ายนิดเดียวเท่านั้น
“เป็นไงตอนนี้รู้สึกกลัวแล้วใช่ไหม?”
เมื่อเห็นว่าถังเฉาและหลินชิงเสว่ไม่ได้พูดสักคำ รอยยิ้มของต่งอี้สิงก็ยิ่งเบิกบานขึ้นกว่าเดิม เขาหยุดชั่วคราวและพูดต่อว่า: “คุณหลิน ฉันมีเรื่องต้องสะสางกับคุณ ส่งมอบโครงการของสำนักงานการก่อสร้างมาโดยดี แล้วฉันจะลบวิดีโอทิ้ง คุณยังสามารถสร้างมิตรภาพที่ดีกับตระกูลต่งอีกด้วยมันไม่ดีตรงไหน? แต่ถ้าคุณปฏิเสธฉันผลลัพธ์ที่รอคุณอยู่คือชื่อเสียงป่นปี้และไร้ที่อยู่อาศัย—- แม้แต่เด็กสามขวบยังรู้ว่าควรเลือกทางไหน คุณหลินคุณอย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้?”
เมื่อเห็นต่งอี้สิงซึ่งมั่นใจว่าตัวเองจะชนะ ถังเฉาก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ทันใดนั้นก็หมดความสนใจที่จะเจรจากับเขา และเขาก็กดโทรหาหลัวปู้โดยตรง
ต่งอี้สิง เสิ่นชิงหยุนและกลุ่มชายหนุ่มไม่ได้ห้ามเขา พวกเขาเพียงมองดูถังเฉาโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้ม เพราะอยากรู้ว่า ‘ผู้ยิ่งใหญ่’ คนไหนจะได้รับเชิญจากไอ้ขยะที่ถูกไล่ออกจากตระกูลหลิน
แต่ว่าก่อนที่จะมีคนรับสายโทรศัพท์ ก็มีเสียงรองเท้าส้นสูงดังขึ้นจากด้านนอกห้องส่วนตัว
ตึกตึกตึก—-
ฟังจากเสียงฝีเท้าที่รวดเร็วแต่มั่นคงและทรงพลัง ก็คาดเดาได้ไม่ยากว่านี่คือหญิงสาวที่เฉียบขาดและแข็งแกร่ง
แอ๊ด—-
ในเวลาต่อมาประตูห้องส่วนตัวก็เปิดออก
ผู้หญิงคลาสสิกในชุดกี่เพ้ารัดตัวสีม่วงเดินเข้ามา
ผมยาวกระจัดกระจาย และร่างกายของเธอมีออร่าแห่งความแข็งแกร่งฉายออกมา เธอกวาดมองทุกคนในห้องส่วนตัวด้วยสายตาเยือกเย็น
ขณะที่ผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามา สีหน้าของต่งอี้สิง เสิ่นชิงหยุนและกลุ่มชายหนุ่มต่างก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
“ซ่งหรูอี้?!”
ถังเฉาก็มองไปที่การปรากฏตัวของซ่งหรูอี้ด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยจากนั้นจึงวางสายโทรศัพท์ลง
“ทุกท่านค่ะฉันเป็นคนที่อยากได้โครงการของสำนักงานการก่อสร้างของลี่จิงกรุ๊ปก่อน หวังว่าทุกท่านจะให้เกียรติฉันบ้าง”
ซ่งหรูอี้ชำเลืองมองทุกคนด้วยดวงตาสวยงามของเธอ และพูดอย่างยิ้มเยาะว่า: “อย่าคว้าอาหารจากปากเสือสิคะ!”